ทำให้เสิ่นเทียนมีความรู้สึกว่าเป้าหมายของเขาแท้จริงไม่ใช่เสี่ยวหลิงเซียน แต่เป็นเสิ่นเทียน
กุ้ยกงกงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “โจรชั่วใจกล้ามาก ถึงขั้นกล้าคิดร้ายต่อองค์ชาย!”
“ตายซะเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างกายของกุ้ยกงกงกลายเป็นเงาสีแดง พุ่งตรงเข้าไปหาคนผู้นั้น
ชิ้งๆ!
ความเร็วของกระบี่อ่อนขนปักษาม่วงราวกับก้าวข้ามขีดจำกัด ระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงประกายกระบี่สีม่วงนับไม่ถ้วน
ชั่วขณะหนึ่ง รอบตัวของชายชุดดำถูกรายล้อมด้วยเงาสีแดงและประกายกระบี่สีม่วง
ราวกับเรือเล็กที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยคลื่นลมพายุฝน
ทว่า!
แม้ความเร็วในการจู่โจมของกุ้ยกงกงจะเร็วดุจสายฟ้า ดุดันดั่งพายุ
กลับไม่สามารถทำอะไรชายชุดดำได้แม้แต่น้อย กลับกันโดนคลื่นพลังสายหนึ่งที่มองไม่เห็นปัดป้องการจู่โจมทั้งหมดทิ้ง
ชายชุดดำยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางคลื่นพลังที่มองไม่เห็นด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง
ราวกับประกายกระบี่นับไม่ถ้วนที่อยู่รอบตัวเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน ไม่มีภัยคุกคามแต่อย่างใด
“ไม่เลว หลอมปราณขั้นเจ็ดกลับมีพลังทำลายล้างระดับนี้ หายากยิ่งนัก”
ชายชุดดำมองกุ้ยกงกง สีหน้าของเขาดูร้อนแรงใคร่รู้อย่างมาก “วิชาที่เจ้าบําเพ็ญ ต้องเป็นวิชาพิเศษแน่นอน! ”
“มอบมันให้ข้า ข้าสามารถปล่อยให้เจ้าตายอย่างไม่ต้องทรมาน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง มีประกายแสงสีทองพุ่งออกจากจุดตันเถียนของชายชุดดำ
ดวงจิตต้นสีทองที่มีขนาดเท่าดวงตามังกรปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า
ในขณะเดียวกัน แรงกดดันมหาศาลที่พร้อมจะขยี้ทุกอย่างประทุขึ้น ถาโถมออกมาราวกับคลื่นมหาสมุทรที่พลุ่งพล่าน
ทันใดนั้น กุ้ยกงกงโดนจู่โจมต่อเนื่องอย่างรุนแรง ร่างกายลอยกระเด็นออกไป
เขากระอักเลือดออกจากปากในทันที สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ขอบเขตของแก่นพลังทอง เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง!”
สีหน้าของกุ้ยกงกงปรากฏให้เห็นความสิ้นหวัง พยายามฝืนลุกขึ้นยืน “องค์ชายรีบหนีไป บ่าวจะขวางเขาเอาไว้เอง!”
เสิ่นเทียนส่ายศีรษะอย่างช้าๆ
ผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองสามารถควบคุมกฎเกณฑ์ของขอบเขตพื้นที่
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับนี้ การหนีเป็นเพียงเรื่องตลก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนตรงหน้าจงใจปกปิดพลังบำเพ็ญ เห็นได้ชัดว่าวางแผนมานานแล้ว
ชายชุดดำยิ้มอย่างดูถูก “เลิกดิ้นรนได้แล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าโดนล่อออกมาจากสวนหมื่นวิญญาณ ชะตากรรมถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว!”
“ข้าได้วางค่ายกลบังตาสวรรค์ไว้ที่นี่แล้ว จะไม่มีใครสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของที่นี่”
ชายชุดดำหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกจากเสื้อตรงหน้าอก จากนั้นหยิบลูกกลอนโอสถออกมาหนึ่งเม็ดจากด้านใน ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“แหะๆ เสิ่นเอ้าเทียน? ความสามารถในการค้นวิญญาณประเมินแร่ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่พลังบำเพ็ญต่ำเกินไป”
“เดิมทีข้าก็คิดว่าเจ้าเป็นผู้วิเศษที่เก่งกาจไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่มีพลังบำเพ็ญแม้แต่น้อยนิด”
“ในเมื่อเจ้ายืนกรานว่าเจ้ากับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงทำได้แต่ต้องฝืนแสวงวาสนาแล้ว”
“ขอเพียงกลืน ‘ลูกลอนควบคุมจิต’ เม็ดนี้ลงไป เจ้าก็จะจงรักภักดีต่อลัทธิศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นบริวารของข้า”
“ถึงเวลานั้น อิทธิพลของลัทธิข้าในอาณาจักรต้าเหยียนจะต้องขยายอย่างรวดเร็ว ฮ่าๆๆๆ!”
มองชายชุดดำที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสิ่นเทียนครุ่นคิด
เขาจำได้ว่าเคยมีคนชื่อเฮยเสวี่ย ซึ่งเป็นผู้จริงแท้ในระดับแก่นพลังทองมาเซ้าซี้กับตนเองไม่เลิก ต้องการให้เขาช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ได้
เหนือศีรษะที่อับโชคของเขาไม่มีภาพโชคลิขิตปรากฏให้เห็นเลยสักนิด
ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงปฏิเสธเขา
คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีทางเลือกอื่นจนยอมเสี่ยง วางแผนทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นหุ่นเชิดของเขา
……
“ลัทธิศักดิ์สิทธิ์?”
เสิ่นเทียนกล่าวถามด้วยความสนใจ “อาณาจักรต้าเหยียนตั้งอยู่ภายใต้เขตปกครองของแดนเทวาดาวประกายพรึก ส่วนแดนเทวาดาวประกายพรึกเป็นแดนบริวารของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”
“ดูเหมือนในรัศมีหนึ่งร้อยลี้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อะไรนี่หรอกกระมัง!”
ได้ยินเสิ่นเทียนสงสัยการดำรงอยู่ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเคร่งขรึมลงทันที
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “ก็แค่แดนเทวาดาวประกายพรึก นับประสาอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าลัทธิวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้า?”
“ในวันที่ลัทธิวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าขึ้นเป็นราชา ถึงเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นได้เพียงหมูหมากาไก่เท่านั้น สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน