บทที่ 289 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (1)
ฝ่ามือสีเงินบดบังฟ้าบังดวงตะวันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกที
ทุกสิ่งกีดขวางตรงหน้าฝ่ามือนี้แหลกสลายไปในพริบตา
ฉีเซ่าเสวียนได้แต่เบิกตามองฝ่ามือนี้ห่อหุ้มตน รู้สึกถึงแรงกดดันอันแก่กล้าแล่นเข้ามา
ตุบ
เหมือนกับบี้แมลงสาบตาย ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ
บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน พ่ายแพ้
……
ต่อมา ร่างของฉีเซ่าเสวียนก่อตัวขึ้นบนเวทีประลองอีกครั้ง
เขานิ่งอึ้งไป ยังไม่ได้สติกลับมาเลย
นี่มันอะไรกัน เมื่อครู่เขาถูกสังหารในพริบตาหรือ
สองครั้งก่อนยังดีๆ อยู่ แซ่ฉียังสูสียากจะตัดสินแพ้ชนะกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่ไม่ใช่หรือ
หากไม่ใช่เพราะสองครั้งก่อนทำได้ไม่ดี แซ่ฉีมีโอกาสชนะเห็นๆ!
แต่เหตุใดครั้งที่สามแซ่ฉีปรับอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับเปิดสูตรโกงเล่า
ไม่ได้มีเพียงฉีเซ่าเสวียนที่ตกตะลึงเท่านั้น ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ชมการต่อสู้อยู่ต่างอึ้งค้างไปเช่นกัน
ถึงอย่างไรฉีเซ่าเสวียนแข็งแกร่งเพียงใด ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนในดินแดนบูรพาต่างได้เห็นมากับตาแล้ว กล่าวได้ว่าในรุ่นเยาว์ฉีเซ่าเสวียนเป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องละอายใจ กวาดล้างแปดทิศไร้คู่ต่อกร
แม้แต่บุตรพุทธะขู่ตัวอันดับสองในรายนามแก่นพลังทองยังรับเขาได้แค่ยี่สิบกระบวนท่า
ฟางฉางในอันดับสามกับจางอวิ๋นซีและจางอวิ๋นถิงร่วมมือกันถึงจะสู้กับเขาได้
ตัวตนเช่นนี้ แม้จะมองโอรสสวรรค์ทุกคนทั้งดินแดนบูรพาตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ยังเป็นระดับสุดยอดผู้โดดเด่น
บางทีอาจมีเพียงฉู่หรงเหอเมื่อพันปีก่อน รวมถึงโอรสสวรรค์ที่เก็บตัวเงียบอยู่ในกาลเวลายาวนานยิ่งกว่า ถึงจะพอทัดเทียมเขาได้
กระทั่งวัดกันที่ระดับพรสวรรค์ในรายนามเทพสงคราม แม้แต่ฉู่หรงเหอยังตกไปอยู่ใต้ฉีเซ่าเสวียน
แม้จะมีปัจจัยจากผู้ชมส่วนหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ก็คือผลลัพธ์
โอรสสวรรค์เช่นนี้ถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สังหารในพริบตาหรือ
ภาพเหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าล้มล้างความคิด!
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ข้าตาฝาดไปหรือ เหตุใดถึงเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถูกสังหารในพริบตาล่ะ”
“เชื่อข้าเถอะ ไม่ใช่เจ้าคนเดียว”
“ข้อความข้างบนด่าคนอะไรเช่นนั้น! ดาบใหญ่ของข้าล่ะ!”
“เจ้าไม่ได้ตาฝาด ข้าก็เห็นเหมือนกัน ฝ่ามือนั้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกินจริงไปมาก”
“ตอนแรกข้าคิดว่ากำลังรบของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะสูสีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ตอนนี้ดูแล้วคนละระดับกันเลย!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! หรือว่านี่จะเป็นกำลังรบแท้จริงของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ การต่อสู้สองครั้งก่อนเขายังไม่เอาจริงรึ”
“แต่นี่ไม่ใช่ร่างเงาของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือ ไฉนร่างเงาถึงออมมือได้ ไม่ควรจะสู้เต็มที่แต่แรกหรือ”
“เหอๆ ใครบอกเจ้าว่าร่างเงาออมมือไม่ได้ อย่าลืมสิว่าร่างเงานี่มีสมองกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก”
“น่าขำเหลือเกินอมิตาพุทธ เจ้าจื่อสู่จิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงล่ะ ไฉนถึงเงียบไป”
‘ขอบคุณบุตรพุทธะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี ‘ขู่ตัว’ มอบรางวัลศิลาวิญญาณให้ร่างเงาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หกหกหกก้อน’
‘ขอบคุณบุตรพุทธะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี ‘ขู่ตัว’ มอบรางวัลศิลาวิญญาณให้ร่างเงาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หกหกหกก้อน’
…….
การถ่ายทอดสดหยุดชะงักไปอีกครั้ง
ฉีเซ่าเสวียนอ่านข้อความรอบเวทีประลองแล้วก็หน้าเขียวอมม่วงขึ้นมา
อัปยศ!
นี่คือความอัปยศอดสู!
เขาฉีเซ่าเสวียนตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ต้องเคยพ่ายแพ้อย่างอนาถเช่นนี้หรือ
อย่าว่าแต่เขาไม่เคยอนาถาเช่นนี้มาก่อนเลย ตลอดหลายพันปีมานี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทุกรุ่นยังไม่เคยอนาถาเช่นนี้มาก่อน!
ต่อให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะโดนจางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอกดขี่ตอนยังหนุ่ม ก็แค่ถูกแขวนทุบตี ไม่ถึงกับถูกสังหารในกระบวนท่าเดียวและในพริบตาเดียว
นี่ถ้าแพร่งพรายออกไป เขาฉีเซ่าเสวียนจะอยู่อย่างไร คงได้มีฉายาบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่น่าสังเวชที่สุด!
“ดวงจิตหอคอย เจ้าต้องอธิบายกับแซ่ฉี เจ้าแอบลงมือปรับพลังให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สูงขึ้นหรือไม่”
ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์ ใบหน้าดำเหมือนฟ้าครึ้มฝน “เหตุใดครั้งนี้เสิ่นเทียนถึงแกร่งเช่นนี้”
เสียงนุ่มนวลของดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง “บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มอย่าโมโหไปเลย โมโหเจ็บป่วยขึ้นมาไม่มีใครรับแทนได้ ท่านนั่งลงใจเย็นลงก่อน ในหอคอยเทพสงครามมีสัจจะอยู่แล้ว”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุก ข้าถูกสังหารในพริบตาในการถ่ายทอดสด ขายหน้าไปถึงบ้านแล้ว เจ้าจะยังให้ข้าใจเย็นอีกรึ
ต้องรู้ว่าข้าแซ่ฉีเติมไปแสนหก แสนหกหมื่นแต้มเทพสงครามเชียว!
นี่คือท่าทีที่หอคอยเทพสงครามพวกเจ้าปฏิบัติต่อลูกค้าหรือ
เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่เคารพ ท่านน่าจะเคยอ่านประกาศก่อนเข้าหอคอยแล้ว ร่างเงาโอรสสวรรค์ทั้งหมดในหอคอยจะวัดตามกำลังรบตอนที่ผู้นั้นฝึกฝนในหอคอย วิธีการลงมือของเขาจะเป็นการสุ่ม หรือก็คือกลอุบายทั้งหมดของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อาจสำแดงออกมาตอนสู้กับท่านได้หมด วิชาพวกนี้มีอ่อนแอก็ย่อมมีแข็งแกร่ง”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุก “เจ้าหมายความว่าสองรอบก่อนนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แค่ใช้การโจมตีธรรมดาสู้กับแซ่ฉี พอครั้งนี้ก็โจมตีสุดกำลังรึ”
ดวงจิตหอคอยพูดอย่างอ่อนโยน “ถูกต้อง บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีความรู้มากประสบการณ์ น่าจะมองออกว่าวิชาแรกที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้คือแสงเทพห้าสีของเผ่าเทพนกยูง
ครั้งที่สองคือการโจมตีด้วยความเร็วของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินทองคำเซียนปีกปักษา ล้วนไม่ใช่ไม้ตายที่เหมาะสมกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่สุด แต่ครั้งที่สามที่โจมตีสังหารท่านในท่าเดียวคือสุดยอดวิชาที่เรียนมาจากข้า…หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหา
โอรสสวรรค์ทุกคนที่สำเร็จการฝึกฝนจะได้เลือกเรียนสุดยอดวิชานี้จากหอคอยเทพสงคราม ก่อนหน้านี้ท่านเอาชนะโอรสสวรรค์ห้าดาวสองคน โอรสสวรรค์หกดาวหนึ่งคน ตามกฎแล้วจะเลือกมรดกห้าดาวสองวิชากับมรดกหกดาวได้หนึ่งวิชา”
ฉีเซ่าเสวียนดวงตาลุกวาวขึ้นมา “หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาของเสิ่นเทียนคือมรดกวิชากี่ดาว”
ดวงจิตหอคอยเงียบ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยอย่างเนิบนาบ “หัตถ์ทลายเวหาคือมรดกวิชาเจ็ดดาว”
มรดกวิชาเจ็ดดาว?
มิน่าถึงทรงอานุภาพเช่นนี้!
รอเดี๋ยว เป็นโอรสสวรรค์หกดาวเหมือนกัน ไฉนเขาถึงมีมรดกวิชาเจ็ดดาวได้
ฉีเซ่าเสวียนชะงักงัน ก่อนจะถามในใจ “หอคอยเทพสงคราม บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือโอรสสวรรค์กี่ดาวกันแน่”
ดวงจิตหอคอยตอบนิ่งๆ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลือกอำพรางอันดับของตน ไม่ติดรายนามดาวเด่นเทพสงครามและรายนามรวมเทพสงคราม หอคอยเทพสงครามมีหลักการเคารพความเป็นส่วนตัวของโอรสสวรรค์ทุกคน ไม่สะดวกจะเผยอันดับของเขา”
ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “จะต้องเอาชนะโอรสสวรรค์เจ็ดดาวเท่านั้นหรือไม่ถึงจะได้รับมรดกวิชาเจ็ดดาว”
ดวงจิตหอคอย “ถูกต้อง”
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก “วิชาหัตถ์ปฐมกาลทลายเวหามรดกเจ็ดดาวนี่ เสิ่นเทียนได้มาจากในหอคอยเทพสงครามหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน