บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 301

บทที่ 301 ข้าไม่กินเจ้าหรอก!

อวี้เผียนเซียนมองเสิ่นเทียนอย่างคับแค้นใจ เวลานี้ความรู้สึกลบเพิ่มมาเต็ม

หนุ่มคนนี้ชำนาญในเสียงดนตรี เป็นคนรู้ใจได้ และที่สำคัญที่สุดคือมีใบหน้าหล่อเหลาเช่นนี้ด้วย

บุรุษอย่างเสิ่นเทียน คือคู่ครองที่อวี้เผียนเซียนพอใจมากที่สุด เป็นคนที่สมฐานะกับนาง!

แต่เจ้านี่เพิ่งพบหน้ากันก็บอกว่า ‘แซ่เสิ่นมองออกว่าองค์หญิงไม่รู้สึกอะไรกับข้า’

นี่ไม่เรียกว่าตัดบทสนทนาหรือ

แล้วจะให้ข้าตอบกลับว่า ‘ไม่ใช่ เจ้าพูดผิดแล้ว’ หรือ

ข้าไม่ใช่แค่มีความรู้สึกกับเจ้า แต่ยังอยากหลับนอนกับเจ้าอีก?

ข้าเป็นองค์หญิงเงือกผู้ยิ่งใหญ่ มีคนเป็นหมื่นในทะเลเหนือตามชื่นชมข้า ก็ต้องมีเกียรติกันบ้างสิ!

……

ไม่โกรธ ไม่โกรธ

อวี้เผียนเซียนเค้นรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเดินมาจากหน้าต่างช้าๆ

หางปลาสีสันมันวาวตรงช่วงล่างของนางเปล่งแสงสว่าง กลายเป็นขาเล็กแข็งตัวเหมือนหยกคู่หนึ่ง

นางเดินมาทางเสิ่นเทียนช้าๆ สายน้ำรอบตัวเหมือนเกิดสีสันสวยงามขึ้น ตัดสลับกับทิวทัศน์ก้นทะเลออกเป็นสีสัน

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความคิดรอบคอบจริงๆ ความจริงแล้ว ข้าเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์มาในครั้งนี้ ก็เพราะหวังจะเป็นพันธมิตรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ขณะพูดอยู่นั้น อวี้เผียนเซียนนำเหยือกสุราสีเงินสวยงามออกมา “นี่คือสุราชั้นดีของเผ่าเงือก ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลองชิม”

สุราเป็นยาพิษผ่านลำไส้ สีก็เป็นดาบเหล็กกล้าตัดกระดูก

เสิ่นเทียนยิ้มพลางดื่มสุราชั้นดีลงท้อง ทำปากแจ๊บๆ ยาพิษนี่อร่อยจริงๆ

อวี้เผียนเซียนยิ้มงดงาม “บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจดื่มสุราของเผียนเซียนเช่นนี้ ไม่กลัวเผียนเซียนใส่ยาในสุรารึ”

เสิ่นเทียนพูดอย่างเฉยชา “โอรสสวรรค์ทะเลเหนือเห็นแซ่เสิ่นขึ้นชั้นสูงสุดของหอเสียงสวรรค์กันตั้งเยอะ องค์หญิงเป็นคนฉลาด ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นวางยา”

ตลกน่า ข้าเห็นบทนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว

แม้ระหว่างนั้นจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย เช่นมีให้หมายเลขหอยเพิ่มมา แต่โดยรวมก็ยังเหมือนเดิม

ก็คงจะเปลี่ยนจากไม่วางยาฉีเซ่าเสวียนเป็นวางยาข้าก็ไม่ได้กระมัง!

เสิ่นเทียนไม่รู้สึกกดดันเลย!

อวี้เผียนเซียนเผยรอยยิ้มสตรีงดงามหยาดเยิ้ม “หากเผียนเซียนเดาไม่ผิด บุตรศักดิ์สิทธิ์มาทะเลเหนือครั้งนี้ น่าจะมาร่วมการเดินทางในเกาะดารากระมัง!”

เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ มาทะเลเหนือในช่วงเวลานี้ คงเดาเป้าหมายไม่ยากจริงๆ เสิ่นเทียนจึงพยักหน้า “ถูกต้อง”

อวี้เผียนเซียนมองเสิ่นเทียนด้วยดวงตาโตใสแวววาว “ไม่รู้ว่าเผียนเซียนจะได้รับเกียรติเดินทางไปกับบุตรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”

การเดินทางร่วมกันนี้ไม่ใช่แค่ถือโอกาสไปด้วยกันเท่านั้น แต่เป็นการร่วมมือกันที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า

เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้ามีอันตราย

ในการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้าทุกครั้ง จะมีโอรสสวรรค์เผ่าทะเลที่เข้าไปตายไม่ห้าส่วนก็สามส่วน

หากในกลุ่มมีตัวถ่วงขาตามไป ทั้งกลุ่มจะมีอันตรายกว่าเดิม จะทำให้แตกพ่ายย่อยยับกันหมด

ในทางตรงข้าม หากในกลุ่มมีสุดยอดโอรสสวรรค์มากพอ ความมั่นใจในการรับมือกับอันตรายก็จะสูงขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น

ขณะเดียวกันเกาะดาราเบิกฟ้าถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุม ตัดขาดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกทั้งหมด ภายใต้ความเย้ายวนของโชคลิขิตมากมาย อะไรก็เกิดขึ้นได้

หากสหายมีใจไม่ซื่อแทงข้างหลังขึ้นมา ก็อาจจะน่ากลัวกว่าอันตรายข้างนอกเสียอีก!

ดังนั้นในการผจญภัยเกาะดาราทุกครั้ง โอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกันทุกเผ่าจะรวมกลุ่มกันส่วนตัว จัดหาคนกันล่วงหน้า

และสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่ง มีผลงานดีและพูดเก่ง ย่อมเป็นตัวเลือกต้นๆ ของปีศาจทะเลหนุ่มสาวมากมาย อยากจะเข้าไปกอดต้นขาคนพวกนั้นใจจะขาด

พวกเขาจึงมอบของขวัญ สมบัติล้ำค่าและวิชาลับเป็นค่าตอบแทนให้สุดยอดโอรสสวรรค์พวกนั้นอย่างไม่เสียดาย กระทั่งมีปีศาจหญิงเผ่าทะเลที่มีนิสัยค่อนข้างเปิดกว้าง อาจจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นแต้มต่อ ขึ้นรถไปขอติดตามด้วย

อวี้เผียนเซียนเป็นนักดนตรียังไม่แต่งงาน ย่อมไม่ใช้ร่างกายตัวเองเป็นแต้มต่อหาสหายเดินทาง

อีกทั้งด้วยใบหน้างดงาม พรสวรรค์และศักยภาพขององค์หญิงเงือก ขอแค่เอ่ยออกไป ในทะเลเหนือก็คงมีโอรสสวรรค์ไม่กี่คนที่ปฏิเสธคำเชิญของนาง

โอรสสวรรค์เผ่าทะเลส่วนใหญ่ถึงขั้นร้องขอด้วยซ้ำ!

แต่นางกลับเลือกเผ่ามนุษย์เสิ่นเทียนคนนี้เป็นสหายร่วมเดินทาง หากโอรสสวรรค์เผ่าทะเลคนอื่นรู้เข้า เกรงว่าคงจะรู้สึกเปรี้ยวยิ่งกว่าเดิม

…….

ไม่ผิดจริงๆ อยากจะให้ข้าพานางไปจริงๆ

แต่คิดจะใช้ใบหน้าขอขึ้นรถก็คงไม่ได้ ต้องจ่ายเงินซื้อบัตรของข้าก่อน!

เสิ่นเทียนยิ้ม “หากแซ่เสิ่นจำไม่ผิด องค์หญิงเผียนเซียนน่าจะฝึกควบหลอมกายและหลอมปราณเช่นกันกระมัง! อีกทั้งยังได้ยินมาว่าองค์หญิงเผียนเซียนทะลวงดวงจิตดรุณเมื่อหลายเดือนก่อน แซ่เสิ่นเป็นเพียงแก่นพลังทองตัวเล็กๆ เกรงว่าคงจะเป็นตัวถ่วงขององค์หญิงเผียนเซียนเปล่าๆ!”

อวี้เผียนเซียนไม่พอใจเล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดเช่นนี้ หยอกเผียนเซียนเล่นหรือ เอ้อทงเทียนแห่งเผ่าเทพจระเข้จักรพรรดิถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีชื่อเสียงมานานทั้งทะเลเหนือ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ใช้ระดับพลังแก่นพลังทองกับกายทองเอาชนะเขาได้ง่ายๆ พรสวรรค์มากพอจะสั่นสะท้านไปหมื่นปี ขอแค่ทุบแก่นพลังเป็นดวงจิตดรุณภายในหนึ่งเดือนถัดไป เห็นทีว่าการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้าครั้งนี้ คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้”

ในที่สุดก็จบการเล้าโลม จะเข้าหัวข้อหลักแล้วหรือ

เสิ่นเทียนยิ้มทีเล่นทีจริง “องค์หญิงพูดเล่นแล้ว การทุบแก่นเป็นดรุณง่ายเช่นนั้นหรือ? ลำพังแค่บ่มเพาะดวงจิตดรุณต้นกำเนิดก็ใช้เวลามากแล้ว”

ทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าจะศาสตร์หลอมกายหรือหลอมปราณ ก่อนระดับผู้สูงศักดิ์จะก้าวหน้าเร็วมาก แต่ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ตาม หลังจากระดับผู้สูงศักดิ์แล้วระดับพลังจะค่อยๆ ช้าลงทั้งสิ้น

ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายอาจจะต้องใช้พลังวิญญาณมหาศาล ทรัพยากร เวลา และความละเอียดอ่อนเพื่อหลอมรวมทวารเทวะ

ส่วนศาสตร์หลอมปราณก็ต้องบ่มเพาะดวงจิตดรุณ ดวงจิตดรุณที่กำเนิดหลังจากทุบแก่นพลังเป็นดรุณจะอ่อนแออย่างยิ่ง ดีไม่ดีดวงจิตดรุณอาจเสียหายและเกิดจิตมารได้

ก็เหมือนกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียนในตอนนั้น หลังจากเพิ่งทุบแก่นพลังเป็นดรุณก็ถูกสังคมทำร้าย จนดวงจิตดรุณแตกร้าวทั้งหมด

ถ้าจะเอาให้มั่นใจ หลังจากผู้ฝึกบำเพ็ญทุบแก่นเป็นดรุณแล้วควรจะปิดด่านบำเพ็ญสักระยะ เสริมความแข็งแรงของดวงจิตดรุณต้นกำเนิด

รอจนดวงจิตดรุณต้นกำเนิดเสถียรภาพสักเล็กน้อยค่อยออกผจญธุลีแดงสี่ทิศ ใช้ความไม่แน่นอนในชีวิตและบุญคุณความแค้นในธุลีแดงมาบ่มเพาะให้ดวงจิตดรุณแกร่งขึ้น

ในโลกธรรมดานั้น ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไรก็ยิ่งมีการตระหนักรู้มากเท่านั้น ยิ่งดวงจิตดรุณเติบโตชัดเจนมากเท่าไร ระดับพลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วมากเท่านั้น

การใช้ธุลีแดงขัดเกลาจิตใจเช่นนี้มีช่วงเวลาที่นานมาก บางครั้งผู้สูงศักดิ์บางคนลงเขาทีเดียวหลายร้อยปี

บางครั้งเวลาร้อยปีก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า บางครั้งก็แค่ตระหนักรู้ครั้งเดียว

สรุปคือจะรีบร้อนไม่ได้ จะต้องตระหนักชีวิตช้าๆ

แน่นอน ในห้าดินแดนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอสถเสริมจิตวิญญาณ

แต่ขนาดเหล่าผู้สูงศักดิ์พวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ ปกติจะไม่เลือกใช้วิธีเช่นนี้กัน เพราะในห้าดินแดนโลกข้างล่าง การใช้ว่านวิญญาณ ‘จิตวิญญาณ’ เป็นอะไรที่แพงมากจริงๆ มีเงินก็หาซื้อไม่ได้

หากเจอโอสถเช่นนี้จริงๆ ปกติสำนักจะซ่อนไว้เป็นศักยภาพแฝง นำมาบ่มเพาะให้ผู้สืบทอดในยามที่สำนักขาดผู้สืบทอด

อีกทั้งผู้สูงศักดิ์ธรรมดาไปจนถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ใช้โอสถชนิดนี้เป็นการสิ้นเปลืองเกินไปจริงๆ เพราะมูลค่าของโอสถพวกนี้สูงกว่าอายุขัยพวกเขาอีก!

ถึงอย่างไรผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณก็อยู่ได้สบายๆ พันปีขึ้นไป จึงไม่สนใจเอาเวลาหลายร้อยปีมาขัดเกลาจิตใจ

…….

เสิ่นเทียนยังคงยิ้มราบเรียบ

อวี้เผียนเซียนจ้องเสิ่นเทียนด้วยดวงตามืดหม่น นางรู้สึกว่าการคุยกันเสิ่นเทียนมันช่างน่าอึดอัดเสียจริง

อีกฝ่ายเหมือนจะไม่อยากรู้เลยว่าตนคิดอะไรอยู่ และยังเหมือนจะไม่สนใจคำเชิญชวนเป็นพันธมิตรของนางเลย รูปแบบการพูดคุยเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกว่าไม่มีอำนาจเป็นฝ่ายกระทำก่อนเลยสักนิด

บุรุษคนนี้จัดการยากจริงๆ!

อวี้เผียนเซียนนำกล่องหยกออกมาจากแขนเสื้อช้าๆ ส่งให้เสิ่นเทียน ดวงตามีความปวดใจ “ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์รู้จักของในกล่องนี้หรือไม่”

เสิ่นเทียนรับกล่องหยกมา เปิดออกช้าๆ

พบว่าในกล่องหยกบรรจุผลึกสีครามไว้ชิ้นหนึ่ง รูปร่างเหมือนกับหยดน้ำตา และยังเปล่งแสงราวกับดารา

และที่เหนือธรรมดากว่านั้นคือ หลังจากเปิดกล่องหยก เสิ่นเทียนสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังจิตของตนคึกคักขึ้นกว่าเดิม จิตวิญญาณแผ่ความคิดกระหายอย่างแรงกล้า

เห็นได้ชัดว่าผลึกนี่เป็นสมบัติล้ำค่าหายาก เพิ่มจิตวิญญาณได้

เมื่อนึกไปถึงฉากที่เห็นในภาพโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนแล้ว เสิ่นเทียนก็เผยรอยยิ้มอย่างสงบนิ่งเหมือนเตรียมใจมาก่อนแล้ว

เขาปิดกล่องหยกช้าๆ “ไม่นึกเลยว่าองค์หญิงเผียนเซียนจะมีสมบัติแปลกเช่นน้ำตาดาวเทพสมุทร แซ่เสิ่นได้เปิดโลกกว้างแล้ว”

น้ำตาดาวเทพสมุทรมาจากเกาะดาราเบิกฟ้า เป็นหนึ่งในสมบัติแปลกล้ำค่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทะเลเหนือ!

ประโยชน์ที่มากที่สุดของสมบัติแปลกชิ้นนี้คือเพิ่มจิตวิญญาณของผู้ฝึกบำเพ็ญได้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อหลายเดือนก่อนองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนเพิ่งทุบแก่นเป็นดรุณสำเร็จ

ตามทฤษฎีแล้ว นางในตอนนี้น่าจะอยู่ดวงจิตดรุณตอนต้น ความจริงไม่เหมาะจะออกไปผจญภัย ให้ดีที่สุดคือปิดด่านบำเพ็ญปรับเสถียรภาพในเผ่า

ทว่าตอนนี้จิตวิญญาณของอวี้เผียนเซียนแกร่งขึ้น ดวงจิตดรุณอิ่มเอิบ ไม่เหมือนเพิ่งทะลวงพลังเลย

นี่ ก็คือผลจากการดูดซับพลังของน้ำตาดาวเทพสมุทรเสริมความแกร่งให้กับจิตวิญญาณ

………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน