บทที่ 459 สือเทียนจื่อเอ่ย ข้าแกร่งกว่าสหายเสิ่นรึ!
เมื่อเห็นพลังที่แผ่มาจากเสิ่นเทียน ราชาเซียนฟ้าขุ่นจิตใจสั่นสะท้าน
แม้เขาจะรู้ว่าเสิ่นเทียนมีกายมรรคสวรรค์ประทาน แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะบ้าระห่ำขนาดนี้
คัมภีร์ราชาเซียนมีระดับความลึกซึ้งยากจะกล่าวได้ แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดมหามรรค ต่อให้มีกายมรรคสวรรค์ประทานก็ไม่มีทางเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้
ยอดผู้สูงส่งที่สุดแห่งยุคที่มีกายมรรคสวรรค์ประทานคนนั้นในอดีตฝึกคัมภีร์ราชาเซียนถึงขั้นสูง ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
สร้างบันทึกสูงสุดในประวัติการณ์ในโลกเซียน ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายตื่นตกใจ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครแซงหน้าได้
ตอนนี้ เสิ่นเทียนใช้เวลาเพียงสามปีก็ฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูง ล้มล้างโลกทัศน์ของราชาเซียนฟ้าขุ่นไปเลย
ดูท่าคุณสมบัติกายของเจ้าหนูนี่คงไม่ใช่แค่กายมรรคสวรรค์ประทาน จะต้องมีความลับอื่นแน่นอน
มิน่าท่านผู้นั้นถึงถ่ายทอดมรดกให้เจ้าหนูนี่ เป็นปีศาจจริงๆ!
……
เมื่อเห็นราชาเซียนฟ้าขุ่นปรากฏตัว เสิ่นเทียนก็เดินหน้าเข้ามา “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ฝึกเสร็จสิ้นแล้ว”
ราชาเซียนฟ้าขุ่นตัวแข็งทื่อ แสร้งทำทีเป็นสงบนิ่ง “พรสวรรค์ของเจ้า แค่กๆ ถือว่าไม่เลว แน่นอนว่ายังด้อยกว่าข้าสมัยหนุ่มๆ นิดหน่อย”
ไม่รู้เลยว่าในใจราชาเซียนฟ้าขุ่นเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น เขาพูดเช่นนี้นั่นเพราะกลัวเสิ่นเทียนหลงระเริง
เสิ่นเทียนประสบความสำเร็จเช่นนี้คือที่สุดในประวัติการณ์ ไม่มีใครแซงหน้าได้ แม้แต่ตัวราชาเซียนฟ้าขุ่นเอง ในยุคนี้ก็ยังไม่มีทางประสบความสำเร็จเช่นนี้
แน่นอน เขาพูดในจุดนี้ไม่ได้ ราชาเซียนก็ต้องมีเกียรติเหมือนกัน!
เสิ่นเทียนถอนหายใจ “ดูท่าพรสวรรค์ของข้ายังแค่พอใช้ได้!”
การจะเป็นราชาเซียนต้องเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ คงอยู่ไร้พ่ายในโลกเซียน
ราชาเซียนฟ้าขุ่นบอกว่าตนด้อยกว่าเขาเล็กน้อย นั่นหมายความว่าข้ายังห่างชั้นกับสุดยอดโอรสสวรรค์โลกเซียน
ข้ายังต้องพยายามอีก!
……
พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ราชาเซียนฟ้าขุ่นมุมปากกระตุก
ปีศาจอย่างเจ้าหนูนี่ยังเรียกว่าพอใช้ได้อีกหรือ เจ้าจะให้โอรสสวรรค์โลกเซียนอยู่อย่างไร
ราชาเซียนฟ้าขุ่นหน้าแดงเล็กน้อย “สหายน้อยอย่าถอดใจ แม้เจ้าจะเทียบข้าไม่ได้ แต่ก็เหนือกว่าโอรสสวรรค์เก้าส่วนของโลกเซียน ทว่าคัมภีร์มรรคครอบฟ้าของข้าไม่ใช่แค่นี้ ในนั้นยังซ่อนความลึกล้ำเอาไว้มากมาย
หากฝึกถึงจุดสูงสุด จะหลอมรวมผืนฟ้าจักรวาลมาใช้งานเองได้ สหายน้อยหมั่นฝึกฝนเพื่อก้าวหน้าไปอีกขั้นเถอะ”
คัมภีร์มรรคครอบฟ้าเป็นมรดกสูงสุดของสายเลือดราชาเซียนฟ้าขุ่น สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
วิชานี้ต่อให้อยู่ในโลกเซียนก็เป็นมรดกสูงสุด มากพอจะทำให้ขุมอำนาจผู้สูงส่งมากมายสนใจ
ถึงอย่างไรก็เป็นคัมภีร์ราชาเซียน แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดท่วงทำนองมรรคไม่มีสิ้นสุด
หากฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูง จะเหนี่ยวนำพลังแห่งดารามาเสริมตนเองได้ หากฝึกถึงขั้นสมบูรณ์ ก็จะควบคุมพลังแห่งดาราได้
นี่เป็นพลังยิ่งใหญ่ฟ้าดิน มหาศาลยากจะคาดเดา น่าสะพรึงถึงที่สุด
เหนือกว่านี้ยังมีเหนือชั้น
เพียงแต่ขอบเขตนั้นไม่มีใครไปถึง จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยปรากฏ
แต่มีตำนานว่าเมื่อฝึกถึงขอบเขตเหนือชั้น จะเปลี่ยนตัวเองเป็นโลกจักรวาล แปลงเป็นฟ้าดิน
เสิ่นเทียนมีพรสวรรค์น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ราชาเซียนฟ้าขุ่นรู้สึกตื่นเต้นในใจ
ไม่ว่าอย่างไรเสิ่นเทียนก็ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของเขา หากเสิ่นเทียนส่งเสริมคัมภีร์มรรคครอบฟ้าให้โด่งดัง เขาก็จะได้หน้าไปด้วย
ดังนั้นราชาเซียนฟ้าขุ่นถึงได้ชี้แนะเสิ่นเทียน หวังจะให้เขาพัฒนาไปอีกขั้น
เสิ่นเทียนตัวสั่นสะท้าน ไม่นึกเลยว่าคัมภีร์มรรคครอบฟ้าจะแฝงความลี้ลับไว้มากมายขนาดนี้ เขารู้สึกจริงๆ ว่าตนยังฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าไม่ถึงขั้นสมบูรณ์
ในภาพดาราจักรวาลไม่ใช่แค่มีหลักการสูงสุดมหามรรค แต่ยังเหมือนฟ้าดินมากกว่า ลึกล้ำยากจะคาดเดา
ทะเลดาราจักรวาล ไร้พรมแดน จะไปตระหนักรู้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร
เขาเพียงแค่ตระหนักรู้หลายวิชาที่แกร่งที่สุด ยังมีอะไรให้เรียนอีกมาก
เสิ่นเทียนป้องมือ “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะมาก ผู้เยาว์จะไปฝึกฝนเดี๋ยวนี้!”
ราชาเซียนฟ้าขุ่นพยักหน้าด้วยความปลื้มใจ “ไปเถอะ! ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีกเยอะ!”
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเสิ่นเทียนจะประสบความสำเร็จเพียงใด!
……
เสิ่นเทียนเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ตระหนักภาพดาราจักรวาลต่อ
ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่าตนเหมือนจะหลอมรวมเข้าไปในภาพดาราจักรวาล อยู่ในทะเลดาราจักรวาลไร้พรมแดน
หมู่ดาวรายล้อม สว่างจ้าถึงที่สุด แสงเทพหลากสีวนเวียน
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนดีใจอยู่ข้างใน กระตุ้นเหนี่ยวเทพครอบฟ้าดูดซับพลังดารา ทันใดนั้นแสงดาราไม่มีสิ้นสุดเหมือนธารสวรรค์ตกลงมา
แสงเรืองรองส่องสว่าง ไหลเข้าไปในกายเขาทั้งหมด
ภายใต้การผลักดันของพลังแห่งดารา พลังบำเพ็ญเสิ่นเทียนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแม้แต่ในกายยังเกิดการผลัดเปลี่ยนแปลกประหลาด
เพียงแต่ต้องใช้เวลาที่แน่นอนถึงจะปรากฏ!
……
นับตั้งแต่ที่พวกเสิ่นเทียนเข้ามาที่นี่ก็ผ่านไปสี่สิบเก้าปีแล้ว!
เงียบสงบมานานหลายปี ในที่สุดสือเทียนจื่อก็รู้สึกตัว
เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง กลิ่นอายพลังในกายปั่นป่วนถึงที่สุด บ้าคลั่ง พุ่งไปมารอบๆ
ตอนนี้สือเทียนจื่อเหมือนจะธาตุไฟเข้าแทรก!
“ตื่นขึ้นมา!”
ตอนนี้เองเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น เหมือนระฆังมหามรรค แฝงไว้ด้วยพลานุภาพมหัศจรรย์ สั่นสะท้านใจคน
พรวด!
สือเทียนจื่อกระอักเลือด ตื่นจากความเงียบ
เขาหน้าซีดขาว กลิ่นอายพลังห่อเหี่ยว เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน เหมือนหลงทางในทะเลดาราไร้พรมแดน หาทิศทางกลับไม่พบ
ธาตุไฟเข้าแทรกเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แม้จะถูกหยุดไว้ได้ แต่ก็ไม่รอดปลอดภัย
ทว่าไม่นานนักสือเทียนจื่อตั้งสติกลับมา นัยน์ตาฉายแววรู้สึกโชคดีเสี้ยวหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะราชาเซียนฟ้าขุ่นเอ่ย เขาอาจจะหลงทางในดาราจักรวาลแล้ว
“ขอบคุณผู้อาวุโสฟ้าขุ่นมาก!” สือเทียนจื่อพูดด้วยความซึ้งใจ
ราชาเซียนฟ้าขุ่นพลันปรากฏกายขึ้น ก่อนจะโบกมือ “ไม่เป็นไร! ตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงระดับนี้ได้ในเวลาสี่สิบเก้าปี ไม่เลวๆ!”
ราชาเซียนฟ้าขุ่นตกใจอยู่ภายใน ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะเจอหน่ออ่อนดีขนาดนี้ เขารู้สึกว่าสือเทียนจื่อจะฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นต้นแล้ว
แม้จะไม่บ้าเท่าเสิ่นเทียนที่ฝึกทุกวิชาสูงสุดในนั้นได้ แต่สือเทียนจื่อก็เข้าใจส่วนย่อยของเหนี่ยวเทพครอบฟ้า หมัดเทพฟ้าขุ่นและยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าได้
พรสวรรค์เช่นนี้ไม่ธรรมดาเลย
….
เมื่อได้ฟังคำพูดของราชาเซียนฟ้าขุ่น สือเทียนจื่อก็ส่ายหน้าพลางยิ้มแห้งๆ “แซ่สือมีปัญญาโง่เขลา ยังตระหนักวิชาสุดท้ายไม่ได้!”
เขารู้สึกว่ายอดค่ายกลดาราครอบฟ้าต่างหากคือวิชาที่แกร่งที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะตระหนักรู้อย่างไรก็ไม่อาจทำลายธรณีประตูสุดท้ายได้ ได้แต่สัมผัสเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สือเทียนจื่อมีจิตใจโอหัง ไม่ยอมแพ้มาตลอด อยากจะทำลายให้ได้
ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้นเขาถึงเกือบหลงทางในจักรวาลไร้ที่สิ้นสุด ธาตุไฟเข้าแทรก
ราชาเซียนฟ้าขุ่นส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างล้วนมีมูลเหตุ ในเมื่อเจ้าตระหนักไม่ได้ ก็แสดงว่าวิชานี้ไร้วาสนากับเจ้า หากฝืน จะได้ไม่คุ้มเสีย”
สือเทียนจื่อตัวสั่น นัยน์ตาฉายประกายแปลกประหลาด
คำพูดของราชาเซียนฟ้าขุ่นดังก้องในความคิดเขาไม่หยุด สภาพจิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละนิด
ไม่นานนัก นัยน์ตาสือเทียนจื่อฉายประกายปล่อยวาง ละวางปมในใจลงทั้งหมด
เขาป้องมือพูดด้วยความเคารพ “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะ แซ่สือเข้าใจแล้ว”
แม้จะตระหนักวิชานี้ไม่ได้ เขาก็ยังเป็นสือเทียนจื่อ ยังเป็นยอดผู้สูงส่งหนุ่ม
เมื่อเห็นสือเทียนจื่อปล่อยวางได้เร็วเช่นนี้ ราชาเซียนฟ้าขุ่นก็พยักหน้าพอใจ
เจ้าหนูนี่มีสภาพจิตใจและศักยภาพขนาดนี้ อนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
มรดกของข้าไปอยู่ในมือเจ้าเด็กนี่ ไม่ถือว่าน่าอับอาย!
…..
สือเทียนจื่อมองไปรอบๆ อยากจะดูว่าเสิ่นเทียนตระหนักรู้เป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นเขาก็เห็นเสิ่นเทียนหลับตาปิดสนิท หงายมือหงายเท้าเงยหน้าขึ้นฟ้า ยังอยู่ในความเงียบสงบ
“สหายเสิ่นยังฝึกไม่เสร็จอีกรึ”
สือเทียนจื่อเกาศีรษะ ทำหน้างุนงง!
ไม่มีเหตุผลเลย!
ด้วยพรสวรรค์ของสหายเสิ่น หลายปีขนาดนี้ยังไม่ตระหนักรู้อีกรึ
หรือว่า…ทักษะการตระหนักรู้ของสหายเสิ่นจะเทียบข้าแซ่สือไม่ได้กัน
ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! ไม่กระมัง!
คงไม่ใช่อย่างที่แซ่สือคิดจริงๆ หรอกนะ!
ดูจากที่สหายเสิ่นยังฝึกฝนอยู่แล้ว จะต้องเป็นเช่นนี้แน่!
นั่นหมายความว่าข้าแซ่สือมีทักษะการตระหนักรู้เหนือกว่าสหายเสิ่นรึ
สือเทียนจื่อทำหน้าดีใจใหญ่ เขามีกระดูกโอหังทั้งตัว ใช้ใจไร้พ่ายสำเร็จยอดผู้สูงส่งหนุ่ม
ก่อนหน้าที่จะเจอเสิ่นเทียน เรียกได้ว่าเขาเป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดน ดังนั้นสือเทียนจื่อจึงหยิ่งผยองมาตลอด ดูถูกคนรุ่นเดียวกันทุกคน
จนกระทั่งพ่ายแพ้ให้เสิ่นเทียน เขาถึงรู้ว่าเหนือคนมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
แม้จะพ่ายแพ้ แต่สือเทียนจื่อก็ยังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เปี่ยมล้น
เขายังคงหาทางเอาชัยชนะคืนมาจากเสิ่นเทียน เพียงแต่ไม่มีโอกาสเลย โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่ได้อยู่กับเสิ่นเทียน เขาพบว่าความต่างระหว่างสองคนเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ
สือเทียนจื่อคิดจะเอาชัยชนะกลับมาสักครั้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลย!
ดังนั้นเขาจึงถูกกระทบกระเทือนจิตใจ กระทั่งคิดจะยอมแพ้
ทว่าเขาพลันได้เห็นภาพนี้
ตนตื่นมาแล้ว แต่เสิ่นเทียนยังไม่ตื่น บทสรุปก็ชัดเจนไม่ใช่รึ
นั่นหมายความว่าระดับการตระหนักรู้ของแซ่สือแกร่งกว่าสหายเสิ่น!
ฮ่าๆ สหายเสิ่นข้าขอโทษด้วย ในที่สุดแซ่สือก็ชนะเจ้าแล้ว!
สือเทียนจื่อลำพองใจอย่างยิ่ง คิดว่าตนชนะเสิ่นเทียนแล้ว
…..
เมื่อเห็นสือเทียนจื่อยิ้มชั่วร้าย ราชาเซียนฟ้าขุ่นก็ทำหน้างุนงง
เจ้าเด็กนี่มีความสุขอะไรกัน แม้แต่สีหน้ายังคุมไม่อยู่รึ
ยังหนุ่มจริงๆ คิดเยอะเช้าจรดเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน