บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 296

บทที่ 296 ทำอย่างไรถึงได้หัวใจจากเทพธิดา

สารภาพตามตรง เดิมทีเสิ่นเทียนไม่อยากไปเลย

เมืองแห่งสุขาวดีอะไรนั่น แค่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร

แต่สี่คุณชายก็ต้อนรับอย่างมีไมตรีมากจริงๆ ไม่ให้เกียรติก็คงไม่ดี

ดังนั้นหลังจากบอกปัดหลายครั้งไม่เป็นผล เสิ่นเทียนจึงได้แต่ตามทุกคนไปดูในเมืองแห่งสุขาวดีด้วยความจำใจ

อืม ใช่ แค่ดู

เรื่อง ‘หาหอยหาเป๋าฮื้อ’ อะไรนั่น เสิ่นเทียนจะไม่ทำเด็ดขาด!

เกาะมังกรดำเป็นขุมอำนาจชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดของทะเลเหนือ ภายในเกาะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายมากมาย

ผ่านค่ายกลพวกนี้ไปแล้ว ชาวเกาะมังกรดำจะเดินทางไปขุมอำนาจใหญ่ของทะเลเหนือได้สะดวกสบายมาก

เจ็ดคนเปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย ไม่นานก็มาถึงเมืองแห่งสุขาวดี

ทันทีที่ก้าวออกจากค่ายกล แม้เสิ่นเทียนจะเตรียมใจมาแล้วก็ยังตาลายไปหมด

ถ้าบอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือสุดยอดของ ‘วิถีแห่งธรรมชาติ’ เกาะมังกรดำคือความสูงศักดิ์ของความจริงจังและสวยงาม

เช่นนั้นเมืองแห่งสุขาวดีก็ให้ความรู้สึกถึงความเจริญรุ่งเรืองครอบจักรวาล

เมืองแห่งสุขาวดีที่ว่าคือเมืองที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของก้นทะเล ใกล้กับเกาะดาราเบิกฟ้ามาก

ตั้งแต่โบราณกาลมา ทุกครั้งที่เกาะดาราเบิกฟ้าเปิด เมืองแห่งสุขาวดีจะเป็นสถานเริงรมย์ที่เหล่าโอรสสวรรค์ทุกเผ่าของทะเลจะมารวมกัน

โอรสสวรรค์มากมายจะขายโชคลิขิตที่ตนไม่ได้ใช้ให้กับพ่อค้าในเมืองแห่งสุขาวดี จากนั้นแลกเป็นโอรสบำรุงก่อนจะผจญภัยต่อ

และความมั่งคั่งมหาศาลตรงนี้ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับเมืองแห่งสุขาวดี

เกาะดาราเบิกฟ้าอันตรายมาก ไม่ใช่แค่อำนาจคุกคามจากส่วนในเกาะดาราเท่านั้น ยังมีการซุ่มโจมตีของนักผจญภัยคนอื่นอีก

ดังนั้นเมืองแห่งสุขาวดีจึงเตรียมความสุขสบายที่หรูหราที่สุดให้กับนักผจญภัยพวกนี้ ใช้มันปลอบประโลมแรงกดดันที่พวกเขาผ่านความเป็นตายมา

กล่าวได้ว่าขอแค่เสพสำราญในทะเลเหนือได้ อยู่ในเมืองแห่งสุขาวดีก็จะเร้าใจยิ่งกว่า กระทั่งผู้ร่ำรวยที่ไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงอันตรายในเกาะดาราเบิกฟ้ามากมาย ยังมาใช้จ่ายกันที่นี่บ่อยครั้ง

อย่างเช่นโอรสสวรรค์เผ่าปูเทพทองคำที่มีเหมืองแร่ในบ้านบางคน

แน่นอน การใช้จ่ายในเมืองแห่งสุขาวดีแห่งนี้ ราคาย่อมไม่มีถูก

ต่อให้คุณชายเซี่ยจะเป็นศิษย์แกนหลักของเผ่าปูเทพทองคำ การใช้จ่ายในที่แห่งนี้ก็ยังต้องคิดอยู่นาน

ไม่อย่างนั้นหากใช้จ่ายหมดบ้านในคืนเดียว ก็อาจจะโดนผู้อาวุโสที่บ้านตีก้นเอาได้

……

เมืองแห่งสุขาวดีตั้งอยู่ในทะเลลึก ถูกน้ำทะเลแรงดันสูงห่อหุ้ม

แต่ป้ายคำสั่งมังกรดำที่เอ๋าเย่ให้แกะสลักตราเวทกันน้ำไว้ ทำให้เสิ่นเทียนหายใจได้เองในน้ำทะเล

ผู้มีกลอุบายทั้งตัวอย่างเขา นอกจากคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงแล้ว ทุกวิชาต่างได้รับผลกระทบบ้างมากบ้างน้อยในทะเล อานุภาพลดลงไปไม่น้อย

โดยเฉพาะกุมอัสนีของคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ ถูกน้ำตีแตกได้ง่ายมาก

หากควบคุมไม่ดี กระทั่งสายฟ้าผ่าตัวเองได้เลย

ในทางตรงข้าม ‘เถากลืนกินเซียนนิพพาน’ ควบคู่กับ ‘แส้มังกรเฉือนกาย’ กลับมีอานุภาพเพิ่มขึ้นไม่น้อยในทะเลลึก

เถากลืนกินเซียนไหลไปตามคลื่นอย่างปราดเปรียวราวกับงูทะเล เวลานี้กลายเป็นหนึ่งในวิชาโจมตีที่แกร่งที่สุดในทะเลของเสิ่นเทียน

แน่นอน นี่ไม่สำคัญ

ถึงอย่างไรเขาก็มาเป็นแขกในเมืองแห่งสุขาวดี ไม่ได้มาทะเลาะวิวาท

อีกทั้งกฎของเมืองแห่งสุขาวดีนี้ยังกำหนดไว้ชัดเจนว่าโอรสสวรรค์ของทุกเผ่าห้ามทะเลาะวิวาทกันในเมือง

ไม่อย่างนั้นจะส่งผลถึงความกลมเกลียวในเมือง และจะโดนคณะผู้คุมกฎที่รวมกลุ่มขึ้นจากผู้แข็งแกร่งทุกเผ่าขับไล่ออกจากเมือง กระทั่งห้ามเข้ามาอีกตลอดชีวิต

“สหายเสิ่น เมืองแห่งสุขาวดีของเราเป็นอย่างไรบ้าง”

คุณชายเซี่ยเดินวางอำนาจอยู่ด้านหน้า พลางแกว่งก้ามปูไปมา

ชื่อเสียงอยู่ภายนอก ไม่มีใครขวางทางหาเรื่อง เพียงแค่ระหว่างทางจะมีคนมองมาบ่อยครั้ง

หืม เหมือนจะเป็นเผ่ามนุษย์!

เด็กหนุ่มเผ่ามังกร และยังมีบุรุษเผ่ามนุษย์

ซี้ด บุรุษอีกคนหน้าตาหล่อเหลามาก เผ่ามนุษย์เหตุใดถึงหล่อเหลาเช่นนี้!

โอ้ไม่ หลงเสียแล้ว

‘เมืองแห่งสุขาวดีสมกับเป็นเมืองแห่งสุขาวดี รุ่งเรืองจริงๆ’

เสิ่นเทียนถอนหายใจอยู่ภายในใจ

ขณะที่เดินบนถนนของเมืองแห่งสุขาวดี เขาเห็นทิวทัศน์งดงามสีสันหลากหลายเต็มไปหมด เผ่าทะเลลึกทุกเผ่ากลมเกลียวกัน ร้องเล่นเต้นระบำกันอยู่ทุกที่

ว่านแปลกดอกไม้อัศจรรย์ในทะเลพลิ้วไหวตามสายน้ำ ดูงดงาม ดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติกันมาก

มีสิ่งเดียวที่ทำให้เสิ่นเทียนจนปัญญาคือ เขาเดินบนถนนอยู่ดีๆ ก็มักจะมีคนปาของมาทางเขา

ช่อดอกไม้ที่รวมจากดอกไม้ทะเลบ้าง จี้หยกปะการังสีสันแวววาวบ้าง กระทั่งยังมีผ้าแพรที่มีกลิ่นคาวทะเลอ่อนๆ…

นี่มันบ้าอะไรกัน เด็กสาวเผ่าทะเลอ้าแขนรับเช่นนี้เชียวหรือ

“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้รับความชื่นชอบจากเด็กสาวเผ่าทะเลเราเช่นนี้”

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์พูดด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าสหายอวิ๋นเฟิงเทิดทูนเจ้าไม่เกินจริงไปเลย”

สหายอวิ๋นเฟิง?

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “คุณชายไป๋หมายถึงศิษย์น้องหลี่อวิ๋นเฟิงอย่างนั้นหรือ”

คุณชายไป๋เผยรอยยิ้มเชิงซุบซิบนินทา “ถูกต้อง แซ่ไป๋ชอบไปเที่ยวเล่นที่ดินแดนบูรพา เจอกับสหายอวิ๋นเฟิงของฝ่ายท่านครั้งเดียวก็เหมือนรู้จักกันมานมนาน

แซ่ไป๋น่ะนับถือในความสามารถด้านการหาข่าวกรองของสหายอวิ๋นเฟิงมากจริงๆ แค่กๆ ก่อนหน้านี้ได้ยินสหายอวิ๋นเฟิงบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุคที่ยากจะพานพบได้ในพันปี

ปรากฏตัวไม่กี่เดือน เทพธิดาแห่งดินแดนบูรพามากมายรวมถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคลั่งไคล้ท่าน กระทั่งสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางอวิ๋นซียังยินยอมซบอกท่าน เดิมทีแซ่ไป๋ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่วันนี้ได้พบบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้รู้ว่าเป็นความจริง”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออกแล้ว

อะไรคือศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีถวายกายซบอกข้า!

เจ้าหลี่อวิ๋นเฟิงพูดไว้ดิบดีว่าปิดปากดั่งขวด ไฉนเรื่องถึงดังมาถึงทะเลเหนือล่ะ

รอก่อนเถอะ รอข้ากลับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อไร หากไม่เย็บปากดั่งขวดไร้ก้นของเจ้า ข้าจะไม่ขอชื่อเสิ่นเอ้าเทียน!

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเค้นรอยยิ้มออกมา “นี่ศิษย์น้องอวิ๋นเฟิงเป็นคนพูดจริงๆ รึ”

คุณชายไป๋พยักหน้า “ใช่ สหายอวิ๋นเฟิงเทิดทูนบุตรศักดิ์สิทธิ์มาก ได้แบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของท่านกับแซ่ไป๋ไว้มากมายเลย แต่สหายเสิ่นวางใจเถอะ แซ่ไป๋ปิดปากดั่งขวด ไม่เคยแพร่งพรายความสำเร็จของท่านเลย”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

เมื่อเห็นคุณชายไป๋กับเสิ่นเทียนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คุณชายเซี่ยก็อิจฉา

เขาใช้ก้ามปูคีบหนวดหมึกของคุณชายไป๋ไว้และลากเขาไปข้างๆ

“ไปๆๆ เจ้าปลาแปดเส้นขี้นินทาไร้รสนิยม วันๆ เอาแต่สืบข่าวคุยโม้อยู่นั่น”

คุณชายเซี่ยเผยรอยยิ้มหื่นกาม “สหายเสิ่น สหายฉี วันนี้ใน ‘หอเสียงสวรรค์’ ของเมืองแห่งสุขาวดี มีการแสดงขององค์หญิงเงือกที่ยากจะพานพบได้ในร้อยปีด้วย

เสียงเพลงขององค์หญิงเงือกคนนี้เป็นที่ยอมรับในห้าดินแดนว่าเป็นเสียงสวรรค์ หากได้ฟังนางร้องเพลง ต่อให้อายุขัยลดลงเป็นร้อยเป็นพันปีก็ยินยอม แซ่เซี่ยจ่ายหนักจองห้องพิเศษไว้ให้แล้ว หากทั้งสองท่านสนใจ ก็จะพลาดไม่ได้เด็ดขาดเชียว”

เมื่อได้ฟังคำพูดของคุณชายเซี่ย คุณชายไป๋จากเดิมที่มีสีหน้าสุภาพเรียบร้อยก็กลายเป็นมาเป็นคนขี้นินทาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน