บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 367

บทที่ 367 ไม่เคยเห็นเต่าเร็วเช่นนี้มาก่อนเลย

เตรียมจักรพรรดิแสงทอง ได้เต่าเผือกนี่อบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่รึ

ต้องบอกว่าคำพูดของเต่าเผือกนี่แทบจะทำให้โอรสสวรรค์ทุกคนมึนงง

ต้องรู้ว่าห้าดินแดนไม่เคยปรากฏมหาจักรพรรดิมาหมื่นปีแล้ว ต่อให้เป็นเตรียมจักรพรรดิก็ยังใช้มือนับนิ้วได้

และเตรียมจักรพรรดิแสงทองยังเป็นผู้โดดเด่นในเตรียมจักรพรรดิ กระทั่งถูกคิดว่ามีหวังจะได้พิสูจน์มรรคเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงได้

ในยุคโบราณเมื่อหมื่นปีก่อน ในเคราะห์ภัยห้าดินแดนนั้น เตรียมจักรพรรดิแสงทองเรียนวิชามากมายในคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ไว้กับตัว สร้างเป็นสุดยอดวิชา ‘ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต’ ขึ้น ท่องห้าดินแดนเพียงลำพัง

ประสานกับ ‘กายเทพอัสนีกำเนิดฟ้าปัญจธาตุ’ กับ ‘กระบี่แห่งเทพอัสนี’ ของเขา จะทำให้กลายเป็นประกายแสงสีทองวูบหนึ่ง ศัตรูก็ถูกตัดศีรษะแล้ว

กระทั่งแม้แต่วิญญาณร้ายต่างแดนพวกนั้น เมื่อได้ยินนามของเตรียมจักรพรรดิแสงทองแล้ว ยังขวัญหนีดีฝ่อไม่กล้าสู้

ยุคนั้นเมื่อหมื่นปีก่อน เขาได้รับขนานนามว่า ‘บุรุษที่เร็วที่สุด’

บุคคลเช่นนี้ ผู้คนมากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่างเลื่อมใสและศรัทธา แต่เจ้าเต่าเผือกนี่กลับกล้าพูดดูหมิ่นรึ

ฟางฉางกับจางอวิ๋นซีเผยแววตาไม่พอใจ ทวนมังกรและกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมือกำลังสั่งสมพลัง เหมือนพร้อมจะจู่โจมสายฟ้าได้ทุกเมื่อ

จางอวิ๋นถิงมองเต่าเผือกอย่างเฉยชาเช่นกัน เหมือนกำลังคิดวางแผนอะไรบางอย่าง แต่ก็ดูไม่พอใจมากเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เติบโตมาในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีความผูกพัน

จู่ๆ มีเต่าตัวหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าเจ้า บอกเจ้าว่าบรรพจารย์ของเจ้าได้เขาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ทั้งยังอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เยาว์วัย เจ้าจะคิดอย่างไร

ถ้าไม่ใช่เพราะเต่านี่มีระดับพลังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา อย่างน้อยถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ละก็ พวกเขาคงลงมือไปนานแล้ว

เสิ่นเทียนมองไป๋ตี้พลางพูดเรียบนิ่ง “เจ้าบอกว่าเจ้าเลี้ยงดูบรรพจารย์แสงทองมาจนเติบใหญ่รึ”

ไป๋ตี้พยักหน้าอย่างลำพองใจ “ใช่แล้ว! ตอนแรกข้าเพิ่งนิพพานมาครั้งหนึ่ง โดนเจ้าเด็กนี่อุ้มกลับไปเลี้ยงไว้ในบ้าน เห็นเจ้าเด็กนี่รู้เรื่องรู้ราว ตอนนั้นข้าเลยมีเมตตาสอนวิชาลมปราณของเผ่าเต่าให้เขาหลายท่า ไม่นึกเลยว่าพรสวรรค์และการตระหนักรู้ของเจ้าเด็กนี่จะใช้ได้เลยจริงๆ

ในครึ่งปีสั้นๆ ก็รวมแก่นพลังสำเร็จ อีกทั้งรากฐานยังมั่นคงยิ่ง พอจะมีคุณสมบัติเป็นลูกน้องของข้า ดังนั้นข้าเลยฝืนใจลงนามทำสัญญากับเขา!”

ฟางฉางอึ้งไป “รอเดี๋ยว จะ…เจ้าคือสัตว์ขี่เต่าอสุนีบาตสุญญะนั้นของบรรพจารย์แสงทองรึ”

ในคัมภีร์โบราณของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีบันทึกไว้ชัดเจนถึงตำนานของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น ในนั้นมีชีวประวัติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองกำเนิดในหมู่บ้านติดทะเลแห่งหนึ่งในดินแดนบูรพา ฐานะครอบครัวยังเทียบกับเสิ่นเทียนไม่ได้ แต่กลับมีพรสวรรค์การบำเพ็ญเซียนที่เหนือชั้นอย่างยิ่ง

ตอนอายุสิบห้าปีเขาเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ใช้ท่วงท่าอันไร้พ่ายกวาดล้างโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันของดินแดนบูรพา จนกระทั่งระดับฝ่าด่านเคราะห์ก็ไม่เจอคอขวดใดๆ เลย

หลังรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เขายังฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ ควบแน่นกายเทพอัสนีปัญจธาตุ กระทั่งสร้างย่างก้าวเทพอสุนีบาตขึ้นมาเอง

ชีวิตเขาเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์ เหมือนกับเทพนิยาย

แต่ว่า เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองกลับมีมลทินเล็กๆ ในชีวิตดั่งเทพนิยาย

นั่นคือสัตว์เทพลงนามของเขา ‘เต่าอสุนีบาตสุญญะ’ สัตว์เทพสายพันธุ์แปลกเผ่าเต่านั่นเรียกตัวเองว่า ‘ไป๋ตี้’

เจ้านี่อาศัยพรสวรรค์สายเลือดพิเศษซ่อนตัวและเดินทางในมิติได้ อีกทั้งยังมีความเร็วเป็นหนึ่งในระดับพลังเดียวกัน ไปหลอกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ มาไม่น้อย

ล่วงเกินเหล่าผู้อริยะมาหลายครั้ง แม้แต่เซียนแท้จริงโลกเบื้องบนยังอยากจะตุ๋นมันเป็นน้ำแกงดื่ม ดีที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองปกป้องไว้ถึงรอดมาได้

ต่อมาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองถูกผู้แข็งแกร่งของลัทธิวิญญาณร้ายปิดล้อมสังหาร เต่าเทพนี่จึงหายสาบสูญตามไป อีกทั้งเขายังนำศพของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองไปด้วย

หากบอกว่าเจ้านี่คือเต่าเผือกตัวนั้น ก็ยังมีเอกลักษณ์ถูกต้องอยู่ เพียงแต่อายุกับระดับพลังเกินไปหน่อย

….

แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายของฟางฉาง ไป๋ตี้ก็เปลี่ยนจากความอายเป็นความโมโห

เขากระทืบเท้าพลางทำเสียงขึ้นจมูก “สัตว์ขี่อะไร เจ้าเด็กนี่โอหังนัก เจ้าเด็กดื้อแสงทองนั่นยังต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่เลย”

เขาพูดพลางยื่นมือเข้าไปในกระดองเต่าของตน เหมือนควักอะไรบางอย่าง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหยิบม้วนหนังสัตว์สีเหลืองออกมาได้

ไป๋ตี้กางม้วนหนังสัตว์ออก ก่อนจะเห็นว่าในม้วนหนังสัตว์วาดชายหนุ่มองอาจห้าวหาญไว้คนหนึ่ง ทั่วร่างเปล่งประกายสายฟ้า

เขาถือกระบี่ยาวชี้ไปยังแม่น้ำภูเขา ข้างกายเป็นภูเขาศพทะเลโลหิตกับวิญญาณร้ายร้องโหยหวน กลิ่นอายชั่วร้ายถาโถมเข้ามา เหมือนจะลอดผ่านม้วนภาพนี้ ข้ามผ่านยุคโบราณมาเห็นมหาสงครามนั้น!

ศักยภาพของชายหนุ่มแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่ว่าวิญญาณร้ายพวกนั้นจะน่าสยดสยองน่ากลัวเพียงใด ก็ต้องล้มลงใต้สายฟ้ากับกระบี่ยาวของเขา

เขาเหมือนกับเทพเจ้าผู้ควบคุมสายฟ้า คมกระบี่ชี้ไปที่ใด ก็ไม่มีศัตรูใดขวางได้แม้แต่นิดเดียว

แต่อาภรณ์และใบหน้าของชายหนุ่มดูละเอียดเป็นพิเศษ เกราะศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีทอง ใบหน้าองอาจห้าวหาญ มากพอจะทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายหลงรัก

มีสิ่งเดียวที่ทำให้คนมุมปากกระตุกคือเหนือศีรษะชายหนุ่มคนนี้มีเต่าน้อยสีขาวนอนพาดอยู่

เต่านั่นเหมือนกับหมวกสีขาว เกาะบนศีรษะชายหนุ่มอย่างมั่นคง ทำให้เอกลักษณ์องอาจของเขามีความน่าอึดอัดใจเพิ่มมาหลายส่วน

ไป๋ตี้ชี้ภาพนี้ด้วยความภูมิใจ ”เห็นหรือไม่ ใครเป็นสัตว์ขี่ ตอนนั้นเจ้าหนูแสงทองเป็นลูกน้องของข้าต่างหาก! ต่อให้เขาจะมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ มีฐานะสูงส่งกว่านี้ ก็ต้องยอมให้ข้าขี่แต่โดยดี รุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้าก็เอาอย่างหน่อยเถอะ”

จางอวิ๋นซีพูดด้วยความเฉยชา “ภาพเดียวยืนยันฐานะของเจ้าไม่ได้ อีกทั้งต่อให้เจ้าเป็นเต่าอสุนีบาตสุญญะตัวนั้นจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ให้ศิษย์ฝ่ายข้าแสดงความเคารพเจ้า คืนศพของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ตั้งแต่อดีตกาลมา เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่สิ้นชีพไปจะได้ฝังในดินแดนบรรพบุรุษแทบทั้งหมด

แต่ศพของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองกลับถูกสัตว์เทพชิงไป หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นคนที่สนิทสนมกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองรู้ว่าพวกเขาเผ่ามนุษย์และเต่าเป็นมิตรกัน คงไม่มีทางยอมเด็ดขาด

แต่กาลเวลาผ่านมาหมื่นปี พวกรุ่นเยาว์อย่างจางอวิ๋นซีไม่เข้าใจมิตรภาพเช่นนี้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน