บทที่ 345 ซีโกรธตี๋ หลานยิ้มร่าทั่วแดนปรโลก
ตัดกลับมาที่ทะเลอุดร
เรือเหาะเทพสวรรค์ยักษ์ถูกหุ้มด้วยค่ายกลกันน้ำมุ่งหน้าไปในน้ำทะเลด้วยความเร็วสูงสุด
บนดาดฟ้าเรือเหาะ น้ำแร่วิญญาณในเหยือกชาขนาดใหญ่เท่าโอ่งน้ำกำลังเดือดปุดๆ ไม่หยุด ไอความร้อนโชยเข้ามาทำให้ศิษย์โดยรอบอดกลืนน้ำลายมิได้
พูดได้ว่าเพียงแค่น้ำแร่วิญญาณพวกนี้ก็แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่เอ่อล้นอย่างยิ่ง มีความเย้ายวนสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนธรรมดา
จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบชาตระหนักรู้ในมือเสิ่นเทียน นั่นคือสมบัติล้ำค่าที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้!
บนชั้นสองเรือเหาะเทพสวรรค์ เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นเดิมทียังคงวางมาดเย็นชาและสูงส่ง
กับอีแค่น้ำแร่วิญญาณ ยังไม่มากพอจะทำให้พวกเขาสนใจหรอก
แต่ตอนนี้ ผู้อาวุโสทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไป มุมปากกระตุกด้วยความปวดใจ
นั่นคือใบชาตระหนักรู้ ถือว่าเป็นสมบัติสุดยอดสูงสุดที่ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ดื่มหนึ่งแก้วก็จะได้ประโยชน์มากมาย
เจ้าจะใช้โอ่งน้ำต้มก็ช่างเถอะ แต่ยังให้เด็กน้อยแก่นพลังทองกระทั่งระดับสร้างฐานพวกนี้ดื่มรึ พวกเขาดื่มไปจะตระหนักอะไรได้!
ประสิทธิผลที่มากที่สุดของชาตระหนักรู้คือยกระดับการตระหนักรู้ของผู้ฝึกบำเพ็ญ และหลังจากฝึกถึงระดับดวงจิตดรุณและหลอมรวมเทพแล้ว ก็จะยิ่งต้องการกฎเกณฑ์ตระหนักรู้สูงขึ้นเรื่อยๆ
หากให้ใบชาตระหนักรู้พวกนี้กับพวกผู้อาวุโสใช้ พวกเขาจะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ทะลวงถึงระดับที่สูงกว่า
ส่วนศิษย์พวกนั้นสามารถใช้ยาลูกกลอนธรรมดาอื่นๆ มาช่วย ก็ได้ประสิทธิผลเหมือนกัน
ให้พวกเขาดื่มชาตระหนักรู้ นี่บุตรศักดิ์สิทธิ์จะฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วกระมัง!
หากศิษย์ตนสิ้นเปลืองเช่นนี้ ผู้อาวุโสพวกนั้นคงจะตบหลังศีรษะไปที สั่งสอนเขา
แต่คนที่ทำเช่นนี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ผู้อาวุโสพวกนี้จึงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงอย่างไรอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ยังอยู่ที่นี่!
อีกทั้งดูจากทัศนคติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปรามเสิ่นเทียน เพียงแค่สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายสั่นไหวเบาๆ อ่านอารมณ์ไม่ออก
ไม่รู้ท่าทีของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชัดเจน เหล่าผู้อาวุโสจึงค่อนข้างว้าวุ่นกันใหญ่
ได้แต่มองเสิ่นเทียนแบ่งชาให้พวกลูกศิษย์ พวกเขาปวดใจจนตับสั่น
แต่จะให้ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาลงไปแย่งชาพวกลูกศิษย์ดื่ม ก็วางเกียรติไม่ลงอีก
เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนที่จะชื่อบัวมรกต
ตอนนี้ในใจผู้อาวุโสเทพสวรรค์ทุกคนจึงกำลังรำพันว่าให้มีใครสักคนนำ ขอแค่มีคนลงไปขอแบ่งชาตระหนักรู้ดื่มก่อน พวกเขาก็จะตามไปได้
แบบนี้ทั้งไม่เสียหน้าและยังได้ผลประโยชน์จริงๆ มาถึงมือ กำไรเลือดสาด!
น่าเสียดายก็แต่ผู้อาวุโสทุกคนบนชั้นสองต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครอยากเป็นนกที่โผล่หัวออกไปคนแรก
ถึงอย่างไรศิษย์ของพวกเขาก็อยู่ข้างล่างกันหมด ถ้าเห็นอาจารย์ตนลงมาแย่งชาดื่มเป็นคนแรก เช่นนั้นคงน่าขายหน้าเกินไป
คนที่หนังหน้าบางหน่อยถึงขั้นสิ้นชีพทางสังคมไปเลย!
…..
ในที่สุดเสิ่นเทียนก็โยนใบชาพวกนั้นใส่ในเหยือกชา ใบชาตระหนักรู้สีม่วงห้าใบ ทุกส่วนมีแสงแห่งกฎเกณฑ์วนเวียน แช่ลงไปในน้ำแร่วิญญาณเดือดพล่านนั้น
ภายใต้การต้มด้วยน้ำแร่วิญญาณ ไม่นานชาตระหนักรู้ก็ส่งกลิ่นหอมเข้มข้น กระทั่งในชายังมีปรากฏการณ์ลอยขึ้นมา
ผีซิว เถาอู้ งูเหิน สายฟ้า…
ปรากฏการณ์สว่างจ้าปกคลุมไปมากกว่าครึ่งเรือเหาะเทพสวรรค์ กลิ่นหอมชาเย้ายวนก็ลอยโชยไปทั้งเรือเหาะเช่นกัน
เหล่าผู้อาวุโสบนชั้นสองของเรือเหาะ ตอนนี้ต่างน้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว
ชาตระหนักรู้โอ่งใหญ่นี้ เหลือไว้ให้ข้าสักอึกเถอะ!
ไม่เช่นนั้น วันนี้วันนี้ได้วางหนังหน้าแก่ลงแน่
ตอนนี้เองเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
พบว่าจู่ๆ ก็มีนักพรตชราเป็นคนแก่สุขภาพดีคนหนึ่งกระโดดลงจากชั้นสามของเรือเหาะ
ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเจิดจรัสและอบอุ่น จ้องเหยือกชานั้นเขม็ง “ศิษย์หลาน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าชาตระหนักรู้ของเจ้าถึงเปรี้ยวจัง”
เสิ่นเทียนชะงักไปเล็กน้อย “เปรี้ยวรึ”
ตลกอะไร ต่อให้ใบชาพวกนี้ยังไม่สุกงอม ก็ยังเป็นสมบัติสุดยอดนะ!
เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อาจารย์ลุงพูดเล่นแล้ว ชาตระหนักรู้นี่จะเปรี้ยวได้อย่างไร!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ต้องเปรี้ยวแน่ ข้าดมกลิ่นออก หมดอายุหรือไม่ ไม่ได้การ ถ้าชาตระหนักรู้มีปัญหา ดื่มแล้วอาจจะธาตุไฟเข้าแทรกได้ จะเสี่ยงไม่ได้”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดพลางเดินมาหน้าเหยือกชายักษ์นั่น ก่อนจะนำชามยักษ์ขนาดเท่าศีรษะคนออกมาจากแหวนเก็บของ “ให้ข้าลองชิมก่อน ถ้าหมดอายุก็ให้ข้าธาตุไฟเข้าแทรกแล้วกัน! พวกเจ้าคือความหวังในอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์ จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้”
พูดจบแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ใช้ชามยักษ์ตักชาตระหนักรู้ยกกรอกใส่ปาก
อึกๆๆๆๆ~
“รสชาติไม่มีปัญหา แต่พลังแห่งกฎเกณฑ์เหมือนจะขาดหาย รู้สึกแปลกๆ ต้องลองอีกชามถึงจะรู้รส”
อึกๆๆๆๆ~
เสิ่นเทียน ศิษย์ทุกคนรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสต่างพูดไม่ออก
ระยำ!
ไร้ยางอาย ไร้ยางอายเกินไปแล้ว ไม่เอาบัวมรกต!
เหล่าผู้อาวุโสบนชั้นสองต่างเผยรอยยิ้มดูถูก เจ้านี่จะหน้าด้านเกินไปแล้ว
ไม่อยากเชื่อว่าจะคิดข้ออ้างเลวทรามเช่นนี้ได้ ไปแย่งชาพวกลูกศิษย์กินถึงในกลุ่มศิษย์ ไม่มีแบบอย่างของผู้อาวุโสสักนิด!
ผู้อาวุโสทุกคนทำเสียงขึ้นจมูกดังไม่ขาดสาย แต่ละคนกระโดดลงมาบนดาดฟ้าเรือ หมายจะห้ามไม่ให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกระทำเรื่องน่าอับอายของผู้อาวุโส
“ศิษย์พี่บัวมรกตท่านไม่เข้าใจวิถีแห่งการชงชา จะรู้ได้อย่างไรว่าชาตระหนักรู้นี่ดีหรือไม่ดี สิ้นเปลืองชาตระหนักรู้ล้ำค่านี่เปล่าๆ ให้ข้าเสี่ยงตรงนี้เองเถอะ!”
“ท่านคู่ควรรึ ในผู้อาวุโส นอกจากศิษย์หลานบัวขาวแล้ว ก็ข้านี่แหละที่มีศาสตร์การชงชาแกร่งที่สุด อึกเดียวก็รู้ว่าชาตระหนักรู้นี่มีคุณภาพดีหรือไม่ดี”
“อาจารย์ลุงท่านอายุปูนนี้แล้ว กระดูกไม่ค่อยดี เกิดดื่มแล้วเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ให้ข้าเองเถอะ!”
……
เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสที่ล้อมรอบเหยือกชาและแย่งกันเป็นก้อนกลมแล้ว ศิษย์เทพสวรรค์บนดาดฟ้าเรือต่างมองหน้ากัน
แค่กๆ จะว่าไปอาจารย์ลงมาเพื่อชิมชาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่จริงๆ รึ
เราก็ไม่รู้ และก็ไม่กล้าถามด้วย!
แต่มั่นใจได้แน่นอนว่านับจากวันนี้ไปผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะยืดหลังตรงขึ้นได้อีกนิดหน่อยในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แน่นอน
เพราะตอนนี้ทุกคนคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต!
“หลบไปให้หมด! มีระเบียบกันบ้างหรือไม่”
ตอนนี้เอง เสียงเฉยชาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ดังมาจากบนสุดของเรือเหาะเทพสวรรค์ “ชาตระหนักรู้นี่ไม่มีปัญหา ทุกคนไม่ต้องตื่นตูม”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยังคงดื่มชาตระหนักรู้ดังอึกๆๆ “ศิษย์น้องเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชาตระหนักรู้นี่ไม่มีปัญหา พวกเราต้องรับรองความปลอดภัยให้ลูกศิษย์”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวอย่างรุนแรง สายฟ้าสีทองกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่งหิ้วตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลับมาบนชั้นสาม
“เทียนเอ๋อร์ได้ใบชาตระหนักรู้ในเขตทะเลเบิกฟ้ามาไม่น้อย ได้รายงานกับข้าอย่างละเอียดก่อนแล้ว”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นำใบชาตระหนักรู้สีเงินอ่อนออกมาใบหนึ่ง “เขาเคยบอกกับข้าว่าจะใช้ใบชาตระหนักรู้ที่ดีที่สุดต้อนรับเหล่าผู้อาวุโส ข้าจะต้มชาอยู่บนชั้นสาม หากทุกท่านไม่อยากพลาดก็ขึ้นมาเถอะ”
ขณะพูดอยู่นั้น สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ
นั่น คือใบชาตระหนักรู้สีเงิน!
ตอนที่เห็นใบชาในมือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชัดเจน ผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนถึงกับตะลึงงัน
บ้าจริง!
ห้าดินแดนนี้ มีใบชาตระหนักรู้ระดับนี้อยู่จริงๆ รึ
ไม่อยากเชื่อว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะพบสมบัติสุดยอดสูงสุดเช่นนี้ในเขตทะเลเบิกฟ้า ทั้งยังมอบให้แดนศักดิ์สิทธิ์อีก
นี่มันบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพเซียนอะไรกัน เราได้บุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มา ภายภาคหน้ายังต้องกังวลว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง จะพิชิตดินแดนบูรพาห้าดินแดนไม่ได้อีกหรือ
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนต่อไปก็คือเขาแล้ว!
ใครกล้าคัดค้านไม่ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะควงปากใหญ่ด่ามัน!
ฟุบ~
ฟุบๆๆ~
ฟุบๆๆๆ~
ประกายเซียนขยับวูบไหว ผู้อาวุโสทุกคนบินกลับไปชั้นบน วางมาด ‘ผู้สูงส่งบรรลุธรรม’ อีกครั้ง
“เมื่อครู่ข้าได้ดื่มไปถ้วยเล็ก ชาตระหนักรู้โอ่งนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ถึงจะไม่มีประโยชน์กับพวกข้ามากนัก แต่มีประโยชน์ในการเพิ่มระดับพลังของพวกเจ้าอย่างมาก”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ใจกว้างมอบชาให้ พวกเจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ตระหนักกฎเกณฑ์ อาศัยชาตระหนักรู้ขึ้นไปในระดับที่สูงกว่า อย่าให้ผิดต่อความมุ่งมั่นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด”
“วันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้คือเหตุ ภายภาคหน้าหากพวกเจ้ามีโอกาสจะต้องสนับสนุนบุตรศักดิ์สิทธิ์ รักษาความน่าเกรงขามของเทพสวรรค์เราไว้ เรื่องนี้พวกเจ้าต้องจำให้ขึ้นใจ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม ยังบ่นไม่เสร็จอีกรึ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้มชาแล้ว ถ้ายังไม่เข้ามาอีกจะโดนเจ้าบัวมรกตแย่งไปหมดแล้วนะ!”
“ระยำ รอข้าด้วย!”
“เหลือให้ข้าถ้วยหนึ่ง ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้กุมอัสนีผ่าเจ้าให้ตาย!”
……..
ฟุบ~!
ผู้อาวุโสทั้งหมดบนดาดฟ้าเรือชั้นสองหายวับไปในทันที
ชาตระหนักรู้ลงท้องไปถ้วยหนึ่ง ฉินอวิ๋นตี๋ก็เปล่งแสงสีม่วงทั้งตัว
โดยเฉพาะศีรษะ เส้นผมทองเหมือนเป็นสีม่วง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสติปัญญา
เขาเหมือนนึกอะไรได้จึงมองเสิ่นเทียนด้วยความเลื่อมใส “เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว คอขวดของทักษะนั่น!
ศิษย์พี่ชาตระหนักรู้ของท่านสุดยอดมาก ข้าครุ่นคิดอย่างหนักมาหลายเดือนก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย แต่ชาถ้วยเดียวกลับทำให้เข้าใจได้
วิเศษ วิเศษมาก! ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าในความคิดมีแรงบันดาลใจกำลังชนกันอยู่ทุกที่! ไม่ได้ จะสิ้นเปลืองไม่ได้ ข้าต้องกลับไปปิดด่านบำเพ็ญต่อ!”
ตึงๆๆๆ~
หุ่นเหล็กยักษ์ลุกขึ้นอีกครั้ง ฉินอวิ๋นตี๋วิ่งฮืดฮาดไปในห้องลับปิดด่านบำเพ็ญต่อ “ศิษย์พี่ ช่วงค่ำๆ หน่อย ข้าจะมาหาท่านอีก!”
เสิ่นเทียนมองแผ่นหลังที่รีบร้อนจากไปของฉินอวิ๋นตี๋ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา “ไม่อยากเชื่อว่าเจ้านี่จะสร้างหุ่นเหล็กได้จริงๆ!”
ในใจเด็กชายทุกคนล้วนมีความฝันหุ่นเหล็กอันโรแมนติกและความฝันฝึกบำเพ็ญเซียนได้ขี่กระบี่เซียน
เสิ่นเทียนอยากรู้จริงๆ ว่าหากสนับสนุนเจ้านี่เต็มที่แล้ว เขาจะเดินบนเส้นทางนี้ไปได้ถึงระดับใด
อืม เดี๋ยวต้องแบ่งชาตระหนักรู้ให้ฉินอวิ๋นตี๋สักหน่อย
ถึงอย่างไรก็เป็นทีมวิจัย ใช้งานสมองมากที่สุด
ต้องดื่มชาบำรุงหน่อย!
……
ชาตระหนักรู้ในเหยือกชายังคงต้มอยู่ ตอนนี้น้ำแร่วิญญาณเดือดพล่านนั้นดูดซับฤทธิ์ยาของใบชามากพอแล้ว
เสิ่นเทียนกำชับให้พวกเถ้าแก่ซ่งและหลิวไท่อี่ แบ่งชาตระหนักรู้กับศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนคนละหนึ่งถ้วย ให้พวกเขาดื่ม
ทันใดนั้น ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนก็เปล่งแสงสว่างพร่างพราว คอขวดที่ไม่เข้าใจในการฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้ทะลวงไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์แทบทุกคนยกระดับความเข้าใจในวิชาและศาสตร์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว กระทั่งมีหลายคนทะลวงพลังเพราะเหตุนี้
เปรี๊ยะ~
ประกายสายฟ้าหลากสีสันสว่างจ้า!
ศิษย์แกนหลักเทพสวรรค์คนหนึ่งมีแก่นพลังทองสว่างวาววับลอยขึ้นมาเหนือศีรษะ หมุนวนช้าๆ กลิ่นอายพลังเพิ่มขึ้นตามอย่างมาก!
ทะลวงพลังแล้ว!
ตอนนี้เขากระบอกตาร้อนผ่าว โค้งตัวให้เสิ่นเทียน “ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว!
ตอนนี้ผู้โชคดีที่ทะลวงพลังพร้อมกับศิษย์คนนี้มีไม่น้อย พวกเขาถูกขังอยู่ในคอขวดไม่ก็ความคิดยึดมั่น ไม่ทะลวงพลังมานานมาก
ตอนนี้ชาตระหนักรู้ถ้วยหนึ่งลงท้อง จิตใจใสสะอาดถึงขั้นทะลวงระดับพลัง กระทั่งคนที่ทะลวงต่อเนื่องก็ใช่ว่าจะไม่มี
เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียน การขวางคนบรรลุมรรคเหมือนสังหารบุพการี และการช่วยคนบรรลุมรรคไม่ด้อยไปกว่าบุญคุณสร้างชีวิตใหม่
ตอนนี้ศิษย์เทพสวรรค์ที่ได้รับผลประโยชน์ทุกคนต่างขอบคุณจากใจจริง
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”
……
เสียงขอบคุณดังขึ้นเป็นปึกแผ่น มีความจริงใจชัดเจน
เรือเหาะเทพสวรรค์ทะลวงมวลอากาศ กลิ่นหอมชาตระหนักรู้เข้มข้นคงอยู่นานไม่จางหาย
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันอบอุ่นยิ่งแล้ว แม้แต่กุ้ยกงกงยังอดเผยรอยยิ้มปลื้มใจมิได้
นึกถึงเมื่อปีก่อน องค์ชายยังเป็นเพียงองค์ชายสิบสามที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดในอาณาจักรต้าเหยียนอยู่เลย ถูกทุกคนมองว่าเป็นดาวร้ายอัปมงคล
ตอนนี้ผ่านไปเพียงหนึ่งปีสั้นๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป องค์ชายไม่ใช่แค่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานเลื่องลือไปในทั้งห้าดินแดน
และยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมาย ธิดาสวรรค์จากเผ่าเทพต่างๆ โอบล้อมอยู่ข้างกายองค์ชาย ทุกคนคือเซียนหญิงเลิศล้ำที่สุดแห่งยุค
ได้เห็นภาพนี้กับตา ต่อให้ตายไปตอนนี้ บ่าวก็ไม่เสียใจ
เสิ่นเทียนยิ้มพลางเดินมาทางกุ้ยกงกง “ลุงกุ้ย นี่ชาของท่าน”
กุ้ยกงกงรับชาที่เสิ่นเทียนยื่นให้มาแล้ว กระบอกตาก็แดงขึ้นมานิดๆ เขามองทอดไกลไปทางตะวันออก นั่นคือทิศทางของอาณาจักรต้าเหยียน
“ในที่สุดองค์ชายก็เติบใหญ่ วันทุกข์ผ่านไปวันสุขก็เข้ามา มีสวรรค์คอยปกปัก และยังมีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่สนับสนุนองค์ชายอย่างจริงใจมากมายเช่นนี้
พระสนมหลาน หากท่านมีดวงจิตอยู่บนฟ้า จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน