บทที่ 289 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2)
ด้านนอกวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ บนหินตระหนักรู้
เสิ่นเทียนมองจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาวอย่างยิ่งนั้นพลางรินสุราเองดื่มเอง
ดื่มต่อไปทีละแก้ว ความรู้สึกเมามายเข้ามาทีละระลอก แต่ไม่นานก็กลับมาได้สติอีก
จุดสีเขียวสุดท้ายบนวงรัศมีสีแดงใหญ่เหนือศีรษะเสิ่นเทียนหลุดออกไปแล้ว จึงเปล่งแสงสว่างยิ่งใหญ่ตามการหมุนโคจร
ความรู้สึกว่างและสบายอกสบายใจเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเทียนอดระบายความรู้สึกออกมาไม่ได้ เขาร้องเพลงบทหนึ่งต่อดวงจันทร์ ‘ชาวบ้านสมัยนี้มีความสุขกันจริง’
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เมาจริง หากมีใครถ่ายรูปไว้ได้ การเสแสร้งของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ถือว่าจบเห่แล้ว
ตนเป็นคนระดับหน้าตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จึงต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์อย่างมาก!
เขาขบคิดแล้วก็ควักผลึกบันทึกภาพออกมาโยนไปบนอากาศ
จากนั้นนอนชันเข่าลงไป ค่อยๆ ชูแก้วสุราขึ้นมา เงยหน้ามองดวงจันทร์
เสิ่นเทียนยังท่องกวีโบราณบทหนึ่งตามทำนอง “เมื่อใดจันทรายกสุราถามฟ้าใส ไม่รู้ตำหนักบนฟ้า ยามเย็นนี้คือปีใด~
ข้าอยากขี่วายุตามไป แต่ก็กลัวเรือนหยกหอวิจิตร อยู่สูงไม่พ้นความหนาวเหน็บ ร่ายรำเป็นเงาเจนชัด ไฉนถึงเหมือนอยู่ในโลกมนุษย์”
เพิ่งพูดจบ เสิ่นเทียนก็กางปีกสีเหลืองทองข้างหลัง สาดแสงสีทองลงมา
เขามองฟ้าในมุมสี่สิบห้าองศา ปีกแสงเรืองรองอ่อนแสงลงช้าๆ และหุบเข้าไป
ตอนนี้เขายังดูเศร้าเล็กน้อย
หากโลกนี้มีห้องแชทQQ ใช้ภาพนี้เป็นพื้นหลังห้องจะต้องขายได้ศิลาวิญญาณมหาศาลแน่นอน
“เปลี่ยนหอแดง ประตูงามลดลง ส่องแสงไม่เข้าสู่นิทรา ไม่ควรมีความแค้น แล้วเมื่อใดจะสมบูรณ์แบบ
คนมีสุขทุกข์เมื่อพบเจอแยกจาก จันทรามีมืดสว่างเต็มดวงครึ่งเสี้ยว เรื่องนี้ยากจะสมบูรณ์มาแต่โบราณ แต่คนยินดีรอเนิ่นนาน เพื่อจันทร์งดงามรวมกันพันลี้~”
ท่องจบ เสิ่นเทียนก็เก็บผลึกบันทึกภาพ
จากนั้นประสานมุทราส่งเข้าไปในผลึกบันทึกภาพ ให้ภาพการท่องกวีฉายขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลา เศร้าโศก และเงียบเหงาในผลึกแล้ว เสิ่นเทียนอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “ดุจเทพเซียนลงมาเยือน หล่อมากจริงๆ~”
………….
ตอนนี้เอง ป้ายคำสั่งเทพสงครามในอกเสื้อเสิ่นเทียนลอยออกมาช้าๆ
ร่างของเยี่ยฉิงชางปรากฏขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน มองเขาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เจ้า…กำลังทำอะไร”
เสิ่นเทียนงุนงง
บ้าจริง เหตุใดตาแก่นี่โผล่มาทุกครั้งถึงไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย ให้คนหนุ่มมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ได้หรือ ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าให้ท่านเห็นก็น่าขายหน้าตายสิ!
เงาเส้นสีดำลากผ่านหน้าผากเสิ่นเทียน มุมปากกระตุกเล็กน้อย “ผู้อาวุโสเยี่ย จากนี้ก่อนท่านจะโผล่มา ช่วยแจ้งก่อนได้หรือไม่”
เยี่ยฉิงชางมองค้อน “ข้าแจ้งแล้ว! เจ้าไม่รู้สึกหรือ ป้ายคำสั่งเทพสงครามสั่นหรือไม่”
ก็ได้!
อาจเพราะกำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ กำลังหลงอยู่ในใบหน้าหล่อเหลาเลิศล้ำอยู่กระมัง!
เสิ่นเทียนเก็บผลึกบันทึกภาพไปเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แค่กๆ ผู้อาวุโสเยี่ยมาหาข้ามีอะไรรึ”
เยี่ยฉิงชางยิ้ม “เจ้าหนูฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นกับตัวเจ้ามาก! เขาจำนำของดีๆ ไม่น้อยในหอคอยเทพสงครามเพื่อท้าประลองกับเจ้า”
เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย “อ้อ ของดีอะไรรึ”
ฉีเซ่าเสวียนถือว่าเป็นพวกคนที่มีดวงชะตาแกร่งที่สุดในทุกคนที่เสิ่นเทียนเจอมา
วงรัศมีดวงชะตาของเขาเป็นสีทองเข้ม กระทั่งบนวงรัศมียังมีลายสีม่วงเข้มวนเวียน ดูสวยงามและสูงศักดิ์
พึงรู้ไว้ว่า แม้แต่วงรัศมีของธิดาสวรรค์แห่งแดนทักษิณข่งเมิ่งก็เพิ่งเริ่มเป็นวงสีทองมีแสงสีม่วงเท่านั้น
หลังจากเสิ่นเทียนช่วยนางให้ได้ต้นกำเนิดแสงเทพห้าสีกับพัดแสงเทพห้าสีมา แสงม่วงถึงค่อยๆ เข้มข้นขึ้น
แต่ฉีเซ่าเสวียน ตอนเสิ่นเทียนเจอเขาครั้งแรกก็มีวงรัศมีสีม่วงอมทองแล้ว เป็นระดับตัวเอกชะตาสวรรค์ลิขิต
ในทุกคนที่เสิ่นเทียนเคยพบมาตอนนี้ ก็มีเพียงมังกรดำน้อยนอนบนเตียงเขาที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน
ใช่แล้ว หลังจากเอ๋าปิงบรรลุนิพพานเกิดใหม่ เสิ่นเทียนก็เห็นวงรัศมีเหนือศีรษะนาง
เป็นวงรัศมีสีม่วงกับจุดสีทองอ่อนๆ แกร่งกว่าฉีเซ่าเสวียนเสียอีก ส่วนเหตุใดวงรัศมีดวงชะตาแกร่งเช่นนี้ถึงถูกผนึกในสนามรบบรรพกาลหมื่นกว่าปี
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้
แต่คิดจากในแง่มุมอื่นแล้ว โดนผู้แข็งแกร่งโลกเซียนทะลวงศีรษะผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาลหมื่นปี แต่เอ๋าปิงกลับมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งนางถูกผนึกในรอยแยกมิติ เมื่อผ่านไปหมื่นปีกลับปรากฏกายขึ้นในหุบเขามังกรยักษ์อีกครั้ง จนกระทั่งได้เสิ่นเทียนช่วยไว้โดยบังเอิญ
นี่คือว่าโชคดีมากจริงๆ!
พอแล้ว จะพูดจาเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว
แม้ดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนจะด้อยกว่าเอ๋าปิงเล็กน้อย แต่ต้องรู้ไว้ว่าเอ๋าปิงคือธิดาสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่ามังกร อย่างน้อยในเผ่ามนุษย์ เสิ่นเทียนก็ไม่เคยเจอใครที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน
เขาจึงสนใจของดีที่ฉีเซ่าเสวียนเอามาจำนำมาก
………
เยี่ยฉิงชางยิ้มลึกลับ ประสานมุทราเปิดมิติเคลื่อนย้าย
ทันใดนั้น ยันต์หยกที่มีสีสันแวววาวแผ่นหนึ่งกับแหวนทองสัมฤทธิ์โบราณอีกวงมาปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียน
เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่ได้จากการเดิมพันในหอคอยเทพสงครามจะแบ่งคนละครึ่ง ของอื่นๆ ปู่บุญธรรมจะเก็บไว้เอง สมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้คือของดีที่สุดที่ฉีเซ่าเสวียนเก็บไว้ เจ้าเอาไป เห็นหรือไม่ว่าข้าดีกับเจ้าเพียงใด”
เสิ่นเทียนมองยันต์หยกกับแหวนตรงหน้า “นี่คืออะไร ใช้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน