บทที่ 439 เพิ่งจะรวมกลุ่มก็หายตัวไปแล้ว! (2)
สวีอันใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมทีสถานการณ์นี้ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง!
แต่ฉีจ้านออกมืออย่างแกร่งกล้า กำราบประมุขวิหารมายาอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์
เหมือนแสงอรุณในคืนมืด ทำให้พวกเขาเห็นความหวัง!
ทุกคนโห่ร้องด้วยความดีใจ เฝ้ารอให้ฉีจ้านกำราบประมุขวิหารมายาลง
ฉีจ้านยิ้มแป้น มองประมุขวิหารมายาจากเบื้องบน “เจ้ามีศักยภาพแค่นี้รึ ข้ายังไม่ทันได้อุ่นเครื่องเลย! เจ้าลูกวิญญาณร้าย ยังไม่รีบเปิดค่ายกลอีก!”
เมื่อพูดจบ ฉีจ้านก็พุ่งเข้าไปอีกครั้ง โจมตีใส่ประมุขวิหารมายา!
เมื่อสัมผัสถึงอำนาจคุกคามความตาย ประมุขวิหารมายาหน้าเปลี่ยนสีไป
เขาตะโกนเสียงดัง “ท่านเจ้าอริยะช่วยข้าด้วย!”
……………………..
ทันใดนั้นเอง มีอำนาจเทพมหาศาลแผ่มาจากส่วนลึกของวิหารมายา
กลิ่นอายพลังพุ่งทะลักออกมา สั่นสะเทือนฟ้าดิน
แสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากวิหาร สีสันหลากสีถึงที่สุด เหมือนกับดาวลากผ่านเส้นขอบฟ้า!
บึ้ม!
ประกายไฟพลันกระแทกใส่กระบองตามใจนึก กระแทกฉีจ้านกระเด็นออกไป
ฉีจ้านถอยกรูดออกไป เหยียบอากาศแตกไปหลายร้อยลี้ถึงหยุดลง
สองมือเขาสั่นไหว ง่ามมือปริแตก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใครกันทำตัวลึกลับอยู่ตรงนั้น ไม่อยากเชื่อว่าจะลอบโจมตีข้า”
ครืน!
อานุภาพชั่วร้ายระเบิดกระจาย!
ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
เขาเหยียบอากาศ มิติรอบตัวพากันแตกร้าว
นั่นคือชายชราคนหนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีแดงเพลิง และยังมีไฟชั่วร้ายสีแดงคล้ำวนเวียน
ไฟชั่วร้ายรอบตัวเขาไม่มีสิ้นสุด เผาห้วงอากาศกลายเป็นความว่างเปล่า น่ากลัวอย่างยิ่ง
กลิ่นอายพลังมหาศาลหมุนม้วนไปรอบๆ ทำให้ทุกคนเหมือนถูกภูเขาเทพบรรพกาลกระแทกใส่หน้าอก หายใจไม่ออกเลย!
คนนี้มีศักยภาพน่ากลัวอย่างยิ่ง!
แม้แต่ผู้อริยะยังอ่อนยวบไปทั้งตัว แทบจะล้มลงกับพื้น ส่วนคนที่พลังบำเพ็ญอ่อนแอถึงกับหมดสติไปเลย
สวีอันหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน ปากพูดพึมพำไม่หยุด “ไม่อยากเชื่อว่าลัทธิวิญญาณร้ายจะมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้”
“คราวนี้ตายแน่!”
“เป็นเจ้าอริยะ อำนาจคุกคามระดับเจ้าอริยะ!”
“ต่อให้อันดับหนึ่งฉีจ้านจะแกร่งกว่านี้ก็ไม่มีทางสู้กับเจ้าอริยะไร้พ่ายได้!”
เมื่อคนนี้ปรากฏตัวก็ทำให้ความหวังของทุกคนที่เพิ่งผุดขึ้นทลายลงทั้งหมด!
……
ประมุขวิหารมายาทำหน้าดีใจ “ท่านเจ้าอริยะเสียหั่ว รีบสังหารเจ้านี่เถอะ มันเป็นอันดับหนึ่งสำนักอสูรจี้เซี่ย! ฆ่ามันแล้ว ราชวงศ์เซียนต้าฮวงยังต้องปวดใจ!”
ประมุขวิหารมายาเผยแววตาเหี้ยมโหดยิ่ง การแพ้ฉีจ้านทำให้เขารู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง!
เมื่อครู่หากไม่มีเจ้าอริยะเสียหั่วอยู่ บางทีเขาอาจจะนองเลือดคาที่ไปแล้ว
ประมุขวิหารมายาแค้นฉีจ้านที่สุด อยากจะสังหารเขาเดี๋ยวนี้เลย
เจ้าอริยะเสียหั่วแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “ขยะ เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้! ไม่อยากเชื่อว่าต้องให้ข้าออกมือ”
การเซ่นไหว้โลหิตเมืองทะเลบูรพาครั้งนี้ก็ได้เจ้าอริยะเสียหั่วเป็นคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง
ไม่นึกเลยว่าประมุขวิหารมายาไม่ใช่แค่ทำเสียแผน แต่ยังแพ้ให้กับรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ขายหน้าลัทธิวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หมด
พอได้ยินเจ้าอริยะเสียหั่วด่าทอ ประมุขวิหารมายาก็หดคอ เผยแววตาหวาดกลัว
เขาเป็นเพียงประมุขวิหารมายาสามสิบหกวิหารลัทธิวิญญาณร้าย แต่เจ้าอริยะเสียหั่วเป็นผู้อาวุโสลัทธิวิญญาณร้าย ไม่ว่าจะศักยภาพหรือฐานะ ประมุขวิหารมายาก็ยังเทียบกับเจ้าอริยะเสียหั่วไม่ได้เลย
ต่อให้ถูกเจ้าอริยะเสียหั่วด่าทอ เขาก็ไม่กล้าไม่พอใจเลยสักนิด
เขาทำได้แค่เอาความแค้นไปลงที่ฉีจ้าน
หากไม่มีมันออกมือ จะไปทำให้แผนการที่ลัทธิวิญญาณร้ายเตรียมการมาหลายปีป่วนไปหมดได้อย่างไร
ฉีจ้านกำกระบองนักรบในมือแน่น “เจ้าอริยะเสียหั่วแห่งวิหารวิญญาณร้ายรึ”
ชื่อเสียงของคนนี้ไม่เบาเลย!
ลัทธิวิญญาณร้ายมีเจ็ดผู้อาวุโส ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าอริยะ
เจ้าอริยะเสียหั่วเป็นเจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์ มีศักยภาพแข็งแกร่งมาก!
เมื่อเห็นเจ้าอริยะเสียหั่ว ฉีจ้านพลันมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ
ไม่นึกเลยว่าในรังลัทธิวิญญาณร้ายจะซ่อนตาแก่คนนี้ไว้อยู่!
การคงอยู่ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านได้ รับมือได้ยาก!
เจ้าอริยะเสียหั่วมองฉีจ้านพลางพูดด้วยความน่ากลัว “ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นแค่ลิงน้อย! ได้ยินว่าสมองลิงของเผ่าวานรอัคคีเนตรทองเป็นอาหารบำรุงชั้นเลิศ! วันนี้ข้าจะต้องลิ้มลองสักหน่อยแล้ว!”
เจ้าอริยะเสียหั่วทำหน้าเหี้ยมเกรียม แลบลิ้นเลียมุมปาก
ใบหน้าชั่วร้ายนั้นทำให้คนตกใจจนตับแตกได้
ฉีจ้านโมโหจัด มือกำกระบองตามใจนึกแน่น ก่อนจะฟาดใส่เจ้าอริยะเสียหั่ว
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังด่าทอออกไป
“ไปกินมารดาเจ้าเถอะ! ข้าจะทุบหัวสุนัขเจ้า!”
ฉีจ้านควงกระบองเทพ สำแดงวิชากระบองตามใจนึกออกมาเป็นเงามายาหมื่นจั้ง สั่นสะเทือนฟ้าดินแตก!
ชั่วพริบตาเดียว ท้องนภาถูกเงากระบองไม่มีสิ้นสุดปกคลุม พลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดิน
ประมุขวิหารมายาเผยแววตาตื่นกลัว เขารู้สึกได้ว่าการโจมตีนี้น่ากลัวเพียงใด ถึงขนาดทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้!
เจ้าอริยะเสียหั่วมีใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้าหยอกและเหยียดหยาม แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “รนหาที่ตาย!”
เขาพุ่งขึ้นฟ้า ไฟชั่วร้ายบนผิวกายปะทุขึ้น มีเกราะนักรบแข็งแกร่งยิ่งปกคลุมไว้ทั้งตัว
นั่นคืออาวุธมหาอริยะ…เกราะอัคคีดวงจิตมาร
ไฟชั่วร้ายพุ่งทะลักเป็นม่านเพลิงร้อนแรง ขวางอยู่ตรงหน้า!
บึ้ม!
เกิดเสียงดังสนั่น!
กระบองตามใจนึกฟาดใส่เกราะอัคคีดวงจิตมาร แต่ไม่อาจทำลายมันได้!
“กินกระบองข้าไปอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน