บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 292

บทที่ 292 วิชากระบี่สูงสุด แขกจากเกาะมังกรดำ

ข่าวฉีเซ่าเสวียนเป็นโอรสสวรรค์หกดาวกระจายไปในดินแดนบูรพาอย่างรวดเร็ว

ถึงอย่างไรวงก็กว้างขนาดนั้น ช่วงนี้หอคอยเทพสงครามก็เป็นจุดสนใจที่สุดด้วย

ตามหลักแล้ว ฉีเซ่าเสวียนเป็นโอรสสวรรค์หกดาว ควรค่าให้แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉลองอย่างยิ่งใหญ่และป่าวประกาศออกไป

แต่เรื่องนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับนิ่งเงียบ

กระทั่งหลายวันต่อมา บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ได้เผยหน้าต่อสาธารณชนเลย

เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะโอรสสวรรค์หกดาวอย่างเขา…น่าอนาถาเกินไป

จักรพรรดิฮวงสือเป็นโอรสสวรรค์หกดาวแล้วก็บุกฝ่าสี่ทิศตลอดตั้งแต่เยาว์วัย เจอเทพล้มเทพ เจอพุทธล้มพุทธ สร้างนามไร้พ่ายขึ้น

แต่ฉีเซ่าเสวียนล่ะ!

เพิ่งเลื่อนเป็นโอรสสวรรค์หกดาวก็โดนเสิ่นเทียนสั่งสอนอย่างไร้ความเห็นใจ ทั้งยังอยู่ในถ่ายทอดสดต่อหน้าทุกคนอีก

สู้สามแพ้สาม ครั้งสุดท้ายยังโดนเสิ่นเทียนตบกลิ้ง แทบจะสังหารในพริบตา

ผลงานเช่นนี้ไม่ถือว่าเปล่งประกายแสงจริงๆ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่มีหน้าจะป่าวประกาศ

ในทางตรงข้าม การโจมตีสะท้านโลกานั้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กลับมีผู้ชมถ่ายทอดสดบันทึกไว้จำนวนมาก หัตถ์ยักษ์บดบังฟ้าบดบังดวงตะวันนั้น ทำให้โอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันมากมายต้องตกตะลึง

เวลานี้เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งไม่มีใครสอง

กล่าวได้ว่าชื่อเสียงที่ฉีเซ่าเสวียนกวาดล้างดินแดนบูรพาไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้แทบจะมอบให้กับเสิ่นเทียนทั้งหมด

แน่นอน ความจริงแล้วเสิ่นเทียนก็ไม่ได้อยากได้ชื่อเสียงตรงนี้ กระทั่งรำคาญนิดๆ ด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรแค่เขามีใบหน้าหล่อเหลา ก็โดนผู้คลั่งไคล้หญิงมากมายพัวพันจนรำคาญไปหมดแล้ว ตอนนี้มีคนรู้ว่าเสิ่นเทียนไม่ใช่แค่หน้าตาดี แต่ยังมีความสามารถ มีศักยภาพเช่นนี้อีก

แบบนี้จะให้เขาบุรุษรูปงามอยู่อย่างเงียบสงบได้อย่างไร

เสิ่นเทียนไม่ได้ออกจากยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่ตระหนักรู้วิถีกระบี่บนยอดเขาเงียบๆ

ใช่ ตระหนักรู้วิถีกระบี่

สามวันก่อนเขาหยดโลหิตบนแหวนทองสัมฤทธิ์นั้น

แหวนทองสัมฤทธิ์ดูดซับโลหิตของเขา แต่ไม่ได้ยอมรับเขาเป็นนายอย่างสมบูรณ์

เขารู้สึกว่าตนเหมือนจะไม่ใช่เจ้านายคนนั้นที่แหวนทองสัมฤทธิ์เฝ้ารอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แหวนทองสัมฤทธิ์ก็ยังดูดซับโลหิตบริสุทธิ์ของเขา ทั้งยังถ่ายทอดเคล็ดกระบี่ให้เขาอีกวิชา

เสิ่นเทียนไม่รู้นามของเคล็ดกระบี่นี้ มันคงอยู่ในรูปแบบประกายเซียนสายหนึ่งในความคิดเขา

ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนใช้สมาธิมองประกายเซียนนี้ จะรู้สึกถึงความหมายลึกล้ำของวิถีกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ยากจะคาดเดา

เคล็ดกระบี่นี้ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่เป็นท่วงทำนองที่ลึกลับในลึกลับ

เสิ่นเทียนเคยลองนำทักษะกระบี่ตื้นเขินหลายวิชาหลอมรวมเข้าไปในท่วงทำนองนี้ ก็พบว่าอานุภาพของทุกวิชากระบี่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

กระทั่งยังมีแนวโน้มจะหลอมรวมกับประกายเซียนนี้รางๆ

เห็นได้ชัดว่านี่คือวิชากระบี่สูงสุด มีมหาโชควาสนาที่จะเปลี่ยนจากสิ่งเน่าเสียให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์

ต่อให้เสิ่นเทียนมีกายเทพกระบี่ฟ้า มีพลังในการตระหนักรู้ต่อทุกวิชากระบี่แข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่ก็แค่ตระหนักผิวเผินได้ในเวลาสั้นๆ

แน่นอน แค่ผิวเผินเล็กน้อยนี้ก็มากพอจะทำให้ผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าตื่นตกใจแล้ว

……

ทางด้านฉีเซ่าเสวียน หลังจากสามวันก่อนพ่ายแพ้ให้เสิ่นเทียน ก็เข้าไปในหอคอยเทพสงครามอย่างแน่วแน่อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เลือกถ่ายทอดสดต่อสู้เดิมพันอีก แต่เลือกไปอีกเวทีประลองของหอคอยเทพสงคราม

เวทีนั้นคือ ‘เวทีประลองเรียนรู้’ ที่เยี่ยฉิงชางสร้างขึ้นมาใหม่

เวทีประลองเรียนรู้เช่นนี้จะต่างกับเวทีประลองต่อสู้เดิมพันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องจ่ายในราคาสูงลิ่ว

การประลองกับโอรสสวรรค์หกดาวในเวทีประลองนี้ ใช้แค่หนึ่งร้อยแต้มเทพสงคราม เสียแค่หนึ่งส่วนสิบของการต่อสู้เดิมพัน

แต่การต่อสู้บนเวทีประลองเรียนรู้นี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะจะถูกหักแต้มเทพสงคราม อีกทั้งชนะไปก็ไม่ได้รางวัลมรดก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน