บทที่ 293 ราชามังกรดำ? เรียกท่านอาสิ
รถลากมังกรร้อยจั้ง นี่หมายถึงอะไร
แค่ระดับความยาวของรถลากมังกรนี่ก็หลายร้อยเมตรแล้ว
อีกทั้งความกว้างและความยาวของรถลากมังกรไม่ต่างกันมาก ตั้งหลายร้อยเมตร ขนาดโดยรวมน่าตกใจมาก
หากตัดมังกรดำเก้าตัวที่ลากรถไป วางรถลากมังกรลงบนพื้น ก็จะกลายเป็นพระราชวังหรูหราขนาดเล็กนอกเมืองหลวงวังหนึ่ง
อีกทั้งมังกรดำเก้าตัวที่ลากรถยังเป็นเผ่ามังกรดำแท้จริง
เทียบกับมังกรน้ำหกตัวของรถสงครามมังกรดำของฉีเซ่าเสวียนแล้ว มีสายเลือดและศักยภาพแกร่งกว่า
และที่หายากกว่านั้นคือ มังกรดำเก้าตัวนี้ฝึกฝนวิชาจู่โจมประสาน ยามรวมกันทำให้มีกำลังรบเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ตอนแยกกันทุกตัวล้วนเป็นเผ่ามังกรระดับจุดสูงสุดของดวงจิตดรุณ แต่เมื่อเก้ามังกรโจมตีประสาน แม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพยังถูกฉีกในพริบตา
แต่นี่ไม่ใช่จุดเด่นที่สุดของรถลากมังกรเก้าตัว
จุดเด่นที่สุดของรถลากมังกรเก้าตัว แท้จริงแล้วคือพลังป้องกันและความเร็วของมัน
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งที่แท้จริง รถลากมังกรจะเปิดค่ายกลป้องกันที่แกะสลักไว้รอบตัวรถ
ถึงตอนนั้นจะก่อให้เกิดปราการคุ้มกันทรงพลังขึ้น ปกป้องคนในรถลากไม่ให้ได้รับอันตราย จากนั้นหนีไปอย่างรวดเร็ว
หากรถลากเก้ามังกรเร่งความเร็วสูงสุด มังกรดำเก้าตัวสำแดงวิชาลับกระตุ้นตราเวทลับของรถลากมังกรพุ่งทะยานไป แม้แต่ผู้อริยะก็อาจจะตามไม่ทัน
แน่นอน การสร้างรถลากเช่นนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย
ต่อให้เป็นขุมอำนาจสูงสุดและร่ำรวยอย่างเกาะมังกรดำ รถลากระดับนี้ก็ยังมีแทบจะนับนิ้วได้
หากไม่ใช่เพราะต้องมารับเอ๋าปิงกลับ รวมถึงให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ ของดินแดนบูรพาได้เห็นศักยภาพของเกาะมังกรดำละก็ เอ๋าเย่คงจะไม่ใช้รถลากเก้ามังกรง่ายๆ เช่นนี้แน่
ถึงอย่างไรมังกรเก้าตัวที่ลากรถนั่นก็ต้องการค่าตอบแทนเช่นกัน
……
“ฝ่าบาท พันลี้ข้างหน้าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ด้วยความเร็วของเรา อีกครู่เดียวก็จะถึงพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เทพมังกรในชุดเกราะนอกรถลากเก้ามังกรโค้งตัวกล่าวด้วยความเคารพ
ประตูรถลากมังกรเปิดออกช้าๆ ร่างกำยำสูงใหญ่เดินออกมา
ตรงศีรษะมีเขามังกรคู่หนึ่ง เปล่งประกายแสงมืดหม่น เหมือนทะลวงท้องนภาฟ้าดินได้
เขา…เดิมทีคือหนึ่งในอาวุธสังหารที่แกร่งที่สุดของเผ่ามังกร
เอ๋าเย่ยืนบนรถลากเก้ามังกรด้วยความโอหัง หลับตาลงช้าๆ “ข้าสัมผัสได้ ความรู้สึกกดดันจากส่วนลึกของสายเลือดเช่นนี้ นอกจากสายเลือดเทพมังกรระดับเก้าแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก ใช่นางจริงๆ”
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของเอ๋าเย่ส่องสว่างดั่งดวงดารา
เห็นได้ชัดมากกว่าเขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ถึงอย่างไรเมื่อหมื่นปีก่อน ท่านป้าเอ๋าปิงก็คือขวัญใจของเขา!
ตอนนั้นเอ๋าปิงชำเลืองตามองสงคราม โอรสวรรค์ทุกเผ่าของทะเลเหนือต่างกราบไหว้ ขนานนามให้นางว่า ‘เทพียุทธ์’ กระทั่งมีช่วงเวลาหนึ่ง ความฝันของเอ๋าเย่คือการเติบใหญ่ขึ้นและกวาดล้างใต้หล้า เพื่อกลายเป็น ‘เทพียุทธ์’ เหมือนท่านป้า
ต่อมาเติบใหญ่ขึ้นเขาถึงรู้ว่าการจะเป็นเทพียุทธ์ อันดับแรกต้องเป็นสตรีเสียก่อน นี่ถึงขั้นทำให้เขาเศร้าซึมไปช่วงหนึ่ง
ต่อจากนั้นมา เอ๋าปิงก็ถูกกระบี่ของโอรสสวรรค์โลกเซียนผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาล
เอ๋าเย่ทุกข์ใจกับเรื่องนี้นานมาก กระทั่งเสี่ยงอันตรายไปตามหาท่านป้าในสนามรบบรรพกาลหลายครั้ง
น่าเสียดายก็แต่ตอนนั้นเอ๋าปิงยังอยู่ในรอยแยกมิติ ไม่ได้ปรากฏในสนามรบอีกครั้ง จึงหาไม่เจอเลย
ตอนนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหมื่นปี ในที่สุดท่านป้าก็กลับมา ในที่สุดเผ่ามังกรดำก็จะได้ความหวังกลับคืนมา!
ตนเป็นราชามังกรดำรุ่นปัจจุบัน เอ๋าเย่ดีใจจนไม่รู้จะดีใจอย่างไรแล้ว
“เดินหน้าด้วยความเร็วสูงสุด เหล่ามังกรทุกตัวกระตุ้นกลิ่นอายพลังของตนให้แกร่งที่สุด อย่าให้ความน่าเกรงขามของเผ่ามังกรข้าถดถอยต่อหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”
เอ๋าเย่ตะโกนเสียงดัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เกิดภาพปรากฏการณ์เงามังกรมหึมาลอยขึ้นข้างหลังในทันใด
ปรากฏการณ์เงามังกรนี้มีขนาดหลายพันจั้ง เกล็ดทุกชิ้นประกายแสงสีดำเมี่ยม
ขณะเงามังกรสั่นไหว อากาศยังพังทลายลง พลังอำนาจมหาศาลหมุนม้วนไปพันลี้!
ตอนนี้เอง สัตว์อสูรทั้งหมดในระยะรัศมีพันลี้รอบรถลากมังกรต่างนอนหมอบบนพื้น ตัวสั่นงันงก
พวกมันรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากส่วนลึกของสายเลือด นั่นคือการศิโรราบด้วยความยำเกรงโดยสัญชาตญาณของเผ่าอสูรและเผ่าสัตว์ธรรมดาต่อเผ่ามังกร
ไม่ใช่แค่เอ๋าเย่ องครักษ์มังกรแปดคนข้างรถลากมังกรยังแผ่กลิ่นอายพลังออกไปทั้งหมด
พวกเขาสังกัดองครักษ์เทพมังกร เป็นนักรบที่เกรียงไกรที่สุดของเผ่ามังกรดำ ระดับพลังของทุกคนอยู่ระดับหลอมรวมเทพขึ้นไป มากพอจะวางอำนาจใหญ่โตหนึ่งดินแดน
องครักษ์เทพมังกรแปดคนเผยพลังออกมาทั้งหมด หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวรางๆ ไม่ด้อยไปกว่าอำนาจของผู้อริยะเลย
ตอนนี้รถลากมังกรห่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ห้าร้อยลี้
ทว่าคนส่วนใหญ่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่างสัมผัสได้นานแล้ว จึงมองไปยังทิศเหนือกันหมด
“อำนาจมังกรแกร่งมาก หรือว่าเผ่ามังกรจากทะเลเหนือจะมา”
ปรากฏร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขึ้นหน้ายอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เขามองไปทางรถลากมังกรไกลๆ ประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมเบาๆ
“เจ้าปลาไหลแก่เอ๋าเย่นี่ ไม่เจอหลายร้อยปียังชอบทำเรื่องราวใหญ่โตเหมือนเดิม”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตนั่งบนยอดเขาวิญญาณรกร้างแห่งหนึ่ง บนไม้พลองย่างนกกระสาเซียนที่จับมาจากที่ใดไม่รู้ตัวหนึ่งอยู่
ตอนนี้เขากำลังโรยเครื่องปรุงพลางพูดพึมพำกับตัวเอง “อย่าอวดดีให้มากเกินไปจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะสับหางมังกรสองสามหางมาย่าง”
ณ ยอดเขาบัวทองคำ ดวงตางดงามคู่หนึ่งเปิดขึ้นช้าๆ “ในที่สุดก็ปรับเสถียรระดับพลังขั้นต้นได้ หืม กลิ่นอายพลังแกร่งมาก!”
บัวทองคำคุณธรรมเบ่งบานช้าๆ ทีละดอก หญิงร่างอรชรในชุดกระโปรงยาวสีเงินเดินนวยนาดสง่างามออกมา
ยิ้มทีขมวดคิ้วที ทำให้ศิษย์มากมายหลงใหล
……
กรรซ์~
เสียงร้องมังกรดังสนั่นแก้วหู กึกก้องในระยะรัศมีพันลี้
รถลากมังกรร้อยจั้งขวางอยู่ตรงทางเข้าโลกเล็กเทพสวรรค์ เอ๋าเย่ก้าวออกมาจากรถลากด้วยสีหน้าเฉยชา
เขายืนบนอากาศ สายตาปานสายฟ้าเหมือนมองทะลุมิติได้ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่ที่ใด ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าจะไม่กล่าวโทษกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน