บทที่ 359 จิตใจบรรลุนิพพาน
เมื่อเติมใบชาตระหนักรู้สีม่วงสามใบลงไปในเหยือก ก็นำน้ำแร่วิญญาณจำนวนมากใส่ลงไปให้จมใบชาตระหนักรู้สี่ใบ
แสงสีเงินและแสงสีม่วงส่องสะท้อนกัน กลิ่นหอมใบชาเข้มข้นอบอวลไปทั้งทะเลสาบ ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายน้ำลายจะไหล
บัดซบ นั่นมันใบชาตระหนักรู้ ไม่ใช่ผักกาดขาวนะ!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีใบชาตระหนักรู้เท่าไรกันแน่ ไม่อยากเชื่อว่าจะล้างผลาญเช่นนี้ได้
มูลค่าของใบชาตระหนักรู้สีม่วงพวกนั้นต่อให้ไม่เท่าใบชาตระหนักรู้สีเงิน แต่ก็เป็นสมบัติสุดยอดเช่นกัน
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สิ้นเปลืองได้ง่ายๆ เช่นนี้ หรือว่าไม่ปวดใจกัน หรือว่าเขาจะเตรียมขายน้ำชาตระหนักรู้ต่อ ในแววตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้สูงศักดิ์บางคน ตอนนี้เผยประกายแห่งความหวัง
สารภาพตามตรง ถ้าจะให้ใช้อาวุธอริยะแลกกับชาตระหนักรู้ พวกเขาก็แลกไม่ได้จริงๆ
แต่ศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรควางอยู่ตรงหน้า หากมีโอกาสใช้อาวุธวิญญาณแลกกับชาตระหนักรู้สีม่วงฉบับลดทอนประสิทธิภาพลงมาสักถ้วย พวกเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นั่นคือคัมภีร์จักรพรรดิเชียว!
มิหนำซ้ำสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ฤทธิ์ยาของชาตระหนักรู้สีม่วงก็เพียงพอแล้ว ให้ชาตระหนักรู้สีเงินกับเขาเป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ
รากฐานพรสวรรค์ไม่พอ ต่อให้เป็นชาตระหนักรู้ที่มีสรรพคุณดีกว่านี้ก็ได้แต่สิ้นเปลือง สู้ใช้ของฉบับลดทอนประสิทธิภาพลงมาดีกว่า
“องค์ชายบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขายชาตระหนักรู้พวกนี้สักหน่อยได้หรือไม่ ข้าคือผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ยุทธ์แท้ ฝ่ายข้าสนิทสนมกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาตลอด ขอใช้อาวุธวิญญาณระดับสูงแลกกับชาตระหนักรู้สักถ้วยได้หรือไม่”
“อาวุธวิญญาณระดับสูงมีอะไรให้น่าอวดดีกัน ข้าคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ชื่อเสวียน ยินดีแลกอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดกับชาตระหนักรู้ถ้วยหนึ่ง หวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะสนับสนุนอย่างเต็มที่”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ท่านขาดสัญญาสัตว์ขี่หรือไม่ ขอแค่ท่านมอบชาตระหนักรู้ให้ข้าหนึ่งถ้วย ข้ายินดีจะลงนามกับท่าน จงรักภักดีกับท่านร้อยปี ไม่มีสำนึกเสียใจเด็ดขาด!”
“ถุย อสูรเม่นทะเลอย่างเจ้ามีแต่หนามทั้งตัว น่าเกลียดและยังแข็งอีก คิดจะเป็นสัตว์ขี่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลือกข้าน้อยเถอะ! เผ่าอสูรหอยพวกเรานุ่มที่สุด ขี่แล้วสบายกว่าเม่นทะเลเยอะ!”
……
เวลานี้ สายตาร้อนแรงมากมายมองมาที่เสิ่นเทียน
โดยเฉพาะอสูรหญิงบางตน เป้าหมายในดวงตานั้นไม่ใช่แค่ชาตระหนักรู้
เสิ่นเทียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว จึงพูดด้วยความจนปัญญา “ทุกท่านอย่าทำให้แซ่เสิ่นลำบากใจเลย แซ่เสิ่นมีชาตระหนักรู้จำกัดจริงๆ
ตอนนี้ศิษย์ในฝ่ายข้ายังไม่ได้แบ่งชาตระหนักรู้เลย แซ่เสิ่นทำเรื่องขายชาตระหนักรู้ให้คนนอกไม่ได้จริงๆ หวังว่าผู้อาวุโสทุกท่านจะให้อภัย”
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็มองกุ้ยกงกง “ลุงกุ้ย ทำรายนามของศิษย์ที่อยู่บนเกาะมหานทีตอนนี้ที ศิษย์ที่ฝึกฝนวิชาอัสนีธาตุไฟให้มารับชาตระหนักรู้ก่อน ศิษย์คนอื่นให้รองลงไป”
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้เกิดเสียงดังเกรียวกราว!
อะไรนะ!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เขา คิดจะแบ่งชาตระหนักรู้พวกนี้ให้ศิษย์เทพสวรรค์ธรรมดาพวกนั้นจริงๆ หรือ!
ต้องรู้ว่านั่นคือชาตระหนักรู้ที่เย้ายวนที่สุดต่อผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ในสถานการณ์พิเศษอย่างตอนนี้ ทุกถ้วยมีมูลค่าเท่ากับอาวุธวิญญาณหนึ่งชิ้น
หากต้มหลายๆ ถ้วย แค่ใบชาตระหนักรู้สี่ใบนี้ก็อาจจะแลกอาวุธวิญญาณได้หลายร้อยชิ้นเลย!
ความมั่งคั่งเช่นนี้ หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่สนใจเลยสักนิดหรือ
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรักแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนลึกซึ้งอะไรเช่นนั้น
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรค ปรากฏการณ์ดวงตะวันที่สี่ลอยขึ้นมาข้างหลังช้าๆ ตอนนี้สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่วนเหล่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้สูงศักดิ์ ตอนนี้ร้อนใจแล้ว!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ บุตรศักดิ์สิทธิ์ท่านตรึกตรองดูอีกทีเถอะ!”
“คัมภีร์จักรพรรดิสุริยันซับซ้อนเข้าใจยาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมกับการฝึกฝน!”
“ข้ายินดีแลกอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดกับชาตระหนักรู้หนึ่งถ้วย บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ท่านเห็นแก่มิตรภาพระหว่างสองฝ่ายเรา แลกให้ข้าสักถ้วยเถอะ!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ บางทีพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องท่านอาจจะต้องการอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดมากกว่าชาตระหนักรู้ถ้วยนี้อีกก็ได้นะ!”
…..
ผู้อริยะทุกคนยังคงตระหนักมรรคอย่างสงบนิ่งหน้าศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรค
สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องส่วนได้ส่วนเสียของชนรุ่นหลังในสำนักเป็นเพียงเรื่องเล็ก ความก้าวหน้าในวิถีมรรคของตนต่างหากเรื่องใหญ่
ขณะตั้งใจตระหนักมรรคอยู่นั้น พวกเขาจะไม่รับผลจากความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ จากโลกภายนอก มีเพียงเขตแดนอริยะประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ยังคงกระเพื่อมเบาๆ
เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของผู้สูงศักดิ์ทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนก็ยิ้ม “ผู้อาวุโสทุกท่านใจเย็นก่อน แซ่เสิ่นเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล อยู่หน้าแผ่นศิลาจักรพรรดินี้ แซ่เสิ่นไม่มีทางปล่อยให้พวกศิษย์น้องไม่ได้รับชาและขายชาตระหนักรู้ให้ทุกท่านเด็ดขาด ไม่ว่าจะในด้านน้ำใจหรือเหตุผลก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น
แต่แซ่เสิ่นจะมอบชาตระหนักรู้ให้พวกศิษย์น้องก่อน พวกศิษย์น้องจะจัดการอย่างไร จะดื่มชาตระหนักรู้หรือแลกกับทุกท่าน ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขา ถ้าจะมาโน้มน้าวแซ่เสิ่น สู้ไปเจรจากับศิษย์ฝ่ายข้าจะดีกว่า!”
เสิ่นเทียนมองศิษย์เทพสวรรค์ที่รับชาตระหนักรู้จากมือกุ้ยกงกงทีละคนแล้ววงรัศมีเหนือศีรษะเพิ่มขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ชาตระหนักรู้คือโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนเห็นมาจากในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียน ดังนั้นคนที่เสิ่นเทียนมอบชาให้จึงได้เพิ่มดวงชะตา อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
ทางด้านเสิ่นเทียนหลังจากมอบชาตระหนักรู้แล้ว อีกฝ่ายจะดื่มเองหรือให้คนอื่นก็ไม่มีผลอะไร
แต่หากเปลี่ยนมือและขายให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนอื่น ไม่ได้ให้ผ่านมือเสิ่นเทียนโดยตรงละก็ ดวงชะตาของอีกฝ่ายก็จะไม่เปลี่ยนไป
เทียบกับผู้สูงศักดิ์ที่ภายภาคหน้าไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือไม่พวกนั้นแล้ว เสิ่นเทียนคิดว่าเพิ่มดวงชะตาให้เหล่าศิษย์กุยช่ายคุ้มค่ากว่าเล็กน้อย
ถึงอย่างไรอย่างแรกก็เก็บเกี่ยวยากกว่า
แน่นอน ภายใต้สถานการณ์ระดับความสูงต่างกัน มุมมองของปัญหาก็ย่อมต่างกัน
คนอื่นไม่อาจอ่านความตั้งใจอันแรงกล้าของเสิ่นเทียนได้เลย รู้สึกแค่ว่าเสิ่นเทียนสูงส่งยากจะคาดเดา
สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แม้แต่อาวุธวิญญาณระดับสูงสุดยังไม่อยู่ในสายตา ยอมมอบชาตระหนักรู้ให้ศิษย์น้อง ขี้คร้านจะใช้แลกกับอาวุธวิญญาณ
นี่คือความบ้าอำนาจระดับใดกัน มีน้ำใจต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงใดกัน!
เหล่าศิษย์ที่เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พวกนั้นช่างโชคดีจริงๆ เลย!
แค่สนับสนุนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติก็จะได้ผลประโยชน์ไปเปล่าๆ นั่นคือโชควาสนาที่ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนมากมายไม่กล้าคิดฝันไปทั้งชีวิต!
เปรี้ยวแล้วๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน