บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 409

บทที่ 409 โอสถเสริมสวรรค์ น่าจะรักษาผมร่วงได้

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เกิดเสียงคนดังกระหึ่ม!

หุ่นเหล็กพยัคฆ์ขาวทองยืนอยู่กลางฟ้าดิน แสงสว่างวนเวียน พลังดุดัน ดึงดูดความสนใจของทุกคน

ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่งไม่ติดพื้น พากันเข้ามาพิจารณา ทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ

“หุ่นเหล็กนี่มหัศจรรย์มาก สร้างขึ้นจากทองคำวิญญาณฟ้าดิน ทั้งยังกักเก็บอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไว้ ไม่อยากเชื่อว่าจะระเบิดกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้”

“สำคัญคือการวางค่ายกลยอดเยี่ยมมาก สามารถหมุนวนพลังงานของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไปไว้ทุกส่วนได้!”

“เรียกได้ว่ามีฝีมือเหนือธรรมชาติ มีฝีมือเหนือธรรมชาติเลย!”

……

ผู้อาวุโสหลายคนพากันปลงอนิจจัง คิดว่าฉินอวิ๋นตี๋มีพรสวรรค์เหนือธรรมดา แม้แต่หุ่นกระบอกสูงสุดพวกนี้ยังสร้างขึ้นมาได้

“แต่หุ่นเหล็กนี้มีการโจมตีที่ซ้ำซากไปหน่อย หากใช้พลังงานอัสนีเทพกำเนิดฟ้าที่สั่งสมไว้หมดแล้ว จะไม่มีกำลังรบใดๆ เลย”

แต่ก็มีผู้อาวุโสตาดี พบข้อบกพร่องของหุ่นเหล็ก!

ถึงหุ่นเหล็กรบจะมีกำลังรบเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ แต่ก็ยังต่างกันอย่างยิ่ง

หุ่นเหล็กแค่สร้างขึ้นมาจากทองคำวิญญาณ ประกอบกับค่ายกลกักเก็บพลังงานอัสนีเทพกำเนิดฟ้า ใช้สิ่งนี้กระตุ้นหุ่นเหล็ก

ผู้บำเพ็ญไม่มีทางเติมพลังงานให้หุ่นเหล็กได้ตลอด แต่จะให้ทิ้งการคุมหุ่นเหล็ก เช่นนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียอีก

หากหุ่นเหล็กพลังงานหมดลง ก็ไม่ต่างอะไรกับซากเหล็กเลย

ฉินอวิ๋นตี๋ยิ้มน้อยๆ “ปัญหานี้เป็นข้อบกพร่องของหุ่นเหล็กจริงๆ แต่อวิ๋นตี๋สร้างเป็นเก้ารูปแบบเช่นมังกรเขียว วิหคชาด เต่าดำและกิเลนเป็นต้นไว้ สอดคล้องกับสัตว์เทพอัสนีสิบทิศของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พลังงานที่หุ่นเหล็กสิบชนิดต้องการ จะสอดรับกับพลังสายฟ้าที่ต่างกันของศิษย์

เช่นนั้นแล้ว ศิษย์ที่มีธาตุเดียวกันหลายคนกระตุ้นหุ่นเหล็กด้วยกัน เติมพลังงานให้หุ่นเหล็ก ก็จะยืนหยัดได้จนจบการต่อสู้”

ฉินอวิ๋นตี๋อธิบาย เขาคิดถึงปัญหานี้มานานแล้ว

ต้องรู้ว่าคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สอดคล้องกับพลังแห่งสายฟ้าที่ต่างกัน

เช่นพลังแห่งสายฟ้ามังกรเขียวธาตุไม้ พลังแห่งสายฟ้าพยัคฆ์ขาวธาตุทองเป็นต้น…

นี่ทำให้สายฟ้าธาตุที่ศิษย์เทพสวรรค์ส่วนใหญ่ฝึกฝนมีความต่างกัน มีเพียงพลังแห่งสายฟ้าธาตุเดียวกันเท่านั้นถึงจะเข้ากับการใช้งานหุ่นเหล็กรบมากที่สุด

เพื่อแก้ปัญหานี้ กระทั่งฉินอวิ๋นตี๋ยังขยายพื้นที่การควบคุมหุ่นเหล็ก ให้พอบรรจุศิษย์ได้หลายคน

“แต่เมื่อศักยภาพของหุ่นเหล็กถึงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้วก็ยากจะเพิ่มไปได้อีก ไม่รู้ว่าศิษย์พี่มีวิธีใดหรือไม่”

ฉินอวิ๋นตี๋มองเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย

ในมุมมองเขา เสิ่นเทียนทำได้ทุกอย่าง

วิธีที่เขาคิดไม่ออก เสิ่นเทียนจะต้องคิดออกแน่นอน ถึงอย่างไรมหามรรคหยินหยางก็ได้เสิ่นเทียนเป็นคนสอนเขา เป็นผู้ชี้นำทาง

ฉินอวิ๋นตี๋มีแต่ความเชื่อมั่นและเลื่อมใสเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนครุ่นคิดเล็กน้อย “ปัญหานี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เลย รูปแบบกำลังรบของหุ่นเหล็กไม่ควรจะจำกัดที่การสู้คนเดียว แต่น่าจะร่วมกันมากกว่า อย่างเช่นนำหุ่นเหล็กพยัคฆ์ขาวธาตุทองสิบตัวมารวมกัน เชื่อมกันด้วยค่ายกล จะทำให้พวกมันรวมกันเป็นกองทัพหุ่นเหล็กพยัคฆ์ขาว

แบบนี้ ก็น่าจะประหยัดพลังงานไปได้ไม่น้อย ระดับความแกร่งของการโจมตีก็จะเพิ่มขึ้น รวมพลังหุ่นเหล็กสิบตน ระเบิดอานุภาพแกร่งกว่าหุ่นเหล็กตัวเดียวแน่นอน!

หากหุ่นเหล็กมีจำนวนมากพอ ยังจะรวมหุ่นเหล็กปัญจธาตุขึ้นมาได้ เป็นกองทัพประสานที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ด้วยการรวมกันของหุ่นเหล็กทุกประเภท จะเกิดเป็นพลังแห่งปัญจธาตุไหลเวียนไปสู่ชีวิต มีพลังไม่ขาดสาย

หากเป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะใช้พลังประสานของหุ่นเหล็กจำนวนมาก โจมตีทีเดียวถึงขั้นสังหารผู้อริยะได้!”

…….

เสิ่นเทียนอธิบายง่ายๆ ตามภาพยนตร์สงครามอวกาศและหุ่นเหล็กที่เคยดูมาในภพก่อน

เขาเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ทุกคนได้ฟังแล้วใจสั่นสะท้าน

โดยเฉพาะฉินอวิ๋นตี๋ ดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาก

คำพูดของเสิ่นเทียนเหมือนกับวาดมังกรแต่งแต้มดวงตา พลันกระตุ้นแนวคิดในมันสมองเขา ทำให้เขาเลือดร้อนขึ้นมา “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดถูก!

ขอบคุณมากที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เตือน ตอนนี้อวิ๋นตี้จะกลับไปทดลองแล้ว!”

ใบหน้าฉินอวิ๋นตี๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สำหรับคนคลั่งการวิจัยอย่างเขาแล้ว ทิศทางการวิจัยใหม่ไม่ด้อยไปกว่าการตามหาคัมภีร์จักรพรรดิที่สุดแห่งยุคเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนยังอยู่ เขาอาจจะกลับไปปิดด่านบำเพ็ญวิจัยต่อแล้ว

ถึงอย่างไรสำหรับคนติดบ้านอย่างเขา การมุงดูเรื่องชาวบ้านเขาจะสำคัญเท่าการวิจัยหรือ

เสิ่นเทียนมองฉินอวิ๋นตี๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเร่าร้อนพลางส่ายหน้ายิ้มแห้งๆ

เขาดึงฉินอวิ๋นตี๋ ก่อนพูดอย่างจำใจ “เจ้าวิจัยเยอะไปแล้ว เห็นหนังหัวกลางศีรษะแล้ว ถ้ายังไม่ใส่ใจเรื่องการพักผ่อนอีก ใช้สมองวิจัยอย่างเดียว ระวังผมร่วงเยอะๆ จะกลายเป็นนักบวชเอา! บางทีอีกไม่กี่วัน แดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีอาจจะมารับตัวเจ้าไปเข้าฝ่ายพุทธก็ได้!”

ฉินอวิ๋นตี๋อึ้งไปเล็กน้อย เกาศีรษะแล้วพบว่าผมทองตนนั้นดูยุ่งเหยิงจริงๆ

จะว่าไป ช่วงนี้เหมือนว่าผมจะร่วงแล้วด้วย

เสิ่นเทียนนำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาเม็ดหนึ่ง วางในมือฉินอวิ๋นตี๋ “กินโอสถนี่เสีย มันจะเพิ่มสติปัญญาและกำลังสมองของเจ้าได้ และยังเพิ่มพลังบำเพ็ญและพรสวรรค์ของเจ้าได้อีก อืม น่าจะกระตุ้นเส้นผมได้ด้วย…กระมัง! อย่างไรก็ต้องใส่ใจด้านการบำเพ็ญบ้าง ถึงอย่างไรร่างกายก็เป็นรากฐาน”

ฉินอวิ๋นตี๋มองโอสถเสริมสวรรค์ในมือด้วยอาการอึ้งงัน

เขารู้สึกได้ว่าโอสถนี้มีมูลค่าไม่ธรรมดา แค่กลิ่นหอมโอสถที่กระจายมาก็ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน สบายไปทั้งตัว แม้แต่ความคิดยังโลดแล่นขึ้นมา

นี่ คือโอสถเทพสูงสุด!

…..

มีโอสถเทพนี้แล้ว เขาไม่ใช่แค่ปรับร่างกายให้ดีขึ้น บางทีอาจจะใช้สิ่งนี้วิจัยออกมาเป็นหุ่นเหล็กใหม่ก็ได้!

ในใจฉินอวิ๋นตี๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและซาบซึ้งใจ ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดีกับข้าขนาดนี้เชียว!

ไม่ใช่แค่ช่วยชี้แนะให้ข้า แต่ยังมอบโอสถเทพสูงสุดช่วยข้าฝึกบำเพ็ญ

ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสริมทฤษฎี ‘ระเบิดคือศิลปะ’ ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น!

ฉินอวิ๋นตี๋กระบอกตาร้อนผ่าว “สิ่งที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สั่งสอน อวิ๋นตี๋จะตั้งใจศึกษาให้ดี ไม่ทำให้ศิษย์พี่ผิดหวัง!”

ฉินอวิ๋นตี๋กำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ากลับไปยังยอดเขาบัวทองคำด้วยความแน่วแน่ ไปวิจัยหุ่นเหล็กของเขาต่อ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก เขาพบว่าเจ้าเด็กนี่เหมือนจะเข้าใจความหมายเขาเพี้ยนไป

พวกคลั่งวิทยาศาสตร์สมองกลับจริงๆ ไม่ปกติกันสักคน

ช่างเถอะ ไม่สนใจเขาแล้ว!

ความเชื่อมั่นในการวิจัยของฉินอวิ๋นตี๋เหนือกว่าการฝึกบำเพ็ญ แต่คนที่มีความเชื่อมั่นแน่วแน่เท่านั้นถึงจะเดินบนเส้นทางของตนไปได้ไกลว่า

เส้นทางการบำเพ็ญก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

หากไม่มีจิตใจกล้าหาญ บุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญ แล้วจะต่างอะไรกับปลาเค็ม

…..

ตอนนี้เองมีแสงสว่างสองสายพุ่งเข้ามา

เสิ่นเทียนเพ่งมองไป ก็เห็นไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อสองคนเบิกตาโตมาก กระบอกตาแดงก่ำ

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นเสิ่นเทียนมอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้ฉินอวิ๋นตี๋แล้วเกิดความอิจฉา!

ไป๋ตี้เปล่งแสงสีทองใต้เท้า ก่อนจะขยับวูบมาปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียน “เจ้าหนู ของดีเช่นนี้จะลืมข้าไม่ได้นะ! ต้องรู้นะว่าข้าเป็นคนถ่ายทอดย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้กับเจ้า!

นี่คือพลังวิเศษสูงสุดของข้า แม้แต่เจ้าหนูจินกวงในตอนนั้นยังขอร้องให้ข้าสอนเขาเลย! แต่ข้าก็ยังมีคุณธรรมสอนให้กับเจ้า นี่ก็เห็นแล้วว่าข้าดีกับเจ้าเพียงใด!”

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ในอากาศก็ยังอบอวลไปด้วยกลิ่นมะนาว

ใช่ ไป๋ตี้อิจฉาแล้ว!

ทันทีที่โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าปรากฏ มันก็รู้ว่าโอสถนี้ไม่ธรรมดามาก โอสถนี้ทำให้มันผลัดเปลี่ยนพลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางทีอาจจะกลับไปเก็บผลมรรคกลับมาได้

โอสถระดับนี้คือโอสถสูงสุดที่ปรับแก้ดวงชะตาและประสบความสำเร็จสูงสุด!

ไม่ว่าอย่างไร ไป๋ตี้ก็จะต้องได้โอสถสูงสุดนี้มา!

ต่อให้ต้องขายหน้าเต่านี่ก็ตาม!

ไม่ใช่แค่ไป๋ตี้ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เช่นกัน

เขาดวงตาตั้งตรง น้ำมูกไหลน้ำตาไหล “ศิษย์น้อง ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่แท้ๆ ของเจ้านะ! ศิษย์พี่ใหญ่แท้ๆ อาจารย์คนเดียวกันนะ! ศิษย์น้องมีของดี จะลืมศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าไปไม่ได้หรอกกระมัง!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋ออิจฉาในใจยิ่งกว่า ศิษย์สายตรงเทพสวรรค์ที่นี่ได้โอสถเสริมสวรรค์กันหมด มีเขาที่ไม่ได้ จะไม่อิจฉาได้อย่างไร?

ดังนั้น เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจึงจะขอยาต่อหน้าด้านๆ!

เสิ่นเทียนกับทุกคนพูดไม่ออก

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตด้านข้างเอามือตบหน้าผาก ‘ข้าเจอคู่ต่อสู้จริงๆ แล้ว’

เจ้าสองคนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว ที่นี่ยังมีศิษย์เทพสวรรค์จำนวนมากกับผู้อาวุโสมุงดูอยู่นะ!

แต่เจ้าสองคนนี้กลับไม่สนใจอะไรเลย ยังคงจะเอาตามใจตัวเอง

หนังหน้าหนาเทียบได้กับหนังวัวกระทิงบรรพกาล อาวุธอริยะยังแทงไม่เข้า

ข้าทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว!

…..

ไม่สิ

เหตุใดถึงรู้สึกว่าศิษย์หลานเหมือนจะไม่สนใจโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้านี่เลย แค่เจ้าหนูฉินอวิ๋นตี๋นั่นผมร่วง ก็ให้โอสถเสริมสวรรค์เลยเม็ดหนึ่ง

ถ้าข้าออกปาก บางทีอาจจะได้มาอีกเม็ด!

โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ามีสรรพคุณมหัศจรรย์เช่นนี้ หากข้าได้มาอีกสองสามเม็ด จะไม่ฝ่าด่านเคราะห์บินขึ้นไปเป็นเซียนเลยรึ

แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสนใจ เขาอยากจะลองขอโอสถเสริมสวรรค์จากเสิ่นเทียนอีก!

…..

แต่ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนได้มอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าสองเม็ดสุดท้ายไปให้ไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อแล้ว หลักๆ เป็นเพราะเจ้าสองคนนี้หน้าด้านเกินไป ไล่ไม่ไปจริงๆ!

ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญไปฟาร์มต่ออีกนะ!

จะมีเวลาที่ไหนมาสนใจพวกเขา

อีกอย่าง สำหรับคนอื่นแล้ว โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าล้ำค่าอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าโอสถสูงสุด!

แต่สำหรับเสิ่นเทียนแล้วก็แค่นั้น ขอแค่มีวัตถุดิบยาครบ ก็จะหลอมได้ทุกเมื่อ

อย่างมากอีกไม่กี่วันก็ค่อยหลอมอีกหม้อก็ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงใช้โอสถเสริมสวรรค์ไล่เจ้าสองคนนี้ไป

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อได้โอสถเสริมสวรรค์แล้วก็ยิ้มซื่อๆ

‘เทียนเอ๋อร์ช่างสมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีดวงชะตาสูงสุด! เพราะเทียนเอ๋อร์ ถึงทำให้ศักยภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า!

มีเทียนเอ๋อร์อยู่ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าถูกลิขิตให้ยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว!

ฮิๆๆๆๆ~’

…..

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เดินหน้าหนึ่งก้าว ประกายเซียนบนผิวกายสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง “เทียนเอ๋อร์ เจ้าสนใจอยากจะดำรงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เลยหรือไม่”

เมื่อสิ้นเสียง เสิ่นเทียนถึงกับอึ้งไป

ไม่ใช่แค่เสิ่นเทียน ศิษย์เทพสวรรค์และผู้อาวุโสทุกคนที่นี่ต่างตะลึงงันอยู่ที่เดิม

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อันกว้างใหญ่เงียบสงัด

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเสนอเช่นนี้!

ไม่อยากเชื่อว่าจะยกตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่เข้าพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นรึ

นี่มันจะน่าตกใจเกินไปแล้ว!

พึงรู้ไว้ว่าตำแหน่งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะแบกรับได้ ไม่ใช่แค่ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่มีพรสวรรค์สูงสุด แต่ยังต้องมีศักยภาพแข็งแกร่งและอำนาจบารมี ถึงจะทำให้ทุกคนยอมรับได้!

ปกติ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่จากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นผู้อริยะใหม่ ถึงจะมีสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง

และผู้อริยะใหม่พวกนี้ ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สุดยอดในแดนศักดิ์สิทธิ์!

เกือบหมื่นปีมานี้ มีแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ผู้บำเพ็ญต่ำกว่าอริยะดำรงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยมาก ถึงอย่างไรขนาดคำว่าอริยะยังไม่มี จะไปคุยเรื่องเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อะไร

ไม่มีศักยภาพของผู้อริยะ กลับคิดจะมีนามของผู้อริยะ

สำหรับคนปกติแล้ว นี่เป็นแรงกดดันสูงมาก!

มีโอกาสสูงมากที่จะมีคนไม่ยอมรับและต่อต้าน ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์วุ่นวาย!

แม้ด้วยพรสวรรค์และบารมีของเสิ่นเทียน ต่อให้พลังบำเพ็ญไม่ถึง ก็ยังมีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็อาจจะเร็วไปหน่อย!

ยังไม่จัดพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์เลย ก็จะจัดพิธีแต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วรึ

อืม เร็วไปแล้ว!

…..

เวลานี้ ทุกคนต่างวิงเวียนศีรษะ

แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความคิดง่ายมาก

ศิษย์ข้าเสิ่นเทียนมีคุณสมบัติแห่งราชาเซียน ทั้งยังเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่สุดในประวัติการณ์ มีดวงชะตาสูงสุด!

ด้วยดวงชะตาของเทียนเอ๋อร์ หากเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องยิ่งใหญ่เร็วขึ้นสิบเท่า

ไม่สิ ร้อยเท่า!

เทียบกับความยิ่งใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ใครจะมารับไว้ก็ไม่สำคัญ!

เสิ่นเทียนงุนงงไปหมด “อาจารย์ ตอนนี้ศิษย์ยังไม่มีประสบการณ์ เกรงว่าคงรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ อีกทั้งศิษย์มีศักยภาพอ่อนแอ ไม่เพียงพอทำให้ทุกคนยอมรับ ยังต้องฝึกอีกมาก!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตข้างกายมุมปากกระตุก ก่อนจะพูดพึมพำ “ศักยภาพอ่อนแอรึ ศักยภาพเด็กประหลาดอย่างเจ้า เกรงว่าผู้อริยะระดับล่างยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้าเลยกระมัง!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเคยเห็นกำลังรบของเสิ่นเทียนมาแล้วว่าน่ากลัวเพียงใด

แก่นพลังทองสู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ยกระดับเป็นดวงจิตดรุณมหาสมบูรณ์แล้ว!

หากระเบิดพลังทั้งหมด เกรงว่าสู้กับผู้อริยะใหม่คงไม่มีปัญหาเลย!

แต่เสิ่นเทียนมีความคิดง่ายมาก ข้าไม่อยากเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์น่ะ!

เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ จะต้องมีเรื่องกวนใจให้จัดการเป็นกองใหญ่

ข้าจะมีเวลาออกไปเที่ยวเตร่ได้อย่างไร

จะมีเวลาที่ไหนมาผูกมิตรกับพี่น้องกุยช่าย ไปเก็บเกี่ยวกุยช่ายล่ะ

มิหนำซ้ำจากที่มหาจักรพรรดิจินอูบอกมา ยุครุ่งเรืองทองคำของเหล่าโอรสสวรรค์มักจะหมายถึงกลียุคกำลังจะมาเยือน

ตอนนี้โอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในร้อยปีพันปีปรากฏมากันมากขนาดนี้

คนตาดีจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ คาดการณ์กันไว้ว่าโลกหล้าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น

ข้าไม่อยากเด่น ถึงตอนนั้นถูกคนหมายตาจะเป็นปัญหาเอาได้!

ข้าเทิดทูนการอยู่ร่วมกัน ฟาร์มเงียบๆ เอาตัวรอดไปวันๆ มาตลอด

มีเพียงเพิ่มศักยภาพของตัวเองเท่านั้นที่เป็นราชธรรม

ชื่อเสียงผลประโยชน์ อำนาจอะไรนี่เหมือนกับเมฆลอย

ถึงอย่างไรหากสิ้นชีวิตน้อยๆ แล้ว ต่อให้ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็ไม่มีประโยชน์!

…..

อืม ตัดสินใจแล้ว

ก่อนทะลวงระดับมหาจักรพรรดิ ข้าจะไม่เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน