บทที่ 342 นี่เป็นอีกราคาหนึ่ง!
ทันทีที่ศิลาโบราณต้องห้ามลอยขึ้นฟ้า ทั้งเผ่าคุนสั่นสะเทือนเพราะเหตุนี้
สิบผู้อาวุโสรีบร่วมมือกันสำแดงวิชา พลังฤทธิ์เต็มเปี่ยมและทรงพลังพลันกลายเป็นกรงยักษ์บดบังฟ้า คลุมใส่ศิลาโบราณนั้น
ผู้อาวุโสเผ่าคุนที่ปิดด่านบำเพ็ญที่หุบเขาต้องห้ามได้ ต่อให้อยู่ในผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ยังเป็นผู้โดดเด่นสุดยอด ห่างจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ไม่ไกล
สิบผู้อาวุโสร่วมมือกันวางค่ายกล ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังยากจะหลุดไปได้ง่ายๆ
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าศิลาโบราณนี้ กรงยักษ์ที่ผู้อาวุโสสิบคนร่วมมือกันวางยังถูกทะลวงไปในทันใดราวกับกระดาษ
แสงสีดำลากผ่านผืนฟ้ากว้างใหญ่ พุ่งไปไกลสิบล้านลี้ หายลับไปในสายตาของทุกคน
ทั้งหุบเขาต้องห้ามกลายเป็นผุยผง กระแสมิติปั่นป่วนตัดสลับกัน
เสิ่นเทียนชะงักงัน เขาแค่นั่งสัปหงกหน้าศิลาโบราณต้องห้ามเท่านั้น เหตุใดศิลาถึงหนีไปล่ะ
คนใหญ่คนโตของเผ่าคุนพวกนั้นคงไม่อาศัยจังหวะนี้เรียกร้องค่าเสียหายจากข้าหรอกนะ!
หรือว่าจะอาศัยสถานการณ์วุ่นวายตอนนี้แกล้งตายดี
เปรี้ยง~
กระแสมิติสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ฟ้าดินรวมขึ้นเป็นร่างเงาคุนยักษ์ยิ่ง บนผิวกายมีแสงศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นมา
นั่นคือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าคุน ปกติแทบจะปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝน ไม่ยุ่งเรื่องในเผ่า
แต่ศิลาโบราณต้องห้ามหนีไปสร้างความสั่นสะเทือนรุนแรงจริงๆ ถึงขนาดทำให้พวกเขาออกมากัน
“เหตุใดศิลาโบราณต้องห้ามถึงหนีไป ขอให้เจ้าเผ่าช่วยอธิบายให้เราฟังด้วย!”
“ท่านบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งเป็นคนฝากศิลาโบราณต้องห้ามไว้ หลายหมื่นปีมานี้ไม่เคยเกิดเรื่อง แต่ตอนนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
“หากชี้แจงไม่ได้ เกรงว่าพวกข้าไม่มีหน้าไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษอีกแล้ว ขอให้เจ้าเผ่ารีบตามหาศิลาโบราณต้องห้ามกลับมาโดยเร็วด้วย!”
“ได้ยินว่าเจ้าเผ่าแหกกฎให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตระหนักศิลาโบราณต้องห้าม ถึงได้เกิดผลเช่นนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด”
“ใช่ ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมาอธิบาย!”
……..
ผู้อริยะเผ่าคุนพวกนั้นกำลังถกเถียงกัน ต่างสะเทือนถึงจิตใจเพราะศิลาโบราณต้องห้ามหายไป
ถึงอย่างไรศิลาโบราณต้องห้ามก็มีความหมายสำคัญกับเผ่าคุนมาก แทบจะไม่เป็นรองสถานที่สำคัญอย่างแผนผังวงศ์ตระกูลและศาลบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เลย
มิหนำซ้ำ หุบเขาที่ตั้งของศิลาโบราณต้องห้ามเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและมีกฎเกณฑ์รวมกัน เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้ถล่มลงเพราะศิลาโบราณต้องห้ามหายไป
นี่คือความเสียหายครั้งใหญ่ของเผ่าคุน!
ผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นใครก็ยากจะใจเย็นไหว
เปรี้ยง!
ตอนนี้เอง ปรากฏร่างของราชาเทพคุนขึ้นในกระแสมิติปั่นป่วนของหุบเขา
เขามีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน แต่ไม่ได้มีทีท่ารู้สึกผิดอะไร กลับมองเสิ่นเทียนด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนไม่ได้บาดเจ็บ แม้แต่กลิ่นอายพลังยังลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม ราชาเทพคุนก็ถอนหายใจโล่งอก “บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่บาดเจ็บนะ!”
เสิ่นเทียนพยักหน้าช้าๆ “ตกใจไปบ้างแต่ไม่เป็นไร”
ราชาเทพคุนกล่าว “เช่นนั้นก็ดี ข้าก็คาดการณ์เรื่องผลการเปลี่ยนแปลงของศิลาโบราณต้องห้ามไว้แล้ว หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นอะไรไป ข้าก็ไม่รู้จะบอกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้าอย่างไรจริงๆ”
คำพูดของราชาเทพคุนทำให้เสิ่นเทียนอึ้งไปเลย จะว่าไปสมัยนี้เจ้าเผ่าอสูรพูดจาดีเช่นนี้เลยรึ!
ศิลาบรรพบุรุษบ้านตนหายไปกลับไม่ร้อนใจ ยังคิดเรื่องจะบอกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างไรอีกหรือ
แต่ยื่นมือไม่ตบคนหน้ายิ้มอยู่แล้ว ราชาเทพคุนเกรงใจเสิ่นเทียนเช่นนี้ กลับทำให้เสิ่นเทียนอายขึ้นมานิดๆ
เพราะถึงเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดศิลาโบราณต้องห้ามถึงหนีไป แต่ก็คาดการณ์ได้ว่าจะต้องเกี่ยวกับคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าที่เขาตระหนักรู้แน่นอน
ครั้งนี้ เขาไม่จำเป็นต้องรับบาปไว้ก็ได้
ราชาเทพคุนคุยง่าย ไม่ได้หมายความว่าผู้อริยะคนอื่นของเผ่าคุนจะคุยง่าย
ความจริงแล้วตอนแรกที่ให้เสิ่นเทียนนำวิชาคุนเผิงมาแลกกับสามประกายวารีเทพและอาวุธอริยะสามชิ้นนั้น ก็มีผู้อาวุโสเผ่าคุนบางส่วนไม่พอใจแล้ว
เพราะพวกเขามองว่าเดิมทีวิชาคุนเผิงเป็นวิชาสูงสุดของเผ่าคุน ตามหลักแล้วห้ามตกไปอยู่ในมือคนนอก คืนเผ่าคุนก็เป็นเรื่องสมเหตุผล
จะเอาสามประกายวารีเทพกับอาวุธอริยะสามชิ้นไปแลกวิชาคุนเผิงกลับมาก็ช่างเถอะ แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะให้ขุมอำนาจอื่นฝึกฝนวิชานี้ด้วย
นี่คือความอัปยศอดสูสำหรับพวกเขา!
จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ราชาเทพคุนอนุญาตให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตระหนักศิลาโบราณต้องห้ามของเผ่าคุน
ตอนนี้เอาละ ศิลาโบราณต้องห้ามหายไปแล้ว!
“เจ้าเผ่า บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หวังว่าพวกเจ้าจะให้คำอธิบายแก่เราได้”
“คุนซวี หลายปีมานี้เจ้าร่วมมือกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาตลอด จนเกือบลืมความโอหังของเผ่าคุนไปแล้วกระมัง!”
“เจ้าดำรงตำแหน่งเจ้าเผ่ามาตลอดหลายปีนี้ ศักยภาพของเผ่าเราไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไร ตอนนี้แม้แต่ศิลาโบราณต้องห้ามยังหายไป ข้าว่าถึงเวลาต้องเรียกประชุมผู้อาวุโสแล้ว”
“หากเจ้าทำหน้าที่เจ้าเผ่าไม่ได้ เช่นนั้นก็ถอนตัวไปเถอะ ให้คนที่มีความสามารถมาทำแทน!”
“แล้วก็แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะต้องชดใช้ความเสียหายที่ศิลาหินหายไปให้กับเผ่าเรา!”
…..
เสียงสนทนาของเหล่าผู้อาวุโสดังขึ้นกลางอากาศ
ผู้อาวุโสเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ คำพูดคำจาจึงค่อนข้างเกรงใจคุนซวี
แต่ก็มีผู้อาวุโสสูงสุดระดับฝ่าด่านเคราะห์หลายคน มีศักดิ์สูงกว่าราชาเทพคุนหลายรุ่น ตอนนี้จึงพูดจาไม่ไว้หน้าเลย กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดบางส่วนยังเสนอให้ปลดตำแหน่งเจ้าเผ่าของราชาเทพคุนและเลือกราชาเผ่าขึ้นมาใหม่
ราชาเทพคุนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองร่างเงากลางอากาศพวกนั้นลึกๆ “ทุกคนรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลาโบราณต้องห้ามกับเผ่าเรา เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าเตือน
ตอนที่ท่านบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งนำศิลานี้กลับมาได้ประกาศไว้ว่าผู้มีวาสนาที่ได้รับการยอมรับจากศิลาโบราณ ได้รับมรดกก็ดีหรือจะนำศิลาโบราณไปก็ดี เผ่าเราห้ามขัดขวาง
และตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้รับการยอมรับและถ่ายทอดวิชาจากศิลาโบราณ ศิลาโบราณทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วก็จากไปไกล นี่เป็นเรื่องถูกทำนองคลองธรรม
เกิดเป็นคุน ก็ควรจะมีความโอหังของเผ่าคุน ไฉนจะต้องโยนความรับผิดชอบไปให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ ส่วนตำแหน่งเจ้าเผ่าของข้า มีใครคิดว่าข้าไม่คู่ควรหรือไม่ ก้าวออกมาตัดสินกับข้าได้เลย!”
เมื่อเอ่ยจบ คุนซวีพลันระเบิดกลิ่นอายพลังมหาศาลออกมารอบตัว อำนาจคุกคามของผู้อริยะหมุนม้วนออกไปโดยรอบ
เกิดปรากฏการณ์คุนยักษ์หลายหมื่นจั้งลอยขึ้นข้างหลังเขา ทะเลไร้พรมแดนเชี่ยวกราก ม้วนคลื่นลูกใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ขณะผลุบๆ โผล่ๆ นั้นยังกระแทกคลื่นน้ำไปสามพันลี้!
อีกทั้งปรากฏการณ์ข้างหลังคุนซวีไม่ได้มีแค่ร่างคุนแล้ว
คุนยักษ์หมื่นจั้งนั้นฟาดบนผิวทะเล เกล็ดปลาและคลีบปลาพลันกลายเป็นปีกนกขยับแสงสีทอง ศีรษะปลายังกลายเป็นศีรษะเผิงทองคำยักษ์สง่างามและเปี่ยมไปด้วยพลัง
บึ้ม~
น้ำกระแทกสามพันลี้ ลอยขึ้นสูงเก้าหมื่นลี้!
คุนเผิงมหึมาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้อาวุโสเผ่าคุนทุกคน
รอบตัวมันมีแสงศักดิ์สิทธิ์ไร้มลทินไหลเวียน อำนาจผู้อริยะเข้มข้นหมุนม้วนไปโดยรอบ มาพร้อมกับอำนาจคุกคามที่ทำให้คนหายใจติดขัด
เวลานี้ ผู้อาวุโสเผ่าคุนทั้งหมดต่างเงียบ
พวกเขาจ้องคุนซวีด้วยแววตาเร่าร้อน จ้องร่างเงาคุนเผิงข้างหลังคุนซวี
ทุกคนเป็นชนชั้นสูงของเผ่าคุน พวกเขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้เจ้าเผ่าคุนซวีไม่ได้มีศักยภาพแข็งแกร่งเช่นนี้เลย
ตอนนี้อำนาจคุกคามที่คุนซวีแผ่ออกมาแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยหนึ่งเท่า เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคุณูปการของวิชาคุนเผิงสมบูรณ์
เวลานี้ เสียงเรียกร้องให้รับผิดชอบหายไป
ถึงอย่างไรแม้ศิลาโบราณต้องห้ามจะสำคัญ แต่ตั้งแต่โบราณมาไม่มีใครตระหนักสิ่งใดได้ ได้แต่สร้างหุบเขาต้องห้ามเป็นสถานที่ช่วยฝึกบำเพ็ญ
เมื่อระดับพลังถึงผู้อริยะแล้ว หุบเขาต้องห้ามจะมีส่วนช่วยไม่มาก ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสสูงสุดพวกนั้นคงมาประจำการกันอยู่ที่นี่
แต่วิชาคุนเผิงต่างออกไป นั่นมีประโยชน์กับผู้อริยะเผ่าคุน เพิ่มศักยภาพของพวกเขาได้เป็นเท่าตัว
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาสุดยอดของขุมอำนาจใดก็ไม่มีทางถ่ายทอดให้ทุกคนได้
อย่างเช่นบทต้องห้ามของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ปกติจะมีเพียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่มีสิทธิ์ได้เรียน
ต่อให้วิชาคุนเผิงกลับสู่เผ่าคุนจริงๆ คนที่ได้เรียนวิชาคุนเผิงสมบูรณ์ก็มีเพียงคนส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคน
และการกำหนดคนก็ค่อนข้างลึกล้ำ
ใครมีสิทธิ์ฝึกฝน ใครไม่มีสิทธิ์ พื้นที่ควบคุมในนั้นกว้างมาก
แต่เป็นเจ้าเผ่าของเผ่าคุนตอนนี้ ราชาเทพคุนมีสิทธิ์มีเสียงค่อนข้างมีน้ำหนักเลย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากฝึกวิชาคุนเผิงสมบูรณ์สำเร็จ ศักยภาพของคุนซวีเพิ่มขึ้นอีกครั้ง คนที่กำราบเขาได้ในเผ่าคุนแทบจะไม่มี
เวลานี้จะกล่าวโทษคุนซวีเพราะศิลาโบราณต้องห้ามหายไปหรือไม่ก็ต้องใคร่ครวญให้ดี
เพราะอย่างไรศิลาโบราณต้องห้ามก็เป็นของทั้งเผ่าคุน ไม่ใช่แค่ของพวกเขา
……
บรรยากาศเข้าสู่ความนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ราชาเทพคุนส่งกระแสจิตไป “บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจเถอะ มีข้าอยู่ จะไม่มีใครข่มขู่เจ้าได้ ตอนนี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่ทะเลอุดรแล้ว ข้าแจ้งเขาแล้ว เดี๋ยวคงจะมารับเจ้า”
ไม่อยากเชื่อว่าจะแจ้งอาจารย์แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน