บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 343

บทที่ 343 ชาตระหนักรู้ เจ้าใช้โอ่งต้มรึ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับราชาเทพคุนยืนประชันหน้ากันกลางอากาศ

พลังไร้รูปตัดสลับระหว่างสองคน ทันใดนั้นมวลอากาศพังทลายลง เกิดเป็นรอยแยกสีดำหลายสาย

ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากมายกับชนรุ่นหลังเผ่าคุนจำนวนมาก ตอนนี้ต่างมองผู้อริยะสองคนด้วยดวงตาลุกวาว

พวกเขารู้ว่าสองคนนี้จะต้องกำลังใช้พลังจิตและกฎเกณฑ์ปะทะกันอย่างลับๆ แน่นอน ดังนั้นถึงได้แสดงลูกเล่นของตนต่อผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจอื่น

นี่ คือการประชันของพลังและศักยภาพ!

ตอนนี้ระยะหลายพันจั้งรอบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และราชาเทพคุนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หรืออาจพูดได้ว่าไม่มีใครเข้าใกล้ได้ เพราะพลังอำนาจในมวลอากาศรุนแรงเกินไป

ต่อให้เป็นพวกผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าคุนระดับฝ่าด่านเคราะห์พวกนั้น ภายใต้อำนาจคุกคามนี้ก็ยังแทบจะรับไม่ไหว

พวกเขามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วยความหวาดกลัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เจ้านั่นในตอนนั้น ตอนนี้แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว

ต้องรู้ว่าก่อนราชาเทพคุนจะฝึกวิชาคุนเผิงสมบูรณ์ ก็เป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดของเผ่าคุนแล้ว หากไม่เช่นนั้น ในเผ่าอสูรที่ยกย่องผู้แข็งแกร่งนี้ คงไม่มีทางดำรงตำแหน่งเจ้าเผ่าได้อย่างมั่นคง

กล่าวได้ว่านอกจากผู้อริยะคุนแก่ที่ใกล้จะสิ้นอายุขัยพวกนั้นแล้ว ราชาเทพคุนแทบจะไร้พ่ายในเผ่าคุนแล้ว

และหลังจากฝึกวิชาคุนเผิงสมบูรณ์ ศักยภาพของราชาเทพคุนก็ยกระดับไปอีกขั้น แทบจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่อาจกำราบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้

ไหนว่าตอนนั้นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับราชาเทพคุนสู้กันเจ็ดวันเจ็ดคืนยังยากจะตัดสินแพ้ชนะได้ไม่ใช่รึ

เหตุใดตอนนี้ราชาเทพคุนเพิ่มศักยภาพแล้ว ยังไม่อาจปราบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้อีก นี่มันน่าเหลือเชื่อ!

“เป็นเพราะเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์! เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หาบทต้องห้ามในคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์กลับมาได้ ทั้งยังเริ่มฝึกก่อนเจ้าเผ่า”

“มิน่า เดิมทีเมื่อหมื่นปีก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพาอยู่แล้ว เพียงแต่มรดกหายสาบสูญไปจำนวนมากถึงค่อยๆ ถดถอยลง”

“แม้วิชาคุนเผิงจะไร้พ่ายเป็นสากล แต่บทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว ก็ด้อยกว่าครึ่งส่วนเท่านั้น เสมอกันได้จริงๆ”

“ช่วยไม่ได้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสมอกับเจ้าเผ่าได้ เพียงเพราะเขาได้เปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์เร็วกว่า ขอแค่เจ้าเผ่าฝึกวิชาคุนเผิงต่อไปอีกหน่อย จะต้องเอาชนะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้แน่”

“แต่พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มีสิทธิ์ฝึกวิชาคุนเผิงเช่นกัน อีกทั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”

“พรวด เหมือนจะมีเหตุผล รังแกคุนแล้ว~”

……

พวกผู้อาวุโสเผ่าคุนที่เดิมทีพูดคุยกันคึกคักขึ้นฟ้าพลันหายใจไม่ออก

แก้ผ้าเอาหน้ารอดกันแล้ว

มีอะไรให้เปรียบเทียบได้กัน

ต่อให้ราชาเทพคุนเอาชนะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้วอย่างไร

อีกฝ่ายก็ยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บุตรแห่งโชคอย่างเสิ่นเทียนคอยช่วยอยู่!

ด้วยดวงชะตาและพรสวรรค์ของเจ้านี่ ขอแค่ให้เวลาเขาพันแปดร้อยปี เกรงว่าคงเป็นจักรพรรดิฮวงสืออีกคน

ถึงตอนนั้นจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบ

กอดต้นขาเป็นปลาเค็มหลังก้นจักรพรรดิเสิ่นไม่ดีกว่าหรือ

ขณะที่ทุกคนครุ่นคิด ในที่สุดการปะทะกันของพลังระหว่างเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และราชาเทพคุนก็ค่อยๆ สงบลง

สายฟ้าประกายเซียนรอบตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ เอ่ยเสียงเฉยชา “ในเมื่อเทียนเอ๋อร์ตกลงเป็นพันธมิตรมนุษย์กับเผ่าคุนแล้ว ข้าก็จะไม่คัดค้าน”

นัยน์ตาราชาเทพคุนขยับประกายปวดใจขึ้นมา แต่กลับยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นก็หวังว่าฝ่ายท่านและเผ่าข้าจะสร้างสัมพันธมิตรกันไปจวบจนชั่วนิรันดร์”

แม้ครั้งนี้จะเลือดออกไปไม่น้อย แต่ราชาเทพคุนก็มองว่าคุ้มค่า

ถึงอย่างไรตอนนี้โอรสสวรรค์ห้าดินแดนก็ปรากฏตัวขึ้น แดนลับและสมบัติสุดยอดที่ยากจะพานพบได้ในหลายร้อยปีพันปีปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ๆ

นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีอะไร ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ถ้าปรากฏยุคทองคำเช่นนี้ ปกติหมายความว่ามหากลียุคใกล้เข้ามา ต้องมีคนต้านหายนะ

ในยุคเช่นนี้ การผูกมิตรกับผู้สูงส่งหนุ่มที่มีคุณสมบัติไร้พ่าย เป็นสิ่งจำเป็นต่อการคงอยู่ต่อไปของเผ่าพันธุ์

คุนซวีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลึกๆ ส่วนลึกในแววตามีความปีติยินดี

ดีที่ตอนนั้นข้าสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และได้รู้จักกัน มีความสัมพันธ์ที่ใช้ได้ ไม่เช่นนั้นวันนี้เกรงว่าคงยากจะจบเรื่องได้!

พี่ใหญ่ของสองขุมอำนาจใหญ่เจรจากันลงตัวแล้ว

ผู้อาวุโส ศิษย์และชนรุ่นหลังของสองฝ่ายต่างคิดว่าฝ่ายตนไม่เสียเปรียบ จึงยืดอกขึ้นด้วยความห้าวหาญมีเสน่ห์กัน วางมาดอวดดีว่า ‘ภูมิหลังข้าไร้พ่าย’

โดยเฉพาะบนชั้นหนึ่งของเรือเหาะเทพสวรรค์ ศิษย์เทพสวรรค์พวกนั้นติดตรา ‘กลุ่มสวรรค์พิทักษ์’

หลายคนยังชูแผ่นคำขวัญ ‘จุดสูงสุดแห่งเซียนโอหังต่อโลก’ เหมือนกลัวว่าเสิ่นเทียนจะไม่เห็น

ตรงนี้ เสิ่นเทียนได้แต่มุมปากกระตุกนิดๆ เอามือตบหน้าผาก

ไม่ต้องบอกเลย จะต้องเป็นฝีมือของพวกซ่งและหลิวแน่

จริงๆ เลย…นี่อยู่ทะเลอุดรนะ!

อยู่เงียบๆ หน่อยไม่ได้รึ

มาอวดดีในถิ่นคนอื่นเขาเช่นนี้ ไม่กลัวถูกทุบตีรึ

แต่ก็เขียนคำขวัญนี้ได้ไม่เลวเลย

ฮิๆๆๆๆๆ~

…….

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลูบแขนเสื้อ บันไดเทพสีทองสว่างจ้าพลันยืดยาวจากใต้เท้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ลงไปข้างเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพุ่งผ่านบันไดเทพทองไปยังเรือเหาะเทพสวรรค์ ชุดผ้าแพรมังกรขาวโบกสะบัดตามสายลม ดูลอยล่องเหนือธรรมดาเป็นพิเศษ

ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ประชันกับราชาเทพคุนกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ เสิ่นเทียนก็ดึงดูดสายตาของทุกคนไป

เขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับใจกลางของโลก

ไม่อยากเชื่อว่าโลกนี้จะมีบุรุษรูปงามเช่นนี้ น่าเหลือเชื่อ!

จางอวิ๋นซีสวมเกราะแสงสว่างพยัคฆ์ขาว ยืนหน้าสุดของศิษย์เทพสวรรค์ด้วยความสง่าผ่าเผย มองเสิ่นเทียนด้วยดวงตาปานสายน้ำ

ศิษย์น้อง ไม่ได้พบกันนาน!

เสิ่นเทียนบินกลับมาเรือเหาะเทพสวรรค์แล้วก็คารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อน “ศิษย์เสิ่นเทียน ขอคารวะอาจารย์”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าอย่างเฉยชา อ่านอารมณ์ไม่ออก เพียงแต่สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเขากระเพื่อมชัดเจนขึ้น “ไปคุยกับพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้าเถอะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน