บทที่ 392 เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงผู้น่าเศร้า!
ต่อให้มหาจักรพรรดิร่างมารจะเผาพลังจิตวิญญาณไปเก้าส่วนขึ้นไป เสี้ยวนั้นที่เหลือก็ยังน่าสะพรึงถึงขีดสุด
อย่างน้อย แรงปะทะชนิดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อริยะธรรมดาจะต่อต้านได้
ชั่วครู่เดียว เพลิงมารสีดำหมุนม้วนทั้งห้วงอากาศ อำนาจคุกคามกดดันใส่เสิ่นเทียนอย่างรุนแรง
“เทียนเอ๋อร์ ระวัง!”
สายฟ้าบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตัดสลับกันเป็นลำดับขั้นตอน สร้างเป็นโซ่ลำดับ ตัดสลับกันอย่างแน่นหนา หมายจะขวางเพลิงมารพวกนั้นเอาไว้
“มารร้าย กินกระบองใหญ่ของข้า!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคำรามเสียงดัง สามร่างแยกเดินหน้าพร้อมกัน กระบองยักษ์ค้ำฟ้าฟาดลงมาอย่างฉับพลัน
บึ้ม!
เพลิงมารสีดำหลั่งทะลัก ผลาญทำลายโซ่ลำดับทั้งหมด ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลังไม่สงบนิ่ง
สามร่างแยกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถูกกระแทกออกไป กลิ้งไปในอากาศหลายตลบก่อนตกลงมาอย่างน่าอนาถ กระแทกลงพื้นเป็นหลุมยักษ์
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเมล็ดพันธุ์วิญญาณเทพผู้ยิ่งใหญ่วิญญาณร้ายนั้นกับการเผาวิญญาณของมหาจักรพรรดิอีกาทอง เหนี่ยวนำการโจมตีของทั้งเขตแดน น่ากลัวถึงที่สุด
“ครั้งนี้ยุ่งแล้ว ผู้เฒ่าเยี่ยท่านคงไม่ตายจริงๆ หรอกนะ! อย่าก่อเรื่อง ออกมาช่วยกันเร็ว! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะ แหวนทองสัมฤทธิ์นั่นไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย!”
เสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนถึงความน่ากลัวของเพลิงมารกลุ่มนี้
แม้แต่ร่างแยกของผู้เฒ่าเยี่ยยังสู้ไม่ไหว แตกสลายไปด้วยอำนาจชั่วร้ายนี้
จะให้เขาต้าน เขาก็ต้านไม่ไหวเหมือนกัน!
“เคี้ยกๆ ไปตายเสียเถอะเจ้าหนู! เดรัจฉานแห่งตำหนักเทพสงครามควรจะตายให้สิ้นซากไปตั้งนานแล้ว”
มหาจักรพรรดิร่างมารหัวเราะเยาะ กลิ่นอายพลังพลันปะทุขึ้น สั่นสะเทือนฟ้าดิน
ตอนนี้เอง เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น
แหวนทองสัมฤทธิ์ในมือเสิ่นเทียนพลันเปล่งแสงทรงพลังออกมา แสงกระบี่สีเงินส่องสว่าง พุ่งทะลวงเมฆบนท้องนภา
ชั่วพริบตาเดียว พลังวิญญาณร้ายไร้ที่สิ้นสุดถอดสีออกทั้งหมด ทยอยกันแตกกระจายออก
แสงสว่างส่องโลก มาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่สะท้านโลก พุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ทุกสรรพสัตว์หวาดผวา
“นี่…นี่มันอะไรกัน…”
มหาจักรพรรดิร่างมารตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ถึงอำนาจเทพเจ้าสูงสุดกำลังรุกล้ำเข้ามาอย่างน่ากลัว
ภายใต้พลังอานุภาพนี้ เขารู้สึกเหมือนตนเป็นจอกแหนไร้ราก อยู่กลางคลื่นยักษ์โหมซัดสาดไม่มีแรงต่อต้านใดๆ เลย
แหวนทองสัมฤทธิ์เปล่งแสงสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิม ส่องสะท้อนท้องนภา กลายเป็นร่างเงาองอาจห้าวหาญที่สุดแห่งยุค
ชุดคลุมขาวดั่งหิมะ ประกายเซียนหนาทึบวนเวียนไม่หยุดหย่อน แผ่กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ที่มองกราดทุกชีวิต
“เป็นไปได้อย่างไร…โลกชั้นต่ำเช่นนี้จะมีการคงอยู่ระดับนี้ได้อย่างไร”
มหาจักรพรรดิร่างมารตระหนกแล้ว เกิดความหวาดกลัวสุดขีด
ช่วงที่ร่างเงานี้ปรากฏตัว ฟ้าดินถอดสี ทุกอย่างก็มืดลงไร้ประกายแสง
ทันใดนั้น ร่างเงาจักรพรรดินีนั้นก็ขยับตัว
ประกายกระบี่สูงสุดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากแหวนทองสัมฤทธิ์
ทันใดนั้นฟ้าดินแตกกระจายออก ลำดับพังทลายลง มวลอากาศบิดเบี้ยวดับสูญกลายเป็นอากาศธาตุ
“ไม่!”
มหาจักรพรรดิร่างมารเปล่งเสียงคำราม กระตุ้นพลังงานอย่างบ้าคลั่ง หมายจะต้านไว้
แต่กระบี่นี้เหมือนข้ามผ่านยุคโบราณ ถาโถมลงมาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ทำลายล้างสูงสุด
ช่วงที่มหาจักรพรรดิร่างมารสัมผัสไอกระบี่นี้ วิญญาณเทพแตกกระจาย สลายหายไป
มหาจักรพรรดิร่างมารหนึ่งยุค ดูเล็กจ้อยอย่างยิ่งภายใต้เจตจำนงกระบี่นี้ ถูกสังหารลงในพริบตา อีกทั้งพลังของกระบี่นี้ยังไม่สิ้นสุดลง เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดจะขวางมันได้
มันเหมือนไม่คงอยู่ในห้วงอากาศ ไม่อยู่ในโลกมนุษย์
และเพราะเหตุนี้เอง ห้าดินแดนโลกมนุษย์จึงไม่มีการคงอยู่หรือกลอุบายใดขวางกระบี่นี้ได้ ไม่ว่ากลอุบายใดขวางหน้ากระบี่นี้ จะถูกทำลายล้างสิ้นซาก
ชิ้ง!
เสียงกระบี่ไพเราะดังสนั่นทั้งสุสานจักรพรรดิไปจนถึงเกาะมหานที!
สุสานจักรพรรดิถูกแบ่งเป็นสองส่วน เผยเส้นขอบฟ้า ฝุ่นควันคละคลุ้ง กฎเกณฑ์ปั่นป่วนอย่างยิ่ง
การโจมตีนี้น่าสะพรึงยิ่งนัก!
นอกสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง ร่างเงาหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปในสุสานจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
นั่นคือบุรุษผู้สวมชุดเกราะเทพมารสีดำ แบกดาบยาวน่าสยดสยองข้างหลังเล่มหนึ่ง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงมารล้นทะลัก กลิ่นอายพลังเหี้ยมเกรียม
คนนี้ก็คือเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิง!
ตอนนั้นในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง แผนการเดิมของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงคือสังหารผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ให้จักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งได้รับสารอาหาร กลายเป็นอาวุธสังหารชีวิต
แต่ด้วยการปรากฏตัวของเสิ่นเทียน ไม่ใช่แค่ถูกชิงจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งไปเท่านั้น แม้แต่กายอดีตของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงยังสิ้นชีพในสงคราม
วิหารเจ็ดสังหารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายแตกพ่ายย่อยยับ
นี่ทำให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงเกิดจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุดกับเสิ่นเทียน และยังกระหายที่จะชิงจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งกลับมา
หลังรู้ตำแหน่งของเสิ่นเทียน เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงก็ไม่พูดไม่จา เร่งรัดกายอนาคตให้เดินทางมาเกาะมหานที จะสังหารเสิ่นเทียนลงที่นี่
“เสิ่นเทียน วันนี้ของปีหน้าคือวันไว้อาลัยของเจ้า”
เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงพูดอย่างน่ากลัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเฝ้ารอคอย
ทว่าช่วงที่เขาจะเข้าไปในสุสานจักรพรรดินั้น ก็มีแสงกระบี่สะท้านโลกพุ่งออกมาจากสุสานจักรพรรดิ
แสงกระบี่นี้กดขี่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทุกอย่าง เหนือกว่าสูงสุด ทั้งยังมีความเร็วที่ไม่ว่าใครก็ตั้งตัวไม่ทัน
มัน เร็วเกินไป!
กระทั่งเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงยังไม่ทันตั้งตัว กายนี้ก็สลายไปภายใต้แสงกระบี่
แม้แต่อากาศโดยรอบยังดับสูญ หวนคืนสู่ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
อืม~
ข้ามเขตแดนเป็นร้อยๆ ล้านนี้มาสังหารเสิ่นเทียน กว่าจะเลี่ยงการสกัดกั้นและปราบปรามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่มาไม่ใช่ง่ายๆ จนมาถึงสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองอย่างยากลำบาก
ปรากฏว่ายังไม่ทันพบหน้าเสิ่นเทียนก็ถูกกระบี่บินสังหารลงเสียแล้ว
เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิง จากไปอย่างสงบมาก~
…….
ดินแดนกลาง ในวิหารศักดิ์สิทธิ์
ร่างจริงของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงกำลังนั่งขัดสมาธิ กลิ่นอายพลังในตัวเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดย้อนกลับออกมา
“อมิตาพุทธย่ามันเถอะ! นี่มันบ้าอะไรกัน เหตุใดโลกนี้ถึงมีกระบี่น่าสะพรึงเช่นนี้ กายอนาคตของข้าไม่ทันรู้ตัวเลยก็ถูกสังหารแล้ว”
กลิ่นอายพลังของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงกระเพื่อม นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัวชัดเจน
แม้เขาจะโอหัง แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะไร้พ่ายในห้าดินแดน
แต่ต่อให้ห้าดินแดนจะมีผู้แข็งแกร่งเอาชนะเขาได้ สังหารเขาได้ ก็ไม่มีทางให้กายอนาคตของเขาสิ้นชีพลงโดยไม่รู้ตัวได้กระมัง!
แย่กว่านี้ก็ควรจะเห็นว่าศัตรูเป็นใคร
แต่แสงกระบี่เมื่อครู่นั้น เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ
ความสง่างามของกระบี่นั้นทำให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงสงสัยในชีวิต และยังทำให้เขาโมโหจนอยากตาย
ต้องรู้ว่าเดิมทีเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงหลอมสร้างออกมาเป็นสามกายภพภูมิ ทุกร่างแยกจะมีศักยภาพระดับอริยะ
ถ้าให้เวลาเขามากพอ สามกายภพภูมิจะรวมเป็นหนึ่ง เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงจะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ถึงระดับสูงสุดอันน่าเหลือเชื่อ
แต่ใครจะไปคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงจะเสียสองร่างแยกใหญ่อย่างกายอดีตและกายอนาคตไป
“บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองจะมีบ้าอะไรเช่นนี้อยู่ น่าโมโหชะมัด! เป็นความผิดเจ้า เสิ่นเทียน! หากไม่ใช่เพราะต้องล่าสังหารเจ้า ข้าจะให้กายอนาคตมาสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองได้อย่างไร ทำข้าเสียร่างแยกไปสองร่าง ข้าจะฉีกเจ้าให้ได้ ลบล้างความแค้นในใจ!”
เสียงตะโกนของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงดังไปทั้งตำหนักใหญ่ ดังกึกก้องไม่ขาดสาย แรงอาฆาตพุ่งพรวดขึ้น
…..
รอบนอกเกาะมหานที ฟ้าดินสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว อะไรกันที่ทำให้ทั้งเกาะมหานทีสั่นสะเทือนไม่หยุดได้
“เป็นทางนั้น…ตรงสุสานจักรพรรดิ…”
มีคนเห็นเงื่อนงำจึงมองทอดไกลไป ก่อนจะเห็นเจตจำนงกระบี่สะท้านฟ้าพุ่งขึ้น ไปเยือนสวรรค์เก้าชั้น ทำให้ท้องนภาแตกกระจาย ฉีกออกเป็นห้วงอากาศไร้ที่สิ้นสุด!
เวลานี้ กลิ่นอายพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งแผ่กระจายไปทั้งเกาะมหานที
“เป็นไปได้อย่างไร…นี่มันพลังน่าสะพรึงระดับใดกัน”
หญิงชราบางคนพูดเสียงสั่น เหมือนเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัว
พลังงานนั้น แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเทียบมิได้ แค่สัมผัสก็ตายได้โดยพลัน!
“นี่มันทัณฑ์สวรรค์รึ”
คนที่มีศักยภาพต่ำพวกนั้นทนไม่ไหวลงไปนอนกับพื้น จิตใจสั่นกลัว หวาดกลัวกันอย่างยิ่ง
กระทั่งยังมีผู้แข็งแกร่งบำเพ็ญกระบี่บางส่วนสัมผัสเจตจำนงกระบี่นี้ได้แล้ว จิตมุ่งมั่นเจตจำนงกระบี่ที่บุกรุดหน้าไปอย่างเฉียบคมนั้นยังอดสั่นไหวมิได้
เจตจำนงกระบี่ที่พวกเขาแสวงหาด้วยกำลังวังชาทั้งชีวิต เมื่ออยู่ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่นี้ เหมือนจะไม่มีค่าอะไรเลย
เวลานี้ จิตมุ่งมั่นเจตจำนงกระบี่ของนักกระบี่มากมายพังทลายลง
…..
สุสานจักรพรรดิอีกาทอง!
ในห้วงอากาศกว้างใหญ่ เงียบเป็นเป่าสาก
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่ร่างแยกของผู้เฒ่าเยี่ยยังถูกทำลาย กลับถูกเงามายานั้นฟันกระบี่เดียวกลายเป็นผุยผง
เงามายาจักรพรรดินีคนนี้คงอยู่ระดับใดกันแน่ ร่างจริงจะน่ากลัวเพียงใดกัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน