บทที่ 414 งานประมูลเทพสวรรค์!
เมื่อเห็นโยวอิ่งที่ถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พันเป็นหมูสามชั้นแล้ว เหล่าผู้อริยะต่างโล่งอก
ยังดี ถือว่าจับมารร้ายนี่ได้แล้ว
….
ขุมอำนาจใหญ่รู้ว่าลัทธิวิญญาณร้ายมีอำนาจคุกคามสูงมาก เพียงแต่ว่าพวกเขาซ่อนในเงามืดมาตลอด ระมัดระวังและอยู่เงียบเชียบ
ดังนั้นต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่จะล้อมปราบลัทธิวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาตลอด แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
แต่ตอนนี้ อริยะแท้จากลัทธิวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บุกมาทำชั่วถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
กำเริบเสิบสานเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวขึ้นมา!
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดี!
ลัทธิวิญญาณร้ายสืบต่อกันมายาวนาน ไม่มีใครรู้ว่ามันแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่!
แต่มีจุดหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย!
หากลัทธิวิญญาณร้ายก่อสงคราม จะต้องเป็นเคราะห์ภัยครั้งใหญ่แน่นอน
ไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์ใดไม่ข้องเกี่ยวด้วย สิ่งมีชีวิตทั้งห้าดินแดนจะสูญสิ้น!
จากปากของโยวอิ่งจึงได้รู้ว่ากองทัพวิญญาณร้ายต่างแดนจะมาถึงห้าดินแดนในอีกไม่ช้าแล้ว นี่ทำให้ผู้อริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายอดเป็นกังวลมิได้ “เคราะห์ภัยกำลังจะมาถึงแล้ว!”
…..
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ “สหายทุกท่าน ประมุขวิหารวิญญาณร้ายถูกปราบแล้ว พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ยังดำเนินต่อไปตามปกติ”
ผู้อริยะทุกคนตั้งสติกลับมา ก่อนจะมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
เห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาแล้ว เหล่าผู้อริยะต่างปลงอนิจจังจากใจ
“ครั้งนี้ดีที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสติปัญญาและคุณธรรมสูงส่ง เผาต้นกำเนิดจับประมุขวิหารวิญญาณร้ายนั้นไว้ พวกเราละอายใจเหลือเกิน”
ทุกคนตกตะลึงกับศักยภาพของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผงาดมาพันปี กลับมีศักยภาพสูงส่งไม่อาจคาดเดา แม้แต่ผู้อริยะเก่าแก่ยังละอายใจเทียบไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จับโยวอิ่งไว้ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเจ้าอริยะส่วนใหญ่ของเขา เกรงว่าคงจะไม่มีใครจับเจ้านี่ไว้ได้
ถึงตอนนั้น ผู้อริยะทุกคนคงจะขายหน้ายับเยิน!
มิหนำซ้ำคนนี้ยังเป็นภัยแฝงร้ายแรง หากเขาหนีไปได้จะกลายเป็นฝันร้ายของทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่
การถูกผู้แข็งแกร่งลัทธิวิญญาณร้ายระดับอริยะแท้หกด่านเคราะห์ ทั้งยังมีความสามารถอำพรางแกร่งยิ่ง รวดเร็วสูงสุดคนหนึ่งหมายตา ต่อให้เป็นผู้อริยะยังก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ!
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “เทียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ข้า และยังเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!
กล้าทำร้ายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ต่อให้ข้าต้องเสียต้นกำเนิดพลังทั้งหมดก็จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด! ขณะเดียวกัน ศิษย์ทุกคนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ข้าก็มีหน้าที่ปกป้องพวกเขาเช่นกัน!
หากสาวกวิญญาณร้ายมารุกรานศิษย์ฝ่ายข้า ข้าจะสู้จนเลือดหยดสุดท้าย!
เทพสวรรค์ไม่สูญสิ้น ปณิธานอันยิ่งใหญ่คงอยู่ยืนนาน!”
……
เทพสวรรค์ไม่สูญสิ้น ปณิธาณยิ่งใหญ่คงอยู่ยืนนาน!
โอรสสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นได้ยินเช่นนั้นก็ใจสั่นสะท้าน
จากนั้นก็เกิดความอิจฉาจากใจจริง
“ดี เทพสวรรค์ไม่สูญสิ้น ปณิธานยิ่งใหญ่คงอยู่ยืนนาน!”
“นี่คืออาจารย์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ รักเลยๆ!”
“ถือหางมาก เผาต้นกำเนิดปกป้องศิษย์ฝ่ายตัวเองโดยไม่เสียดายเลย!”
“มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ นี่เป็นโชคของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”
“หันมาดูเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราสิ วันๆ เอาแต่หาทางเก็บค่าสอนจากเรา เทียบไม่ได้เลย!”
“เฮ้อ น้องสาวข้าถึงอายุบำเพ็ญเซียนแล้ว จะต้องหาทางส่งนางมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีคนคุ้มกะลาหัวแล้ว!”
“พูดถูก หากเกิดกลียุคขึ้นมาจริงๆ อยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังมีทางรอดมากกว่าอีก”
……
เวลานี้ โอรสสวรรค์มากมายต่างมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาด้วยความคับแค้นใจ
สายตาเล็กๆ นั้นเหมือนกำลังบอกว่าดูเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นเขาสิ!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคนมุมปากกระตุก เหมือนนั่งบนผ้าเข็ม
รู้สึกว่าในอนาคตอันยาวไกลนี้ แหล่งกำเนิดศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตน คงจะต้องหมดลงแล้ว!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแบะปาก “ศิษย์น้องเฒ่าเจ้าเล่ห์ เอาอีกแล้ว!”
เขาจะไม่รู้ความคิดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้อย่างไร ปกติจะกรอกน้ำต้มไก่ให้ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ตนยังไม่เท่าไร เพราะเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคืออยากจะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเสิ่นเทียน!
แต่จะเห็นได้ชัดว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
เสิ่นเทียนรู้สึกอบอุ่นในใจ จึงนำขวดหยกเลี่ยมทองสองขวดส่งให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
“อาจารย์ ข้ามีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่งกับสามประกายวารีเทพอยู่ ฟื้นฟูต้นกำเนิดที่เสียไปของท่านได้!”
ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “เทียนเอ๋อร์มีน้ำใจ อาจารย์ไม่เป็นไร แค่เสียไปนิดหน่อย ฟื้นสักสองสามวันก็กลับมาเป็นปกติ เจ้าเก็บของเหลวเทพไว้เองเถอะ!”
เสิ่นเทียนโค้งตัวกล่าว “อาจารย์ ท่านทำเพื่อปกป้องศิษย์ เผาต้นกำเนิดอย่างไม่เสียดายเพื่อสู้กับเดรัจฉานวิญญาณร้าย ศิษย์มีพลังบำเพ็ญไม่มากพอ ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่ช่วยคิดอย่างสุดความสามารถ หวังว่าอาจารย์จะไม่ปฏิเสธ!”
“เทียนเอ๋อร์ ไม่เป็นไรจริงๆ!”
“อาจารย์ ช่วยรับไว้เถอะ!”
“โอสถศักดิ์สิทธิ์เยียวยาระดับนี้ เทียนเอ๋อร์เจ้าเก็บไว้เองเถอะ!”
“อาจารย์ ศิษย์ยังมีของเช่นนี้อีกมาก ท่านไม่ต้องเกรงใจ!”
….
ของนี้ ศิษย์ยังมีอีกเยอะ~
การบอกปัดกันไปๆ มาๆ ทำให้เหล่าผู้อริยะตาแดง
นั่นคือของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่งกับสามประกายวารีเทพเชียวนะ!
ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอาจจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าหน่อย แต่ก็มีจำนวนมากพอจะเติมเต็มเรื่องคุณภาพ!
ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่ง มากพอจะฟื้นอาการบาดเจ็บต้นกำเนิดหลายครั้ง มิหนำซ้ำยังมีสามประกายวารีเทพที่ล้ำค่ายิ่งกว่า นั่นคือสมบัติสุดยอดในการเยียวยาที่เป็นที่ยอมรับ!
สมบัติสุดยอดเช่นนี้มีประโยชน์กับผู้อริยะอย่างมาก รักษาต้นกำเนิดมหามรรคได้!
หากเอาไปไว้โลกภายนอก ก็มากพอจะทำให้ยอดฝีมือเหลือคนานับแย่งชิงกัน!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ
เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านคนอื่นถึงร่ำรวยเช่นนี้
มองไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านตน เหล่าผู้อริยะอดส่ายหน้ามิได้!
เฮ้อ คนเทียบคนมันช่างน่าโมโหจริงๆ!
ไอ้เด็กยากจนพวกนี้ ไม่มีเงินแล้วจะฝึกบำเพ็ญเซียนอะไร
……
เมื่อเห็นภาพอาจารย์เมตตาศิษย์กตัญญูแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมองตาโตแล้ว
ต้องบอกว่าการกรอกน้ำต้มไก่และแลกความรู้สึกดีๆ นั้น เขายังห่างชั้นจากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีกไกล
นักพรตชราพูดด้วยความคับอกคับใจ “ศิษย์หลาน ข้าเองก็ออกแรงไปตั้งมากเพื่อจะจับประมุขวิหารวิญญาณร้ายนั่นนะ! เจ้าหนูนั่นมีศักยภาพเหนือชั้น ดิ้นรนต่อต้านอย่างคลุ้มคลั่ง
ข้าเสียพลังปราณเดิมไปมหาศาลกว่าจะปราบมันได้ เหนื่อยจะตายแล้ว เจ้าว่าควรจะให้โอสถเสริมสวรรค์กับข้าสักสิบเม็ดแปดเม็ดได้หรือไม่ ให้ข้าฟื้นพลังหน่อยน่ะ!”
ทุกคนพูดไม่ออก
ฉายาบัวมรกตไม่ได้มาเพราะเล่นๆ จริงๆ ความหนาของหนังหน้าไม่มีใครเทียบได้!
ยังจะมาใช้พลังปราณเดิมไปมหาศาลอีกรึ
เจ้านักพรตแก่ แค่เคาะกระบองใส่ข้างหลังคนอื่นเขาไม่ใช่รึ
พลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัสอะไรกัน
หรือว่ากระบองนั่นของเจ้าไม่แข็งพอ ทุบจนหักแล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าก็ไม่ไหวแล้วกระมัง!
…..
เสิ่นเทียนเอ่ยด้วยใบหน้าจนปัญญา กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อาจารย์ลุง อย่าล้อเล่นสิ แค่ทุบกระบองเดียว เหตุใดท่านถึงพูดเหมือนผ่านศึกใหญ่สะท้านฟ้าอะไรขนาดนั้น!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหน้าแดงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ปกปิดเอาไว้ “ข้าบาดเจ็บภายใน ไม่ชัดเจน ข้าบาดเจ็บภายในแล้ว หากไม่ได้โอสถเสริมสวรรค์มาเยียวยา เกรงว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ศิษย์หลานเจ้าจะยอม…”
ยังพูดไม่จบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ ปล่อยโซ่อัสนีออกมาจับเขาไป!
“ศิษย์น้องรอเดี๋ยว ข้ายังพูดไม่จบนะ! ศิษย์หลาน เช่นนั้นแค่เก้าเม็ดก็ได้! แปดเม็ด เจ็ดเม็ด หกเม็ด ห้าเม็ดก็ได้! อู้ๆๆ~”
อัสนีเทพกำเนิดฟ้ารวมเป็นลักษณะผ้า ก่อนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะยัดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ทันใดนั้น เส้นผมของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ตั้งขึ้น
คำพูดขยะมากมายนั้นพลันสะอาดขึ้นทันตา
เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถูกลากไปแล้ว ผู้อาวุโสมากมายของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่างโล่งอก
อืม เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทำดี!
จะให้เจ้านี่พูดต่อไปไม่ได้แล้ว น่าขายหน้าจริงๆ!
ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อันยิ่งใหญ่ก็ต้องมีเกียรติ!
……
หลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถูกลากไปข้างๆ แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาปรากฏข้างกายเสิ่นเทียน คุ้มกันให้เขา
เสิ่นเทียนเก็บหม้อจักรพรรดิชิงไป ก่อนนำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าสิบเม็ดออกมาให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
“อาจารย์ โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าสิบเม็ดนี้ ศิษย์ขอมอบให้แดนศักดิ์สิทธิ์”
ชาวบ้านไม่มีความผิดแต่ซวยเพราะมีสมบัติ เสิ่นเทียนเข้าใจในคำนี้ดี
มีคนเห็นเขาหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ามากขนาดนี้ หากเก็บไว้กับตัวทั้งหมด จะต้องถูกหมายตาแน่
ผู้แข็งแกร่งระดับอริยะพวกนั้นภายนอกดูไม่สนใจ แต่จะต้องคิดอะไรในใจแน่
ถึงอย่างไรโอสถเทพเช่นนี้ก็เหนี่ยวนำเคราะห์อัสนีกำเนิดฟ้าได้
มากพอจะทำให้ผู้อริยะมากมายยอมเสี่ยง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน