บทที่ 410 หอคอยเทพสงคราม ลดราคาครึ่งหนึ่ง!
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีแขกมาเยือนมากมาย
ตอนนี้เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์
แต่ขุมอำนาจมากมายอดใจรอไม่ไหว พากันเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นปัจจุบันเสิ่นเทียน เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก็ได้โชคลิขิตมากมายในหนึ่งปี
นำบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ที่หายไปหมื่นปีกลับมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์มีความหวังกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
จากนั้นเดินไปทางผจญภัยในสนามรบบรรพกาล ทำลายแผนการร้ายของลัทธิวิญญาณร้ายที่จะช่วยวิญญาณร้ายต่างแดน และนำอาวุธเทพสูงสุดกลับมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…หอคอยเทพสงคราม
ต่อมา ในสงครามปิดล้อมของวิญญาณร้ายในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้กำลังตัวคนเดียวโปรดสัตว์วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วน
นี่คือสิ่งที่ผู้อริยะยังทำได้ยากมาก!
มิหนำซ้ำยังได้ยินมาว่าเสิ่นเทียนเป็นคนเดียวในห้าดินแดนที่หอคอยเทพสงครามประเมินให้เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาว
ในกายเขาหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินหลายชนิด กระทั่งพรสวรรค์ยังแกร่งกว่าจักรพรรดิฮวงสือ!
เรื่องราวต่างๆ พวกนี้ได้กระจายไปในทุกขุมอำนาจใหญ่ในห้าดินแดนแล้ว
นี่ยังทำให้เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนแรกที่ยังไม่ประกาศต่อโลกหล้าก็มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดนแล้ว คนมากมายต่างมาตามชื่อเสียง อยากจะเห็นความสง่างามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับตาก่อน
แต่พวกเขามาก่อนหลายวันก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเสิ่นเทียน เพราะว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังปิดด่านบำเพ็ญอยู่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนปฏิเสธรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เองก็ไม่บังคับ
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คิดว่าเสิ่นเทียนมีสติปัญญาสุกงอม ไม่ละโมบในชื่อเสียงและผลประโยชน์ มีจิตใจสุขุม
หากไม้งามกว่าป่า จะต้องโดนพายุโค่นล้ม!
หากโดดเด่นเกินไป จะเป็นที่สนใจของขุมอำนาจศัตรู
โอรสสวรรค์ที่ตายตกเช่นนี้มีไม่น้อย มั่นคงไว้หน่อยจะดีกว่า ยกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
เสิ่นเทียนก็คิดเช่นนั้นได้อย่างลึกซึ้ง กลับยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝนทันที
…..
ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ กลางวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์!
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิ กระดาษโบราณสีแดงอมทองที่จุดด่างเก่าแก่สองหน้าลอยอยู่กลางฝ่ามือ
นี่คือบทล่างของคัมภีร์เทพโลหิต แบ่งเป็นยอดวิชาวิญญาณแท้คืนชีพกับวิชาโคจรวิญญาณแท้
มหาจักรพรรดิอีกาทองอาศัยบทล่างของคัมภีร์เทพโลหิต ถึงให้เสี้ยววิญญาณออกจากโลกเซียนกลับมาห้าดินแดนได้ แม้จะมีวิญญาณร้ายสูงสุดสอดมือ แต่ความแกร่งของคัมภีร์โบราณนี้ไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย
ต้องรู้ว่าระหว่างโลกเซียนกับมนุษย์ไม่ได้จะข้ามผ่านกันง่ายขนาดนั้น
ระหว่างโลกเซียนกับมนุษย์มีปราการมหามรรคอยู่ แทบจะไม่มีใครข้ามผ่านได้ตามใจ!
สิ่งมีชีวิตโลกมนุษย์จะเข้าไปในโลกเซียนได้ยากมาก มีเพียงฝ่าเคราะห์สวรรค์สิบสองขั้นขึ้นไปถึงจะลองบินขึ้นโลกเซียนได้ แต่ผู้แข็งแกร่งโลกเซียนจะทำลายเขตแดนเข้ามาในโลกมนุษย์ไม่ได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกมหามรรคสังหาร
นี่คือปราการที่สวรรค์ปกป้องโลกมนุษย์ ไม่เช่นนั้นผู้แข็งแกร่งโลกเซียนลงมาฆ่าล้าง ห้าดินแดนจะไม่มีใครต้านได้ สิ่งมีชีวิตจะต้องสูญพันธุ์ไปทั้งหมด
มหาจักรพรรดิอีกาทองอาศัยสองบทคัมภีร์เทพโลหิตอำพรางสวรรค์ ให้เสี้ยววิญญาณกลับมา นี่ก็มากพอจะยืนยันความแกร่งของคัมภีร์เทพโลหิตแล้ว
เดิมทีเสิ่นเทียนเคยฝึกบทส่วนบนของคัมภีร์เทพโลหิตแล้ว ย่อมได้สัมผัสว่าคัมภีร์เทพโลหิตมีทักษะการเอาตัวรอดแกร่งเพียงใด!
หากฝึกบทส่วนล่างสำเร็จ สองบทรวมเป็นหนึ่ง ทักษะการเอาตัวรอดจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า!
ไม่สิ เพิ่มร้อยเท่า!
วิชาเอาตัวรอดสูงสุดเช่นนี้ เสิ่นเทียนจะพลาดไปได้อย่างไร
หลังจากผ่านเหตุการณ์เกาะมหานที เสิ่นเทียนก็รู้ตัวว่าโลกนี้ไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น โลกข้างล่างมีลัทธิวิญญาณร้ายกำลังก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน สร้างหายนะให้ห้าดินแดน
โลกเซียนยังมีวิญญาณร้ายต่างแดนบุกเข้ามาเรื่อยๆ หมายจะเปิดเส้นทางโลกเซียน!
แม้แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองยังบอกมาตรงๆ ว่าโลกเซียนกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
มหาจักรพรรดิที่ลอยขึ้นไปแปดหมื่นปีอย่างเขายังเอาตัวรอดไม่ได้ ถูกผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายตบทีเดียวตาย อีกทั้งตายแล้วยังถูกวิญญาณร้ายสิงร่าง แทบจะทำให้หายนะเมื่อหมื่นปีก่อนเกิดขึ้นอีก
หากผู้พิทักษ์โลกเซียนต้านไม่อยู่ วิญญาณร้ายต่างแดนรุกรานเข้ามา ถึงตอนนั้นห้าดินแดนจะต้องเผชิญกับหายนะที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าสงครามใหญ่เมื่อหมื่นปีก่อนแน่นอน!
เมื่อนึกได้ว่าโลกนี้ซ่อนอันตรายไว้มากขนาดนี้ เสิ่นเทียนก็ลนลานขึ้นมา หากไม่รีบยกระดับศักยภาพ จะอยู่รอดในกลียุคได้อย่างไร
มีเพียงตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะทำลายหมื่นวิชา อยู่รอดในกลียุคได้อย่างสงบสุข
จุดนี้ เสิ่นเทียนเชื่อมั่นไม่มีสงสัย
เขาปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝนครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมฝึกคัมภีร์เทพโลหิตบทส่วนล่าง
ขอแค่ฝึกสำเร็จ เสิ่นเทียนก็จะใช้บุตรเทพโลหิตกับวิชาโคจรวิญญาณแท้คืนชีพได้เรื่อยๆ!
ห้าดินแดนจะวุ่นวายแล้วอย่างไร หายนะมาเยือนแล้วอย่างไร สังหารข้าไปคนหนึ่ง ก็ยังมีข้าอีกเป็นพันเป็นหมื่นยืนขึ้นมา
ขอแค่มีร่างแยกเยอะพอ ระเบิดชีวิตไปก็ไม่เสียเปล่าแล้ว!
…..
จากนั้น เสิ่นเทียนนึกถึงเรื่องหนึ่ง
นั่นคือเขาไม่มีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าแล้ว
มีหนึ่งพูดหนึ่ง โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าเป็นของดีในการสร้างน้ำใจให้คนจริงๆ!
ถึงโอสถเสริมสวรรค์จะใช้ได้ครั้งเดียว ไม่มีประโยชน์อะไรกับเสิ่นเทียนแล้ว แต่กินเองไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างน้ำใจให้คนอื่นไม่ได้!
ถึงอย่างไรในแหวนมิติของเขาก็ยังมีโอสถศักดิ์สิทธิ์อีกกองใหญ่ แทะก็แทะไม่หมด จะได้เอามาหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าพอดี
เจ้านี่คือยาดีต้องมีไว้ตกบุตรแห่งโชค
ถึงอย่างไรหากเจอโอรสสวรรค์แปลกหน้า เจอหน้ากันก็บอกว่า ‘ข้าเห็นว่าเจ้ามีวาสนากับข้า ไปลงดันเจี้ยนด้วยกันดีหรือไม่’
แบบนี้มันน่าเขินเกินไป ดูโฉ่งฉ่างและเสียมารยาทเกินไป!
บางทีคนอื่นอาจจะหันหน้าหนี นี่จะไม่พลาดกุยช่ายดีๆ ไปต้นหนึ่งฟรีๆ เลยหรือ แต่ถ้ามีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า สถานการณ์จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่พูดไม่จาก็ปาโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าใส่เม็ดหนึ่ง รวมกับคุณภาพด้วย ใครจะปฏิเสธสิ่งนี้ได้
ถึงอย่างไรมีมารยาทกับคนอื่นเยอะๆ ไว้ก็ไม่เสียหาย มีใครไม่ชอบสมบัติฟรีๆ บ้าง มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นโอสถเสริมสวรรค์ที่ชะล้างกระดูกได้ ยกระดับพรสวรรค์ได้
ถ้าเกี่ยวกับการยกระดับคุณสมบัติกายและการตระหนักรู้ ผู้อริยะยังไม่ปฏิเสธเลย แล้วนับประสาอะไรกับโอรสสวรรค์หนุ่มสาวพวกนั้น!
ถึงตอนนั้นอยากจะเกาะโชคลิขิต เก็บเกี่ยวกุยช่ายจะไม่ง่ายเลยหรือ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ตอนนี้จะเริ่มพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีกุย…มีบุตรแห่งโชคทยอยกันมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ
ข้าจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาโอกาสหลอมโอสถเสริมสวรรค์อีกสักหม้อ
ถึงตอนนั้นมีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าในมือ ยังต้องกลัวว่าจะไม่เกาะโชคลิขิตรึ
เสิ่นเทียนเริ่มชีวิตปิดด่านบำเพ็ญอันยาวนานและเต็มอิ่มอย่างไม่ลังเลเลย
…..
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา
เหลือวันสุดท้ายก็จะถึงพิธีใหญ่แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์
ทั้งโลกเล็กเทพสวรรค์มีผู้คนมากมาย แม้แต่ผู้อาวุโสยังพากันออกมาต้อนรับแขก นี่เป็นเหตุการณ์ที่หายาก แขกที่มาถึงยังมากกว่าพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น
คนพวกนี้ล้วนมาเพราะเสิ่นเทียน!
โลกข้างนอก เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องไปนานแล้ว!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้มีน้ำใจและความจริงใจ มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเซียนมาจุติอะไรนั่น และยังมีโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนบูรพา บุตรแห่งโชคที่สุดในประวัติการณ์เป็นต้น
ทำให้ขุมอำนาจใหญ่มากันไม่ขาดสาย การจะได้เห็นความสง่างามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากสุสานจักรพรรดิอีกาทอง
เนื่องจากคนที่ได้เห็นมหาจักรพรรดิอีกาทองในช่วงสุดท้ายมีเพียงเสิ่นเทียน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสามคนเท่านั้น
ขณะเดียวกันในคนที่ตระหนักศิลาจักรพรรดิสุริยันทั้งหมด มีเพียงเสิ่นเทียนที่ตระหนักศิลาจักรพรรดิสุริยันถึงระดับสมบูรณ์ กระทั่งสร้างปรากฏการณ์สิบตะวันค้ำฟ้า
นี่ทำให้คนจากขุมอำนาจมากมายเกิดความสงสัย!
คิดว่าเสิ่นเทียนได้เป็นผู้สืบทอดของมหาจักรพรรดิอีกาทอง สงสัยว่าจะมีเตาหลอมเทพสุริยะอยู่กับตัว กระทั่งมีคนมากมายปล่อยข่าวลือว่าเสิ่นเทียนมีอาวุธจักรพรรดิอยู่เป็นเข่งๆ ร่ำรวยมาก!
ดังนั้นคนใหญ่คนโตในห้าดินแดนพวกนั้นจึงอยากมาดูว่าเป็นความจริงหรือไม่!
ทุกอย่างนี้ไปถึงหูของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเลิกคิ้วขึ้น “ศิษย์น้อง ศิษย์หลานมีชื่อเสียงไม่เบาเลย! ด้วยบารมีของเขา เกรงว่าคงจะแซงหน้าเราสองคนไปแล้ว!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์เมื่อพันปีก่อนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้รับขนานนามว่าบุตรคู่เทพสวรรค์!
กระทั่งกล่าวได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตลอดพันปีมานี้ ได้พวกเขาสองคนเป็นคนแบก
ดังนั้น ชื่อเสียงบารมี (ชื่อเสียงชั่วร้าย) ของสองคนจึงเลื่องลือไปในห้าดินแดนนานแล้ว แต่ตอนนี้ชื่อเสียงดีงามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ตกเป็นรองบุตรคู่เทพสวรรค์ในตอนนั้นเลย กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า
อย่างเช่น…มีอาวุธจักรพรรดิเป็นเข่งอะไรนั่น!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นัยน์ตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขยับประกายเย็นชา เผยจิตสังหารออกมาอย่างพบเห็นได้ยาก
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่มีคนแอบปลุกปั่นในเงามืด อยากจะดันเสิ่นเทียนให้โดดเด่น เห็นได้ชัดว่าอยากจะดึงความสนใจของโอรสสวรรค์และผู้อาวุโสจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น
เพราะอย่างไรไม่ว่าจะมรดกมหาจักรพรรดิอีกาทองหรือเตาหลอมเทพสุริยะก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทำให้คนอิจฉาได้!
โลกบำเพ็ญเซียนเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญสุด นี่คือแผนการร้ายอย่างโจ่งแจ้ง!
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไหลหลาก ก่อนเอ่ยนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชคที่สุดในประวัติการณ์ จะไปถูกเล่ห์เหลี่ยมพวกนี้เล่นงานได้อย่างไร แน่นอน เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำ ศิษย์พี่อย่าได้เบาใจ”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเข้าใจความคิดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทันที นี่คือโอกาสดีงามที่ได้สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเสิ่นเทียน
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหัวเราะเหอะๆ “ศิษย์น้อง วีรบุรุษมักมีความคิดที่คล้ายคลึงกันจริงๆ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดไม่ออก
ไม่นานนัก คนใหญ่คนโตจากห้าดินแดนพวกนั้นก็ทยอยกันมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนขี่สายรุ้งเทพมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับนักพรตชรา
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไกลโพ้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ…
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสชั้นสูงจากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์พากันปรากฏกาย
ในผู้แข็งแกร่งพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักเก่ากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต มีหลายคนเคยประมือกันอย่าง ‘สูสี’
นอกจากพวกเขาแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์จากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ทยอยกันโผล่มา
บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน บุตรศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีขู่ตัว…
พวกคนรู้จักเก่าของเสิ่นเทียนมากันครบ
…..
“ยินดีกับสหายหลงหยวนด้วยที่ได้ศิษย์ดี! บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นมังกรในหมู่ชนจริงๆ ยังไม่เข้าพิธีใหญ่ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดนแล้ว! ลองดูสิว่าในห้าดินแดนแห่งนี้ มีใครไม่รู้จักบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน