บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 419

บทที่ 419 จักรพรรดิฮวงสือ ชี้แนะด้วยตัวเองรึ

ชั่วขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับคำพูดของราชันนักรบ ก็มีร่างคนหนึ่งวิ่งออกมา “ท่านอาราชันนักรบ!”

ใช่ คนนั้นคือองค์หญิงหลิงหลง!

นางเป็นองค์หญิงราชวงศ์เซียนต้าฮวง ย่อมออกมาต้อนรับราชันนักรบ

“องค์หญิง ท่านแอบหนีออกมาครั้งนี้ ฝ่าบาทองค์จักรพรรดิสือทรงโกรธมากนะ!”

เมื่อเห็นองค์หญิงหลิงหลง ราชันนักรบก็แสร้งพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

หลังจากเรื่องเกาะมหานทีครั้งก่อน องค์หญิงหลิงหลงแอบหนีออกไป ไม่นึกเลยว่าจะมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ต้องรู้ว่าองค์หญิงหลิงหลงมีฐานะสูงส่ง หากเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีใครรับผิดชอบได้!

องค์หญิงหลิงหลงแลบลิ้น ก่อนจะพูดออดอ้อน “ท่านอาราชันนักรบ หลิงหลงสำนึกผิดแล้ว”

ราชันนักรบส่ายหน้าพลางยิ้มแห้ง ความเคร่งขรึมบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นความรักเอ็นดู

เขาวางมาดกับชนรุ่นหลังคนนี้ไม่ได้

องค์หญิงหลิงหลงเป็นองค์หญิง ไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์สูงส่ง แต่ยังฉลาดหลักแหลม เป็นที่รักของผู้แข็งแกร่งราชวงศ์เซียนต้าฮวงทุกคน

ราชันนักรบก็ไม่เว้น!

…..

“ไม่สิ เหตุใดคุณสมบัติกายขององค์หญิงถึงเปลี่ยนไป”

ทันใดนั้นเอง ราชันนักรบก็พบว่าคุณสมบัติกายขององค์หญิงหลิงหลงเหมือนจะเปลี่ยนไป

ตอนนี้คุณสมบัติกายนางแกร่งกว่าเมื่อก่อน แม้แต่พลังบำเพ็ญยังพัฒนาขึ้นอย่างมาก

นี่ทำให้ราชันนักรบต้องตกใจ

พึงรู้ไว้ว่าคุณสมบัติกายขององค์หญิงหลิงหลงคือกายศักดิ์สิทธิ์สุดยอด ตอนนั้นที่ประสูติ จักรพรรดิสือยังดีใจมาก

นี่คือคุณสมบัติกายที่ฟ้ากำหนดมา ปกติจะไม่อาจปรับแก้ได้ แต่ตอนนี้กายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรขององค์หญิงหลิงหลงไม่ใช่แค่เกิดการผลัดเปลี่ยน แต่ยังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นี่มันน่าเหลือเชื่อ

ต้องรู้ว่าตั้งแต่ที่นางหายตัวไปจนถึงตอนนี้ เพิ่งจะผ่านไปเดือนกว่าเอง!

“ศักยภาพของหลิงหลงยกระดับขึ้น ก็เพราะโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าของพี่เสิ่นเทียน!”

องค์หญิงหลิงหลงหน้าแดงเล็กน้อย ชำเลืองตามองเสิ่นเทียนตามจิตใต้สำนึก

“เสิ่นเทียนรึ โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ารึ”

ราชันนักรบเกิดความสนใจขึ้นมาในใจ

ไม่นานนัก องค์หญิงหลิงหลงก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด

ราชันนักรบตัวสั่นสะท้าน อดพูดปลงอนิจจังมิได้ “ไม่อยากเชื่อว่าโลกจะมีโอสถมหัศจรรย์เช่นนี้”

องค์หญิงหลิงหลงย่อมไม่พูดโกหกเขา แม้แต่ผู้อริยะยังได้ประโยชน์ โอสถเทพเช่นนี้ ช่วงชิงโชควาสนาได้

…..

ราชันนักรบเพ่งสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่ที่ใด”

เสิ่นเทียนก้าวออกมา ป้องมือกล่าว “ขอคารวะผู้อาวุโสราชันนักรบ ผู้เยาว์เสิ่นเทียน!”

ราชันนักรบมองเสิ่นเทียนที่หน้าตาดั่งหยก หล่อเหลาอย่างยิ่งตรงหน้า พลางแอบตกใจเงียบๆ มิได้

เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาหล่อเหลา ไม่ด้อยไปกว่าข้าตอนหนุ่มๆ เลย

เขาพูดนิ่งๆ “สหายน้อยมีพรสวรรค์เหนือธรรมดาจริงๆ ข้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์เซียนต้าฮวง มาแสดงความยินดีที่สหายน้อยดำรงตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่อไป”

เมื่อได้ฟังคำพูดของราชันนักรบ ผู้อริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ พากันร้องอุทาน

พวกเขาเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ!

ราชวงศ์เซียนต้าฮวงส่งราชันนักรบระดับเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์มาแสดงความยินดีพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ!

นี่คือเกียรติยศเพียงใด

ลองถามดูว่าในห้าดินแดนนี้ มีบุตรศักดิ์สิทธิ์ใดได้รับเกียรติเช่นนี้บ้าง แต่ด้วยพรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็คู่ควรกับเกียรตินี้เช่นกัน

ถึงอย่างไรในตอนนี้ ทุกคนก็ต่างยอมรับในพรสวรรค์สูงสุดที่เสิ่นเทียนแสดงออกมาแล้ว

ไม่ใช่แค่ใช้ค้อนเดียวทุบอริยะแท้ปลิวไป ทั้งยังหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าที่ทำให้ผู้อริยะได้ประโยชน์ได้อีก พรสวรรค์เช่นนี้ ลองถามดูว่ามีรุ่นเยาว์ที่ใดทำได้บ้าง

ไม่มีใครเทียบได้เลย!

เสิ่นเทียนยิ้มเรียบๆ “ผู้อาวุโสราชันนักรบชมเกินไปแล้ว!”

ถึงอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์ เสิ่นเทียนก็ต้องถ่อมตัวมาก

ราชันนักรบพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่โอหังไม่บุ่มบ่าม จิตใจสุกงอม สมกับเป็นมังกรในหมู่มนุษย์! ข้ามาครั้งนี้ นอกจากประกาศคำสั่งของจักรพรรดิฮวงสือแล้ว ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเจ้าด้วย!”

“ข้ารึ”

เสิ่นเทียนทำหน้ามึนงง มาหาข้าเพื่ออะไร

แม้ข้าจะมีพรสวรรค์พรั่งพรู มีสติปัญญาและความกล้าหาญ แต่ก็ไม่ถึงกับให้คนใหญ่คนโตอย่างราชันนักรบมาหากระมัง!

“เล่าลือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีพรสวรรค์เลิศล้ำ ท่านจักรพรรดิจึงเอ่ยถึงในประกาศรับสั่งเป็นพิเศษ หวังว่าสหายน้อยจะเดินทางไปศึกษาที่สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย! ท่านจักรพรรดิยินดีที่จะชี้แนะสหายน้อยด้วยตนเอง”

ราชันนักรบดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจตื่นตกใจจริงๆ

พึงรู้ไว้ว่าจักรพรรดิฮวงสือมีฐานะสูงสุดในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย

พันปีมานี้คนที่ได้รับการชี้แนะจากจักรพรรดิฮวงสือได้มีเพียงสือเทียนจื่อผู้มีดวงตาดำซ้อนกันและกระดูกจักรพรรดิคนนั้นแห่งราชวงศ์เซียนต้าฮวง

นั่นคือผู้สูงส่งหนุ่มที่เชิดหน้าทระนงในหมู่ชน เรียกได้ว่าเป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของดินแดนกลาง มีเพียงเขาที่จะมีคุณสมบัติฝึกบำเพ็ญตามจักรพรรดิฮวงสือ

แต่ตอนนี้จักรพรรดิฮวงสือกลับมีรับสั่ง จะชี้แนะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่อยู่ห่างไกลถึงดินแดนบูรพาและยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนอีก

นี่ทำให้ราชันนักรบไม่เข้าใจเลย

ผู้อริยะทุกคนตกใจยิ่งกว่า อึ้งค้างอยู่กับที่

นั่นคือจักรพรรดิฮวงสือผู้ยิ่งใหญ่นะ!

ผู้อยู่สูงสุดในห้าดินแดน!

การคงอยู่ระดับนั้นกลับเอ่ยปากเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย และยังชี้แนะด้วยตนเอง!

ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกตะลึง!

ส่วนโอรสสวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นตกใจยิ่งกว่า พากันร้องอุทาน

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ คือผู้วิเศษที่สุดแห่งยุคจริงๆ!

ข้าไม่อาจเทียบได้เลย!

การได้รับการชี้แนะจากจักรพรรดิฮวงสือถือเป็นเกียรติยศสูงสุด มากพอจะให้คุยโม้ได้พันปี!

…..

เสิ่นเทียนกลับไม่ดีใจ และยังเป็นกังวลนิดๆ ด้วย

เกิดอะไรขึ้น

หรือว่าชื่อเสียงบารมีของข้าจะไปถึงหูจักรพรรดิฮวงสือ

นี่ไม่ใช่เรื่องดี!

แม้แต่ระดับอย่างจักรพรรดิฮวงสือยังรู้จักข้า!

แล้วสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนั้นจะไม่หมายตาข้ารึ

ดูท่าช่วงนี้คงจะเที่ยวเตร่เกินไปหน่อย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมานิดๆ!

แม้บอกว่าเขาฝึกคัมภีร์เทพโลหิตบทล่างสำเร็จแล้ว ควบคุมวิชาโคจรวิญญาณแท้ ถึงร่างจริงจะถูกสังหารก็ย้ายวิญญาณแท้ไปร่างแยกได้ในพริบตา อาศัยร่างแยกคืนชีพกลับมา เว้นแต่อีกฝ่ายจะสังหารร่างแยกทั้งหมดของเสิ่นเทียนในพริบตา ไม่เช่นนั้นเขาก็มีกายเป็นอมตะ

การควบคุมวิชาเช่นนี้ ถึงจะไม่พอให้ทุบตีผู้แข็งแกร่งห้าดินแดน แต่เท้าเปล่าก็ไม่กลัวคนสวมรองเท้า

มองไปในห้าดินแดน มีกี่คนกันที่คุกคามถึงชีวิตเสิ่นเทียนได้จริงๆ

แต่ก็จนปัญญาเพราะโลกนี้ไม่สงบเอาเสียเลย มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย

จะมีคนควบคุมพลังพิเศษกำราบการคงอยู่ของคัมภีร์เทพโลหิตได้หรือไม่ จุดนี้ เสิ่นเทียนไม่กล้ามั่นใจเลย!

เพราะอย่างไรห้าดินแดนก็เป็นเพียงโลกข้างล่าง แต่โลกเซียนเป็นสิ่งที่ผิดปกติมากสำหรับมุมมองของโลกนี้

หอคอยเทพสงครามเอย เขตดาราเบิกฟ้า ในสนามรบบรรพกาล…

สิ่งแปลกประหลาดต่างๆ มีไม่รู้เท่าไร เกิดมีตัวที่เป็นปฏิปักษ์คัมภีร์เทพโลหิตล่ะ!

เสิ่นเทียนคิดว่าให้มั่นคงกว่านี้หน่อยจะดีกว่า เพิ่มศักยภาพให้เร็วที่สุด มีเพียงตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะไม่ต้องสนใจอำนาจคุกคามพวกนี้

เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนรอบๆ ต่างอดร้องอุทานมิได้

การที่เอาทรัพย์สินมากขนาดนี้มาสร้างเรือเหาะอาวุธอริยะได้ เกรงว่าคงมีแต่ราชวงศ์เซียนต้าฮวงที่ทำได้!

การเดินทางไปสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยครั้งนี้ ย่อมไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่ใช่แค่มีอาวุธอริยะที่มีการป้องกันแกร่งเช่นนี้เท่านั้น แต่ยังมีราชันนักรบที่เป็นเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์ไปด้วย!

โจรชั่วปกติไม่กล้าบุกมาแน่นอน!

“ออกเดินทาง!”

เสียงของราชันนักรบดังขึ้น เรือเหาะกลายเป็นสายรุ้งยาวสว่างจ้าพุ่งเข้าไปในมวลอากาศ เดินทางไปสู่ดินแดนกลาง

…..

ดินแดนกลาง กลางตำหนักศักดิ์สิทธิ์

วิหารใหญ่เปล่งแสงสีทองยิ่งใหญ่ เหมือนกับแดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายพุทธ

รอบๆ เป็นวัตถุของฝ่ายพุทธ พระพุทธรูปกายทอง เบาะทรงกลมและมู่อวี๋เป็นต้น

เพียงแต่ว่าสมบัติวิเศษฝ่ายพุทธพวกนี้กลับปนเปื้อนด้วยแสงสีดำ ไม่เห็นกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย

มีพระพุทธรูปกายทองดวงตาแดงฉาน รวดเร็วและดุดันอย่างยิ่ง และมีพระพุทธรูปไม่เห็นแสงทอง ดำสนิท แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมา

ดังนั้น ที่นี่จึงไม่เหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายพุทธเลย แต่เหมือนแดนแห่งมารร้ายมากกว่า และบนเบาะกลมสีดำนั่นมีร่างคนที่ดูชั่วร้ายอย่างยิ่งนั่งอยู่

ด้านหนึ่งเป็นแสงสีดำลึกล้ำ อีกด้านเป็นแสงสีทองสว่างจ้า เป็นทั้งพุทธและมาร พุทธมารรวมเป็นหนึ่งเดียว

นี่ก็คือเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงแห่งลัทธิวิญญาณร้าย!

เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงพลันลืมตาขึ้น ดวงตายิงประกายแสงสีแดงฉาน เฉียบคมอย่างยิ่ง

แต่กลิ่นอายพลังเขากลับเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย เห็นได้ชัดว่าศักยภาพลดลง

“เสิ่นเทียนสมควรตาย ไม่อยากเชื่อว่าจะทำลายร่างกฎของข้าไปสองร่างติดกัน!”

ตั้งแต่ที่ร่างอนาคตของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงสิ้นลงกลางแสงกระบี่สะท้านโลกนั้น แม้แต่ร่างหลักยังบาดเจ็บสาหัส

เขาฝึกอยู่เงียบๆ มาเดือนหนึ่ง จนถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บเพิ่งจะทรงตัว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ศักยภาพของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงก็ยังไม่ฟื้นกลับมาดังเดิม

เสียร่างกฎไปสองร่างติดต่อกัน ไม่ใช่แค่ทำให้ศักยภาพของเขาลดลงหลายขั้น แต่ยังเสียพลังบำเพ็ญไปพันปี กระทั่งการฝึกวิชากายไตรภูมิยังติดขัดอย่างใหญ่หลวง!

เดิมทีเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงคิดจะฝึกกายไตรภูมิให้ถึงจุดสูงสุดแล้วหลอมรวมเป็นร่างเดียว แบบนั้นบางทีอาจจะทำให้พลังบำเพ็ญเขาพัฒนาไปอีกขั้น ไปถึงขอบเขตที่ไม่เคยไปมาก่อน

หากไม่มีตกตะกอนหลายพันปี ปกติจะก้าวหน้าไปไม่ได้

ต่อให้รวมสองร่างกฎใหม่ก็ต้องใช้ทรัพยากรและกำลังวังชาจำนวนมาก

นี่จะไม่ให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงแค้นได้อย่างไร

แต่เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงก็รู้ว่าเจ้าเด็กเสิ่นเทียนนี่ประหลาดเกินไป

ร่างอดีตไปจัดการเสิ่นเทียน ปรากฏว่าถูกซากหอคอยทับตาย แม้แต่กองทัพใหญ่ลัทธิวิญญาณร้ายยังแตกพ่ายกันหมด!

ระหว่างทางที่ร่างอนาคตไปจัดการเสิ่นเทียน จู่ๆ ก็ถูกกระบี่ทำลายล้าง

และทุกอย่าง เกิดขึ้นเพราะไปจัดการเสิ่นเทียน

นี่ทำให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงจริงจังอย่างยิ่ง

หากเขาไปจัดการเสิ่นเทียนอีก หากเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้น นั่นต้องตายจริงๆ แน่

เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงสาบานเงียบๆ “เสิ่นเทียน รอข้าฝึกกายไตรภูมิใหม่ก่อน นั่นคือวันตายของเจ้า!”

เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงตัดสินใจว่าเมื่อกำลังรบเขาฟื้นกลับมาเมื่อไรจะไปแก้แค้นเสิ่นเทียน

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะปล่อยเสิ่นเทียนไป

…..

“ในเมื่อเช่นนั้น ข้าก็จะไปเก็บดอกเบี้ยจากคนในครอบครัวเจ้าก่อน ราชวงศ์อาณาจักรต้าเหยียน องค์ชายสิบสามรึ หึๆ รอก่อนเถอะ!”

เสียงหัวเราะเยาะของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงดังไปทั้งตำหนักใหญ่!

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน