บทที่ 341 เคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้า เบิกฟ้าหลอมตัวอ่อนกระบี่
มรดกนี้มีต้นกำเนิดพลังเดียวกับคัมภีร์คบเพลิงในตัวเสิ่นเทียน อีกทั้งยังลี้ลับยิ่ง กระทั่งแม้แต่คัมภีร์คบเพลิงเทพสงครามที่เยี่ยฉิงชางถ่ายทอดให้เสิ่นเทียนยังเหมือนเทียบกับวิชานี้ไม่ได้
แต่พื้นฐานของมรดกนี้ยากและอันตรายมาก นั่นคือต้องหลอมรวมหมอกเบิกฟ้าก่อน ถึงจะก้าวข้ามธรณีประตูของวิชานี้
ต้องรู้ว่าหมอกเบิกฟ้าเป็นหนึ่งในพลังงานที่เป็นที่ยอมรับว่าน่ากลัวที่สุดในห้าดินแดน แม้แต่ผู้อริยะหากโดนพัวพันก็ยังอันตรายมาก
การฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าพื้นฐานคือการหลอมรวมพลังงานเบิกฟ้า สำหรับคนปกติแล้ว ไม่อาจจินตนาการได้ จะถูกกลืนกินและตายตกไปในทันที
แต่หากฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าได้ราบรื่นก็จะมีอานุภาพไม่อาจจินตนาการเช่นกัน เหนือกว่าวิชาทั่วไปอย่างยิ่ง
จากมรดกวิชาในความคิด หากเสิ่นเทียนฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้านี้สำเร็จ ภายภาคหน้าจะมีความสามารถในการหลอมรวมและควบคุมพลังเบิกฟ้าได้
ถึงตอนนั้น หมอกเบิกฟ้านั้นในกายร่างแยกเขาจะไม่ใช่แค่คุกคามถึงความปลอดภัยเขาไม่ได้แล้ว แต่ยังกลายเป็นอาวุธได้
นั่นคืออาวุธสังหารระดับสุดยอดที่แกร่งที่สุดและมีพลังทำลายล้างมากที่สุด!
‘มรดกวิชานี้ยิ่งใหญ่จนน่ากลัว หากกุมมันไว้ได้ทั้งหมด ข้าในระดับดวงจิตดรุณก็อาจจะสังหารผู้อริยะได้’
เสิ่นเทียนพึมพำในใจ แววตาพลันเร่าร้อนและตื่นเต้นขึ้นมาเป็นพิเศษ
ล้อเล่น นั่นคือการสังหารผู้อริยะเชียว!
อย่ามองว่าโอรสสวรรค์ห้าดินแดนที่สู้ข้ามขั้นได้มีตั้งมากมาย สร้างฐานสู้แก่นพลังทองเอย แก่นพลังทองสู้ดวงจิตดรุณได้เป็นกองเอย
นั่นเป็นเพียงอยู่ในแก่นพลังทองและดวงจิตดรุณ ขยะที่เอาน้ำใส่ตัวมีเยอะเกินไป ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีนอกรีตฝืนดันระดับพลังไปแก่นพลังทองกระทั่งดวงจิตดรุณ
อย่างวิธีชั่วช้าเช่นกินโลหิตบริสุทธิ์หรือเซ่นไหว้มารร้าย หากไม่มีสำนักฝ่ายธรรมะขัดขวาง ถึงขั้นสร้างผู้จริงแท้และผู้สูงศักดิ์ได้จำนวนมาก
ทว่าระดับของผู้จริงแท้และผู้สูงศักดิ์ประเภทนี้เลื่อนลอย เวลาสู้จริงจะเปราะบางมาก
แต่เมื่อผู้ฝึกบำเพ็ญทะลวงถึงระดับหลอมรวมเทพ ก็จะมีทางลัดน้อยลงไปเรื่อยๆ ปกติคนที่เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้จะเป็นอัจฉริยะสุดยอด
อัจฉริยะพวกนี้ตอนเยาว์วัยก็เป็นโอรสสวรรค์ที่สู้ข้ามขั้นได้อยู่แล้ว ชื่อเสียงเลื่องลือหนึ่งยุค เจ้าคิดจะสู้ข้ามขั้นเอาชนะพวกเขาอีก ระดับความยากไม่ต่างอะไรกับไต่ฟ้าเลย
ส่วนข้ามขั้นไปสังหารผู้อริยะ นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แดนศักดิ์สิทธิ์ในห้าดินแดนปกติจะเปลี่ยนบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกร้อยปี บุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนคือโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุค
แต่ถึงจะเป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคพวกนี้ คนที่สัมผัสปราการระดับผู้อริยะได้อย่างแท้จริงมีไม่เกินสามถึงห้าคน คนที่ฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จหายากยิ่งกว่า
การคงอยู่ของผู้อริยะฝ่าด่านเคราะห์ทุกคน ตอนเยาว์วัยก็เป็นโอรสสวรรค์ในโอรสสวรรค์ ข้ามขั้นสังหารศัตรูได้เหมือนฆ่าสุนัขเชือดไก่ ไม่เช่นนั้นคงยากจะผ่านการทดสอบเคราะห์สายฟ้าสวรรค์เป็นผู้อริยะได้
ใช้ระดับพลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์ข้ามขั้นมาสังหารผู้อริยะ ระดับความยากสูงกว่าระดับแก่นพลังทองข้ามขั้นมาสังหารดวงจิตดรุณเกินกว่าพันเท่า!
ถ้าไม่เช่นนั้น ตอนนั้นที่ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์ฉู่หรงเหอระเบิดตัวเองหนึ่งสู้เจ็ด คงไม่มีทางสั่นสะเทือนทั้งห้าดินแดน แม้แต่ราชวงศ์เซียนในดินแดนกลางยังสั่นไหว
พูดได้ว่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตอนนี้กำลังผงาดขึ้น เพราะมีคุณความดีของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ซ่อนเร้นความสามารถและมีกลยุทธ์ของนักการทูต
แต่ฉู่หรงเหอบ้าคลั่งสู้กับผู้อริยะเจ็ดคน ก็ทำให้ศัตรูแข็งแกร่งมากมายตื่นตะลึงกันจริงๆ
พึงรู้ไว้ว่าจางหลงหยวนและฉู่หรงเหอในตอนนั้นถูกเรียกว่า “คู่โอรสสวรรค์” อีกทั้งคนแรกยังอยู่ในเงามืดยิ่งกว่าคนข้างหลังอย่างชัดเจน
ฉู่หรงเหอบ้าคลั่งขึ้นมา ระเบิดกายเทพอัสนีสู้ตายกับผู้อริยะเจ็ดคน นั่นคือบีบคั้นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แล้วถ้าจางหลงหยวนก็บ้าคลั่งขึ้นมาจะทำอย่างไร
ต้องรู้ว่าภายใต้สถานการณ์ศักยภาพเท่ากัน คนชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ย่อมน่ากลัวกว่าคู่ต่อสู้ที่ไม่มีสมองมาก
นับจากนั้นมา ขุมอำนาจที่อยากจะครอบครองแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พวกนั้นก็เลือกยุติการโจมตี
ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ได้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นำพาให้ฟื้นคืนพลังกลับมาในทุกๆ วัน
……..
แค่กๆ นอกเรื่องแล้ว
สรุปคือตั้งแต่โบราณมา ในห้าดินแดนคนที่ใช้ระดับพลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์สังหารผู้อริยะได้มีน้อยเหมือนขนหงส์เขากิเลน หายากยิ่งกว่าราชาผู้อริยะ
คนที่มีกำลังรบเช่นนี้ มีฐานะเทียบเท่ากับผู้อริยะกระทั่งสูงกว่าผู้อริยะปกติแล้ว
เพราะหากไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาก็มีโอกาสทะลวงระดับมหาอริยะกระทั่งฝ่าด่านเคราะห์เป็นเซียนได้
การคงอยู่เช่นนี้ถูกเรียกว่า ‘ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรค’ ความหมายคือเป็นขีดจำกัดของระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์
แน่นอนว่าเผ่าอสูรก็มีชื่อเรียกในเผ่าว่า ‘ผู้สูงศักดิ์อนันต์’ ความหมายคือผู้สูงศักดิ์ที่ไร้ขีดจำกัด
ใช้ระดับพลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์สังหารผู้อริยะได้ จะได้รับความสนใจและเลื่อมใสจากห้าดินแดน หากเสิ่นเทียนใช้ระดับพลังดวงจิตดรุณสังหารผู้อริยะได้ล่ะ…
เกรงว่าทั้งห้าดินแดนคงต้องบ้าคลั่ง!
เสิ่นเทียนตระหนักคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้านี้แล้วรู้สึกลำพองใจขึ้นมาเล็กน้อย
คนหน้าตาดีเนื้อหอม แม้แต่จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุคเห็นใบหน้าเขาแล้วยังอดใจถ่ายทอดวิชาให้เขาทุกครั้งไม่ได้
มรดกระดับจักรพรรดิในตัวข้ามีเยอะจนฝึกไม่หมดไม่สิ้นแล้วด้วยซ้ำ!
เฮ้อ นี่อาจจะเป็นความทุกข์จากความหล่อเหลากระมัง!
ล้อเล่นก็เรื่องของล้อเล่น ยามที่ตระหนักวิชานี้ เสิ่นเทียนค่อนข้างตั้งใจเลย
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่โง่ จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุคท่านนี้มีกำลังรบสะท้านฟ้า แม้แต่ปู่บุญธรรมยังไม่พอมอง
วิชาที่นางถ่ายทอดให้จะมีอานุภาพแย่ได้รึ แล้วยังจะไม่ตั้งใจฝึกฝนอีก เว้นแต่สมองเจ้าจะโดนอัสนีเทพกำเนิดฟ้าผ่าจนเดี้ยงไปแล้ว
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิ เริ่มตั้งใจตระหนักวิชานี้
ก็เหมือนคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ที่แบ่งเป็นเคล็ดหลอมกาย หลอมปราณและบทต้องห้าม วิชานี้ก็แบ่งเป็นบทต่างกันเช่นกัน
“เคล็ดหลอมกายคบเพลิงเบิกฟ้า ใช้หมอกเบิกฟ้าขัดเกลากายเนื้อ สร้าง ‘กายทองเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน’ ฟังดูแล้วรู้สึกสุดยอดไปเลย
เคล็ดหลอมสร้างคบเพลิงเบิกฟ้า ใช้หมอกเบิกฟ้าหลอมสร้างอาวุธต้นกำเนิด เติบโตไปพร้อมกับตัวเอง ในเร็ววันจะกลายเป็นอาวุธแห่งการพิสูจน์มรรค หนึ่งอาวุธทำลายหมื่นอิทธิฤทธิ์รึ
เคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้า กลืนกินสมบัติสุดยอด สิ่งมหัศจรรย์รวมถึงคุณสมบัติกายโอรสสวรรค์ได้ทุกชนิดในฟ้าดิน แปลงเป็นพลังของตัวเอง ก่อนทะลวงรังไหมเป็นผีเสื้อ
เมื่อฝึกวิชานี้ถึงระดับสูงสุดจะสำเร็จ ‘กายเบิกฟ้ามานะสร้าง’ ทำให้พอจะฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าได้รึ”
…..
ทันใดนั้น วิชาที่มีนามว่าแปลงทุกสรรพสิ่งกลืนฟ้าในมรดกก็ดึงดูดความสนใจของเสิ่นเทียน
วิชานี้ไม่อยู่ในกลุ่มของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า หรืออาจพูดได้ว่าเดินในเส้นทางต่างกัน
หากบอกว่าคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าเดินบนเส้นทางสูงสุดถูกต้องและสง่างาม บทเปิดมาก็ใช้หมอกเบิกฟ้าหลอมสร้างรากฐานสูงสุด ท่องบนเส้นทางไร้พ่าย
เช่นนั้น เคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้าก็เหมือนกับเส้นทางเล็กแคบและขรุขระ ใช้ทุกชีวิตในฟ้าดินเป็นสารอาหาร ฝึกฝนถึงขีดจำกัดแล้วก็ได้แค่กายเบิกฟ้าที่มีมลทิน
วิชานี้เหมือนกับคนที่มีคุณสมบัติกายบางอย่างที่ไม่อาจฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าได้ จึงสร้างวิชานี้ขึ้นเพื่อพอจะให้ฝึกฝนได้
หลังจากสำเร็จกายเบิกฟ้ามลทินแล้วก็จะหลอมรวมและควบคุมหมอกเบิกฟ้าได้ เริ่มเปลี่ยนไปฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้านั้นได้
จากในระดับบางอย่าง จะมองว่าวิชาลับนี้เป็นพื้นฐานของบททางการของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าก็ได้
สำหรับเสิ่นเทียนแล้ว วิชาลับนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
เพราะต่อให้ไม่ฝึกมัน เสิ่นเทียนก็หลอมรวมหมอกเบิกฟ้าได้เช่นกัน
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้าจะไม่มีค่าอะไร ในทางตรงข้าม วิชานี้เหนือจินตนาการ!
เพราะถึงคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าจะอันธพาลและยอดเยี่ยม แต่มองไปในห้าดินแดนกระทั่งรวมโลกเซียน จะมีสักกี่คนที่มีหมอกเบิกฟ้าเป็นรากฐาน
เว้นแต่จะเป็น ‘กายทองเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน’ คุณสมบัติกายสูงสุดในตำนานเท่านั้นถึงจะมีความเป็นไปได้
ทว่า ‘กายทองเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน’ หายากมาแต่โบราณ มีอยู่ในตำนานเท่านั้น
หากไม่มีคุณสมบัติกายนี้ ต่อให้คัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าจะมีอานุภาพมากเพียงใด ก็เป็นเพียงคัมภีร์ขยะส่วนหนึ่ง
ทว่าเคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้ากลับเปิดช่องทางลัด หลอมรวมทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อผลัดเปลี่ยนแล้วก็ออกมาเป็นกายเบิกฟ้ามานะสร้าง
ความลี้ลับของวิชานี้เรียกว่า ‘ชิงโชควาสนาของฟ้าดิน’ ก็ไม่เกินจริงไปเลย
หากฝึกฝนวิชาลับนี้สำเร็จจริงๆ ถึงจะไม่อาจฝึกถึงขีดจำกัดสำเร็จกายเบิกฟ้ามาระสร้าง อย่างน้อยก็ยกระดับอานุภาพของคุณสมบัติกายตนได้อย่างมาก ไร้พ่ายในระดับเดียวกันได้
หากเสิ่นเทียนเดาไม่ผิด โอรสสวรรค์พวกนั้นที่เคยตระหนักศิลาโบราณต้องห้ามนี้ ก็น่าจะตระหนักได้วิชาลับนี้
น่าเสียดาย ต่อให้เป็นเคล็ดแปลงหมื่นสรรพสิ่งกลืนฟ้า โอรสสวรรค์ธรรมดาก็ไม่มีสิทธิ์ตระหนักรู้
คนที่กลายเป็นมรรคตรงหน้าศิลาโบราณพวกนั้น ก็น่าจะโดนวิชาแว้งกัด
ถึงอย่างไรวิชาลับนี่ก็อันตรายมากจริงๆ ถ้าไม่เช่นนั้นบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งเผ่าคุนคงเก็บเอาไว้แล้ว
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน