บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 320

สรุปบท บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

สรุปตอน บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า – จากเรื่อง บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน โดย novelones

ตอน บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า ของนิยายจีนโบราณเรื่องดัง บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 320 ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า

มหาจักรพรรดิอมตะเป็นผู้พิสูจน์มรรคเมื่อแสนปีก่อน เป็นบรรพบุรุษของเผ่าเต่าดำทะเลอุดร

ในมหาจักรพรรดิทั้งหมดของห้าดินแดน มหาจักรพรรดิอมตะเก็บตัวอยู่เงียบที่สุด มีความรู้สึกคงอยู่ต่ำมาก

ต่ำจนถึงระดับใด

ตอนที่เจ้านี่พิสูจน์มรรคเป็นจักรพรรดิ ก็ไม่ได้ประกาศต่อห้าดินแดน ไม่จัดกระทั่ง ‘งานเลี้ยงจักรพรรดิ’

เขาไปหาเกาะเล็กในทะเลอุดรตามอำเภอใจ สัปหงกห้าร้อยปีอย่างมีความสุข ตอนที่ฉลองการพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นจักรพรรดิ เผ่าอสูรทั้งทะเลอุดรต่างงุนงง

ถึงอย่างไรก็มีความคิดจะประจบก้นจักรพรรดิไว้มากมาย ปรากฏว่าเขากลับไม่ปรากฏตัวขึ้น

นี่จะไปหาเหตุผลจากใครได้

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่ามหาจักรพรรดิอมตะอ่อนแอ ในทางตรงข้าม มหาจักรพรรดิอมตะมีกำลังรบแข็งแกร่งมาก

เขามีสายเลือดเต่าดำถึงจุดสูงสุดของเผ่าเต่าดำ มีพรสวรรค์ด้านการป้องกันเป็นหนึ่ง

ต่อให้เป็นระดับมหาจักรพรรดิคนอื่นก็ยากจะทำลายการป้องกันของมหาจักรพรรดิอมตะและทำให้เขาบาดเจ็บได้

หากมีแค่การป้องกันแข็งแกร่งคงไม่เท่าไร ถึงอย่างไรก็ได้แต่ถูกทุบตี

แต่การโจมตีของมหาจักรพรรดิอมตะก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งเช่นกัน มือถือกระบี่ชีวิตนิรันดร์แหลมคมอย่างยิ่ง แม้แต่มหาจักรพรรดิคนอื่นในยุคเดียวกันยังหวาดกลัวมาก

เพราะวิชากระบี่นี้พัวพันไปถึง ‘กฎเกณฑ์ชีวิต’ อย่างลึกล้ำยิ่ง สามารถใช้อายุขัยตัวเองเป็นราคาต้องจ่าย ตัดอายุขัยของอีกฝ่ายไปได้สองเท่า

หมายความว่าอย่างไร

หมายความว่ามหาจักรพรรดิอมตะเผาอายุขัยหมื่นปีก็ตัดอายุขัยของศัตรูไปได้สองหมื่นปี สังหารศัตรูหนึ่งพันทำลายตัวเองไปห้าร้อย

ต้องรู้ว่ามหาจักรพรรดิอมตะคือเต่าดำ!

โลกนี้จะมีสิ่งมีชีวิตใดสามารถตัดอายุขัยเทียบกับเต่าดำได้ มหาจักรพรรดิก็ไม่ได้เช่นกัน!

อย่ามองว่าปกติมหาจักรพรรดิอมตะจะไม่โผล่มาในทะเลอุดร ถ้าทำเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็ตามไปสับมหาจักรพรรดิคนอื่นได้

มิหนำซ้ำในพงศาวดารบอกว่าช่วงวัยชราใกล้สิ้นอายุขัยของมหาจักรพรรดิฉางนั้น ยังมีความมุทะลุยิ่งกว่าตอนหนุ่มอีก ใช้อายุขัยได้มากกว่า

ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาหลายพันปีปิดด่านบำเพ็ญ ในที่สุดก็สร้างวิชาลับสะท้านโลกขึ้นมา คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์

วิชาลับนี้เพิ่มกำลังรบไม่ได้ แต่มีความสามารถที่โกงมาก นั่นคือนำอายุขัยที่ผู้ฝึกบำเพ็ญเสียไปอย่างผิดธรรมชาติกลับมา

อะไรคืออายุขัยที่เสียไปอย่างผิดธรรมชาติ

ง่ายมาก มนุษย์ธรรมดามีอายุขัยแปดสิบปี อยู่ถึงแปดสิบปีก็ตายลง นี่คืออายุขัยที่เสียไปตามธรรมชาติ

แล้วอะไรคืออายุขัยที่เสียไปอย่างผิดธรรมชาติ อย่างเช่นผู้ฝึกบำเพ็ญดวงจิตดรุณปกติมีอายุขัยราวๆ พันปี ปกติถ้าเจ้าไม่รนหาที่ตายก็มีชีวิตถึงพันปีได้ แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญส่วนมากชอบรนหาที่ตาย ฝึกวิชาเผาอายุขัย

ผู้ฝึกบำเพ็ญบางคนมีพรสวรรค์ธรรมดา การฝึกบำเพ็ญปกติจะฝึกได้ถึงแค่ระดับแก่นพลังทอง ดังนั้นจึงฝึกวิชาต้องห้ามทะลวงระดับดวงจิตดรุณ

การฝึกวิชาต้องห้ามเสียอายุขัยไปสองร้อยปี เช่นนั้นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณคนนี้ก็มีจะอายุขัยเพียงแปดร้อยปี

อีกประเภทคล้ายๆ กับหวังเสินซวี ฝึกวิชาต่อสู้ที่ใช้อายุขัยแลกมาเป็นพลังโจมตี

อายุขัยที่เสียไปเช่นนี้ ว่ากันตามจริงคือต้นกำเนิดชีวิต หากใช้โอสถวิญญาณระดับสูงสุดมากพอ ก็จะเติมเต็มอายุขัยกลับมาได้

แน่นอน ไม่ว่าโอสถวิญญาณใดล้วนมีการดื้อยา หากใช้ถี่ๆ ประสิทธิภาพจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

นี่ก็คือสาเหตุที่แม้หวังเสินซวีจะพึ่งพาแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาแต่ก็ยังไม่กล้าเผาอายุขัยสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงอย่างไรก็เติมพลังต้นกำเนิดยาก

หากใช้คัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาถี่เกินไป มาถึงช่วงหลัง โอสถวิญญาณพันปีก็อาจจะเติมอายุขัยได้ไม่กี่ปี นี่เป็นอะไรที่น่าอับอายมาก

……

แต่คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ไม่เหมือนกัน นี่คือวิชาที่มหาจักรพรรดิอมตะตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อตัวเอง ลี้ลับยิ่ง

มันจะใช้วิธีการพิเศษเปลี่ยนพลังวิญญาณธรรมดาให้เป็นพลังต้นกำเนิดชีวิตของผู้ฝึกบำเพ็ญได้ เมื่อใช้วิชาลับนี้ จะเติมต้นกำเนิดชีวิตที่เสียไปกลับมาได้ ดังนั้นแล้วอายุขัยที่เสียไปก็ย่อมกลับมา

แน่นอน วิชาลับนี้ทำได้แค่เติมอายุขัย แต่ทะลวงขีดจำกัดของกฎสวรรค์ไม่ได้

อย่างเช่นเดิมทีเจ้ามีอายุขัยเพียงพันปี มีชีวิตเกินพันปีแล้ว เช่นนั้นก็จะเพิ่มไม่ได้อีก

สรุป วิชานี้แทบจะสร้างขึ้นมาเพื่อหวังเสินซวี

เพราะกายเทพท้องนภาของเจ้านี่ผนวกกับคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา คือการออกกระบวนท่าสังหารตัดอายุขัยเหมือนกับมหาจักรพรรดิอมตะออกกระบี่ชีวิตนิรันดร์

อายุขัยที่ระเบิดตับเสียไปพวกนั้น ตามทฤษฎีแล้วจะใช้คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ฟื้นกลับมาได้

ไม่นึกเลยว่าแซ่หวังจะเจอคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ในตำนานที่นี่

และทุกอย่างนี้ สหายเสิ่นเป็นคนมอบให้แซ่หวัง!

หวังเสินซวีกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา ขอบตาดำชุ่มไปด้วยน้ำตา ดูแล้วซาบซึ้งใจมาก “สหายเสิ่น สหายเสิ่น บะ…บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจเอ่ยขอบคุณทดแทนได้! ภายภาคหน้าหากสหายเสิ่นมีอะไรจะใช้แซ่หวัง ขอแค่เอ่ยปาก แซ่หวังจะขึ้นภูเขาดาบลงทะเลเพลิง ถึงตายก็ไม่ปฏิเสธ!”

ยังไม่ทันเอ่ยจบ วงรัศมีเหนือศีรษะหวังเสินซวีก็ส่องแสงสว่างขึ้น ลายสีม่วงแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ทางด้านวงรัศมีของฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูก็ส่องแสงสว่างขึ้นเช่นกัน เพียงแต่เทียบกับหวังเสินซวีแล้วขึ้นมาน้อยกว่านิดเดียว

“สหายหวังทำเป็นคนอื่นคนไกลไป พวกเราคือบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินบูรพา ก็ควรจะปรองดองฉันมิตรกันไว้ ดูแลซึ่งกันและกันไป มาพยายามสร้างดินแดนบูรพาใหม่ที่กลมเกลียวและดีงามขึ้นมาด้วยกันเถอะ”

เมื่อรู้สึกลอยล่องจะเป็นเซียนทั้งตัวแล้ว เสิ่นเทียนรู้ว่าลายจุดทองเหนือศีรษะตนกำลังเพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกนี้เยี่ยมมากจริงๆ

เขาควักน้ำตาดาวเทพสมุทรสองเม็ดส่งให้หวังเสินซวี “สหายหวังเพิ่มรวมดรุณไม่นาน ดวงจิตดรุณคงยังไม่มั่นคงเอามาก นี่คือน้ำตาดาวเทพสมุทรสมบัติสุดยอดของทะเลอุดร อาจจะมีประโยชน์กับสหายหวัง”

น้ำตาดาวเทพสมุทรรึ

หวังเสินซวีตัวสั่นเล็กน้อย

เขาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร

หากบอกว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานคือสมบัติสุดยอดที่เติมเต็มต้นกำเนิดกายเนื้อของผู้ฝึกบำเพ็ญ เช่นนั้นน้ำตาดาวเทพสมุทรก็คือของล้ำค่าที่สุดแห่งยุคที่เติมเต็มพลังจิตวิญญาณของผู้ฝึกบำเพ็ญ

มองไปทั้งทะเลอุดร ในตลาดมีน้ำตาดาวเทพสมุทรแค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น แต่สหายเสิ่นกลับออกมือทีมอบให้แซ่หวังสองเม็ดรึ

ต้องรู้ว่าของมีน้อยราคาแพง มูลค่าของน้ำตาดาวเทพสมุทรสูงกว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงอีก

เจอหน้ากันครั้งแรก สหายเสิ่นก็มอบให้ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิและน้ำตาดาว

นี่ต้องใจกว้างระดับใดกัน

แซ่หวังมีคุณธรรมและความสามารถระดับใดกันถึงได้รับความกรุณาจากสหายเสิ่นเช่นนี้!

ตอนนี้ขอบตาดำของหวังเสินซวีชื้นยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้ารับไว้ไม่ได้! หากแซ่หวังมองไม่ผิด ตอนนี้สหายเสิ่นยังอยู่ระดับแก่นพลังทอง เจ้าเก็บสมบัตินี้ไว้ใช้เองเถอะ!”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ไม่เป็นไร น้ำตาดาวเทพสมุทรเช่นนี้ แซ่เสิ่นยังมีอีกสองร้อยเม็ด สหายหวังใช้ได้เลย ไม่พอมาขอข้าเพิ่มอีกได้”

หวังเสินซวีตกใจระคนงุนงง

อะไรนะ~

น้ำตาดาวเทพสมุทรสองร้อยเม็ดรึ

ช่วงนี้ไม่ได้ดื่มชาห้าสิ่งเลอค่าจนหูแว่วไปแล้วรึ

ฉีเซ่าเสวียนด้านข้างชำเลืองตามองหวังเสินซวี ก่อนทำเสียงขึ้นจมูก “กบในกะลา แค่น้ำตาดาวเทพสมุทรสองเม็ดก็ตกใจเช่นนี้แล้ว”

เอ๋าอูยิ้ม “พี่เซิ่นซวี[1]ไม่ต้องเกรงใจเลย พี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เขาพาเราไปหาน้ำตาดาวเทพสมุทรบนเกาะมาเยอะมาก สมบัติเช่นนี้ พวกมีกันเยอะมากเลย”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

อะไรคือพี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง เช่นนั้นใครคือบุตรแห่งโชคปลอมล่ะ

หวังเสินซวีเงียบไป

ข้าชื่อหวังเสินซวี อะไรคือพี่เซิ่นซวี!

อีกทั้งพวกเจ้ายังมีเจ้านี่กันเยอะมากเลยหรือ

โม้แล้วกระมัง!

……

หวังเสินซวีรับน้ำตาดาวเทพสมุทรมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะนำน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งใส่ปากไปอย่างระมัดระวัง

โคจรวิชาหลอมรวมน้ำตาดาว ทันใดนั้นหวังเสินซวีพลันเปล่งแสงสีฟ้าใสออกมาทั้งตัว ดูแปลกและมหัศจรรย์มาก

“อาศัยจังหวะนี้ตระหนักวิชาลับนี่เถอะ!”

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยและนำน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งออกมากิน

แม้หลังใช้น้ำตาดาวเทพสมุทรไปหลายเม็ดแล้ว ประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังจิตจะลดน้อยลง

แต่หากใช้มันตอนตระหนักวิชา นั่นคืออาหารเสริมชั้นเลิศ

กินมันไปแล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการตระหนักรู้หลายเท่า

หากอยู่นอกเขตทะเลเบิกฟ้า คงไม่มีใครทำใจใช้สมบัติสุดยอดเช่นนี้มาเป็นอาหารเสริมตระหนักรู้วิชาได้

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พลังวิญญาณก็มารวมที่ตัวหวังเสินซวีมากขึ้น

พลังวิญญาณพวกนี้ไหลมารวมรอบตัวหวังเสินซวีและหลั่งไหลเข้าไปในตัวเขา หมุนโคจรตามเส้นทางลึกลับบางอย่าง ไม่นานก็ปรากฏจุดแสงลอยขึ้นมาในกายเขา ดูส่องสว่างยิ่ง

จุดแสงพวกนี้กำลังตัดสลับกัน รวมขึ้นเป็นภาพกระดองเต่าช้าๆ ปกคลุมหน้าอกและแผ่นหลังของหวังเสินซวี ตรงมวลอากาศด้านหลังหวังเสินซวียังค่อยๆ เกิดปรากฏการณ์เลือนรางขึ้น

นั่นคือปรากฏการณ์เต่าดำยักษ์ ยาวหลายร้อยจั้ง ขวางสี่ทิศกลางอากาศ

ด้านหน้าปรากฏการณ์เต่าดำนี้เป็นเงามายาเต่าดำขนาดเล็กกว่ามากตัวหนึ่ง กำลังหมอบอยู่หน้าเต่าดำใหญ่อย่างนอบน้อม

ปรากฏการณ์เต่าดำยักษ์ค่อยๆ ยื่นมือขวาออกมา วางตรงศีรษะเต่าดำน้อยเบาๆ ดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม

ทางด้านปรากฏการณ์เต่าดำน้อยก็จริงจังมาก ก้มศีรษะด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนตลอด

เหมือนกับศิษย์ผู้ซื่อสัตย์กำลังขอวิชาจากอาจารย์~

หวังเสินซวียันสองมือและสองเท้ากับพื้น สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยใบหน้ามีความสุข

เพราะเขารู้สึกว่าเมื่อตนเข้าใจคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์มากขึ้น อายุขัยก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ จริงๆ

หลังจากหวังเสินซวีดูดพลังวิญญาณมหาศาลพวกนั้นเข้ามาหลอมรวมแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นต้นกำเนิดชีวิต

หวังเสินซวีรู้สึกว่าร่างกายตนไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นแล้ว

แม้อาจจะมีส่วนมาจากปัจจัยด้านจิตวิทยา แต่อายุขัยกำลังฟื้นฟูนี่คือความจริง

“ท่านเซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตยืนยาวแก่ข้า”

หวังเสินซวีคุกเข่าลงกับพื้นด้วยดวงตาเร่าร้อน ร่างลอยขึ้นลงตามคลื่นพลังวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าหลงใหลในการเรียนรู้มาก

ข้ามเจ้าหวังเสินซวีที่กำลังเรียนรู้อย่างราบรื่นไปก่อน อีกด้านหนึ่งฉีเซ่าเสวียนฝึกฝนอย่างไรก็ดูติดขัดไปหมด

ใช่ เจ้านี่รังเกียจท่าทางการฝึกของคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ น่าเกลียดจริงๆ

บุตรศักดิ์สิทธิ์โอรสสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับต้องมาหมอบบนพื้นเลียนแบบท่าเต่าดำ

‘ดูท่าวิชาลับนี่คงถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับข้า’

ฉีเซ่าเซวียนจนปัญญามาก แม้เขาจะตระหนักมาจากศิลาหินนี้ได้ผิวเผินเช่นกัน แต่สัญชาตญาณกลับต่อต้านวิชานี้

นี่ทำให้ความชำนาญในคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ของฉีเซ่าเสวียนพัฒนาขึ้นช้ากว่าหวังเสินซวีมาก

…….

สิบวันต่อมา หวังเสินซวีลืมตาขึ้นช้าๆ

ต้องบอกว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญแล้ว การปิดด่านบำเพ็ญกินเวลามากจริงๆ

บางครั้งตระหนักวิชาลึกล้ำเล็กน้อยก็อาจจะกินเวลาไปปีครึ่ง

พูดให้เกินจริงกว่านั้นหน่อยก็ตระหนักทีหนึ่งร้อยปี

“ฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์สิบวัน ฟื้นฟูอายุขัยราวสามปี หากชำนาญคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ลึกซึ้งขึ้น ก็น่าจะเร็วกว่านี้”

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกายเนื้อตัวเองแล้ว หวังเสินซวีมีความสุขมาก

หันกลับมาเห็นฉีเซ่าเสวียนเหมือนจะตระหนักอะไรไม่ได้ หวังเสินซวีก็มีความสุขยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าคนแซ่ฉีไม่ใช่โอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพาหรอกรึ ไฉนถึงเหม่ออยู่นี่ล่ะ ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยนี่ไม่ไหวเลย!”

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเยาะ “แซ่ฉีสู้ไม่ต้องเผาอายุขัยตัวเอง เดิมทีก็ไม่ต้องศึกษาวิชาลับนอกรีตนี่อยู่แล้ว อีกทั้งเจ้าคิดว่าเจ้าตระหนักถึงแก่นแท้จริงๆ แล้วหรือ คลานกับพื้นกระตุกไปมา เหอะๆ อย่างกับตะพาบ!”

ฉีเซ่าเสวียนเพิ่งพูดจบก็เห็นว่าพลังรอบตัวหวังเสินซวีเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

รอบตัวเขาเผาพลังงานสีเงิน ทั่วทั้งร่างเหมือนหลอมรวมกับมวลอากาศ

“เจ้าคนแซ่ฉี เจ้าอยากสู้กับแซ่หวังมาตลอดไม่ใช่รึ เมื่อก่อนข้าไม่มีทางเลือก ตอนนี้ข้าแค่อยาก…ใช้มิติตบหน้าเจ้าให้ตาย!”

……

ตอนนี้หวังเสินซวีคิดว่าตนทะลวงรังไหมเป็นผีเสื้อ ผลัดเปลี่ยนกระดูกแล้ว

เขา จะนำความโอหังของกายเทพท้องนภากลับมาใหม่อีกครั้ง!

จะอัดเจ้าฉีเซ่าเสวียนนี่ให้แบนราบ!

………………………

[1] เซิ่นซวี แปลว่าไตพร่อง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน