บทที่ 460 ยอดอาวุธสูงสุด กระดานหมากฟ้าขุ่น!
เมื่อเห็นโลกจิตวิมานม่วงเปลี่ยนไป เสิ่นเทียนก็เพ่งสายตามอง
เขาพบว่ามิตินี้ไม่ใช่แค่กำลังขยายใหญ่ขึ้น แต่ยังมีพลังแห่งดาราไม่มีสิ้นสุดตกลงมาจากฟ้า สว่างจ้าสีสันหลากสี
แสงดาราส่องสว่าง ยิ่งใหญ่ยากจะคาดเดา เหมือนฝนดาวตกชะล้างฟ้าดิน
กฎเกณฑ์ที่นี่สมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การชะล้างของพลังแห่งดารา เกิดการผลัดเปลี่ยน
ชั่วครู่เดียว พลังชีวิตที่รุนแรงยิ่งแผ่มาจากกลางนภา กระจายในเส้นขอบฟ้า
พลังชีวิตผ่านที่ใด หมื่นสรรพสิ่งจะเหมือนเกิดใหม่ แตกหน่อเติบโต พลังชีวิตเอ่อล้น
….
ตอนที่เสิ่นเทียนเพิ่งทะลวงหลอมรวมเทพ โลกจิตวิมานม่วงของเขาก็แตกหน่อพลังชีวิตแล้ว
มีพืชคลุมดินเขียวขจี พืชดอกต้นไม้กำเนิดในฟ้าดิน
ภายใต้การเสริมด้วยพลังชีวิตนี้ พืชคลุมดินเขียวขจีพวกนี้เหมือนได้เสพยา เติบโตกันอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้พลันสูงขึ้นเสียดเมฆ ขยายใหญ่ยิ่ง
พืชดอกก็ผลัดเปลี่ยนเช่นกัน แสงวิญญาณวนเวียน แสงเรืองรองปกคลุม แผ่พลังของสิ่งมีชีวิต กระทั่งยังมีส่วนหนึ่งกลายเป็นโอสถวิญญาณ กลิ่นหอมสดชื่นเข้มข้น ท่วงทำนองวิญญาณเอ่อล้น
ที่นี่กลายเป็นทะเลพืชดอก พลังชีวิตคึกคัก ต่อให้เทียบกับโลกภายนอกก็ไม่ด้อยกว่าเลย
ยังไม่ใช่แค่นั้น ในอากาศมีกลุ่มพลังงานขมุกขมัวลอยอยู่
นั่นรวมขึ้นจากพลังชีวิตและกฎเกณฑ์ฟ้าดิน และยังปะปนด้วยอากาศธาตุสลัว ตัดสลับกัน
มีแสงสว่างหมื่นจั้งพุ่งออกมาจากในกลุ่มพลังงาน สว่างจ้าแสบตาถึงที่สุด
หากตั้งใจสัมผัสจะพบว่าในนั้นมีพลังชีวิตอ่อนแอสองกลุ่มกำลังมีจังหวะการเคลื่อนไหว เหมือนจะกำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้น
เสิ่นเทียนสีหน้าตกใจยิ่ง ยากจะเชื่อได้
ต้องรู้ว่าในโลกจิตวิมานม่วงของเขานอกจากดรุณยักษ์เบิกฟ้าแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น
และดรุณยักษ์เบิกฟ้าคือจิตต้นกำเนิดเสิ่นเทียน เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา ไม่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
จังหวะการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่พลันปรากฏขึ้นนี้ หมายความว่าฟ้าดินแห่งนี้กำลังสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นเอง
น่ากลัวเกินไปแล้ว หรือว่าโลกจิตวิมานม่วงจะกลายเป็นโลกขึ้นมาจริงๆ
จังหวะการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตพวกนี้แม้จะเบาบางมาก แต่พวกมันกลับเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการดูดซับพลังชีวิตและปราณเบิกฟ้าได้!
ในกลุ่มพลังงานเหมือนมีทารกสองคนกำลังดูดสารอาหาร เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่านี่ต้องใช้เวลาที่ยาวนานยิ่ง
……
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนถึงกับมุมปากกระตุกขึ้นมา
คนที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในตัวได้มีแต่สตรีไม่ใช่รึ
บ้าจริง ข้าเป็นบุรุษทั้งแท่ง เป็นชายแท้ๆ จะไปมีได้อย่างไร
ดีที่นี่เป็นโลกจิตวิมานม่วงไม่ใช่ในท้อง ไม่เช่นนั้นเขาคงรู้สึกตัวจะระเบิด!
แต่เสิ่นเทียนแปลกใจว่าสิ่งมีชีวิตที่ดูดซับปราณเบิกฟ้าเติบโตจะเป็นอย่างไรกันแน่
…..
จากนั้น เสิ่นเทียนก็ถูกดรุณยักษ์เบิกฟ้าดึงความสนใจไป
ดรุณยักษ์เบิกฟ้ากำลังฝึกบำเพ็ญเช่นกัน
มันเปล่งแสงทั้งตัว หงายมือหงายเท้าเงยหน้าขึ้นฟ้า เหนี่ยวนำพลังแห่งดาราฟ้าดินมารวมในกาย
พลังแห่งดาราที่สว่างจ้าที่สุดตกลงมา สว่างแสบตายิ่ง แฝงไว้ด้วยพลังงานรุนแรง
ภายในกายดรุณยักษ์เบิกฟ้ากระตุ้นพลังกลืนกินมหาศาล ดูดซับพลังแห่งดาราอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนจนเกิดพายุคลั่งไม่มีสิ้นสุดขึ้น
พลังแห่งดาราเหมือนธารวิญญาณตกลงมา ไหลเข้าไปในกายดรุณยักษ์ทั้งหมด กลิ่นอายพลังเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“อู้แว้!”
เหมือนรู้สึกว่าดูดพลังดาราเช่นนี้ช้าเกินไป ดรุณยักษ์บีบหน้าเป็นก้อน ยื่นมือใหญ่อ้วนตุ้ยนุ้ยออกมา คว้าไปบนฟ้า
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์ตกลงมา
ดวงดาราเล็กๆ ถูกดรุณยักษ์ชกแตก กลายเป็นพลังแห่งดารามหาศาลกระจายตรงขอบฟ้า
ส่วนดาราที่ใหญ่หน่อยถูกดรุณยักษ์ลากลงมา วนเวียนรอบกาย
ดาราพวกนั้นเดิมทีเปล่งแสงสว่างจ้า แสงเทพวนเวียน
ภายใต้การดูดซับของดรุณยักษ์ ไม่นานก็มืดลงไร้แสงสว่าง สุดท้ายกลายเป็นดาวตาย ระเบิดกลายเป็นเถ้าธุลี
แต่ดรุณยักษ์ยังไม่หนำใจ ออกมือลากดารามากมายเข้ามาเรื่อยๆ แสงแห่งดาราส่องสว่างจ้า
พริบตาเดียว กฎเกณฑ์รอบตัวเข้มข้นเหมือนมหาสมุทร พลังแห่งดาราเหมือนคลื่นลูกใหญ่ถาโถมออกไป
ผิวกายดรุณยักษ์เปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอยู่กลางทะเลดารา เกิดการผลัดเปลี่ยน
รูปร่างเขากำลังเปลี่ยนไป ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากสามพันสามร้อยสามสิบสามจั้งในตอนแรก เพิ่มมาเป็นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจั้ง
ดรุณยักษ์เบิกฟ้าในตอนนี้เหมือนกับเทพโบราณฟ้าดิน คำรามจักรวาล!
ยังไม่ใช่แค่นี้ ภายในกายดรุณยักษ์เปล่งแสงสว่างพร่างพราวยิ่งออกมา
นั่นคือถ้ำแสงต่างๆ กลายเป็นน้ำวนหมุนวนอย่างรวดเร็ว กลืนกินพลังแห่งดาราไปเรื่อยๆ ไม่นานถ้ำแสงเกิดการเปลี่ยนแปลง สว่างขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีจำนวนมากขึ้น
ถ้ำแสงทยอยกันจุดแสงสว่าง ทั้งยังเชื่อมต่อกันไม่หยุดหย่อน ทำให้พลังหลอมรวมกัน
…..
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนใจสั่นสะท้าน
เพราะถ้ำแสงที่ปรากฏในกายดรุณยักษ์ตรงกับทวารในกายเนื้อเขาพอดี
เมื่อฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารถึงระดับนิพพาน ภายในกายจะเกิดทวารขึ้น เปลี่ยนพลังงานเป็นพลังผ่านเทวะ
ยิ่งทวารแห่งหลอมรวมเทพมีมากเท่าไร พลังผ่านเทวะก็จะยิ่งแกร่งมากเท่านั้น
ตอนแรกเสิ่นเทียนบรรลุจุดสูงสุดระดับนิพพาน ภายในกายจุดทวารใหญ่สามร้อยหกสิบห้าทวาร
และตอนนี้ เมื่อดูดซับพลังแห่งดาราไม่มีสิ้นสุด กายแท้เทพมารของเสิ่นเทียนก็ผลัดเปลี่ยนไปเช่นกัน ทวารของเขาถูกจุดแสงขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด
จากหลายร้อยทวารในตอนแรกเพิ่มมาเป็นพันทวาร หลายพันทวาร…
ทวารพวกนี้ยังหลอมรวมเทพไปเรื่อยๆ กำเนิดพลังผ่านเทวะ ทั้งยังเชื่อมต่อกัน ระเบิดพลังที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
เวลานี้ จิตใจเสิ่นเทียนเงียบสงบอยู่ในนั้น ตั้งใจตระหนักรู้
……
ผ่านไปนานมาก เสิ่นเทียนตื่นจากการฝึกบำเพ็ญ
เขาเพ่งมองไป พบว่าโลกจิตวิมานม่วงขยายใหญ่ไปล้านลี้
โลกกว้างใหญ่ไร้พรมแดน มองแวบเดียวไม่เห็นสุดเขตแดน อีกทั้งพลังแห่งกฎเกณฑ์ของโลกนี้ยังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ พลังวิญญาณมหาศาลแผ่มาจากฟ้าดิน ชะล้างท้องนภา
มองแวบแรก ก็เห็นโลกปกคลุมอยู่กลางหมอกขมุกขมัว โดยรอบขาวโพลน แผ่ท่วงทำนองวิญญาณแข็งแกร่ง
ระดับความเข้มข้นของพลังวิญญาณที่นี่ไม่ด้อยไปกว่าแดนผาสุกฝึกบำเพ็ญโลกภายนอกเลย
อีกทั้งหลังผ่านการชะล้างด้วยพลังแห่งดาราในช่วงนี้มา ทำให้พลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนพุ่งพรวดไปเช่นกัน
ศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองของเขาทะลวงจากหลอมรวมเทพตอนต้นไปจุดสูงสุดหลอมรวมเทพ
พลังบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารก็ทะลวงจุดสูงสุดระดับนิพพาน ก้าวข้ามไปจุดสูงสุดผ่านเทวะ
ภายในกายเสิ่นเทียนยังจุดทวารเล็กสามพันหกร้อยห้าสิบทวาร เปล่งแสงเทพสว่างเรืองรอง
ทวารพวกนี้เหมือนถูกเส้นใยเชื่อมไว้ด้วยกัน ไหลหลากไปไม่มีหลักมั่นคง พลังผ่านเทวะมหาศาลยากจะคาดเดา
นี่คือจุดที่แข็งแกร่งของระดับผ่านเทวะ
ผู้แข็งแกร่งระดับผ่านเทวะจะหลอมรวมพลังแห่งทวารเป็นสายน้ำ รวมเป็นทะเล ไหลมารวมกัน ทลายทุกสิ่งอย่าง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากสำแดงยอดพลังวิเศษเบิกฟ้าผ่าปฐพี อานุภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายสิบเท่า!
…..
“แย่แล้ว!”
เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรได้ ใบหน้าเปลี่ยนสีไป
การทะลวงพลังสำหรับคนอื่นเป็นเรื่องดีมาก แต่สำหรับเสิ่นเทียน มันไม่ได้ดีขนาดนั้น
เพราะเขาฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าเป็นวิชาหลัก หากทะลวงพลัง ดวงชะตาจะลดลงแน่นอน
ตอนนี้เขาทะลวงจากจุดสูงสุดระดับนิพพานไปจุดสูงสุดหลอมรวมเทพ ดวงชะตาจะลดลงมาเท่าไรกัน
เสิ่นเทียนยังจำได้ดีว่าเมื่อดวงชะตาลด จะต้องเจอกับเรื่องซวย
ตอนแรกแม้แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองยังเอาไม่อยู่ ถูกวิญญาณร้ายต่างแดนสถิตร่าง เกือบเกิดหายนะ
และมหาเคราะห์ภัยนี้มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว หากดวงชะตาลด นั่นเป็นปัญหาแล้ว
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องซวยอะไร
เสิ่นเทียนรีบนำคันฉ่องฟ้าดินออกมาดูวงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะตน
แต่จากนั้นเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย
เพราะเขาพบว่าดวงชะตาเขาไม่ได้ลดลง ยังคงเป็นวงรัศมีสีม่วงทองสว่างจ้า กระทั่งยังเพิ่มขึ้นนิดๆ แสงสีม่วงสว่างเข้มกว่าเดิม
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดครั้งนี้ดวงชะตาถึงไม่ลดลงแต่เพิ่มขึ้นล่ะ”
เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ไม่เข้าใจนิดๆ
พลังบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารเขาทะลวงจุดสูงสุดผ่านเทวะแล้ว เหตุใดดวงชะตาถึงไม่ลด
แต่จากนั้นเขาก็ตั้งสติได้ ตามหลักแล้ว หากทะลวงพลัง ดวงชะตาจะต้องลดลง
พอดีที่ช่วงนี้เขากับสือเทียนจื่อเข้ามาในกระดานหมากฟ้าขุ่นพร้อมกัน ได้ดวงชะตาแน่นอน
สองสิ่งจะต้องหักล้างกัน ดวงชะตาถึงไม่ลดลง อีกทั้งโชคลิขิตครั้งนี้ยังเป็นมรดกราชาเซียน ดวงชะตาสูงสุด
ดังนั้น ต่อให้ทะลวงพลังดวงชะตาลดลง แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นส่วนน้อย
เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย มีความสุขในใจ
ดีที่ข้ารู้จักตนเองดี เก็บเกี่ยวกุยช่ายตลอด ไม่เช่นนั้นบางทีอาจจะกลับกลายจากคนยุโรปเป็นแอฟริกา กลับไปเป็นถ่านหินอีกครั้ง!
……
ในเมื่อดวงชะตาไม่ลดลง เสิ่นเทียนก็โล่งอก
เขากำหมัดแน่น สัมผัสพลังในกายอย่างละเอียด
เสิ่นเทียนพบว่าในกายเขาเต็มไปด้วยพลังผ่านเทวะไม่มีสิ้นสุด มากมายดั่งมหาสมุทร โหมซัดสาดกระหน่ำ
แม้แต่เสิ่นเทียนเองยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาแกร่งเพียงใดแล้ว จากการคาดการณ์ ก็น่าจะชกหมัดเดียวสังหารมหาอริยะได้สบาย
ถ้าจริงจังหน่อย บางทีอาจจะสังหารผู้แข็งแกร่งเตรียมเซียนอาวุโสได้
เสิ่นเทียนยิ้ม ครั้งนี้ได้ผลประโยชน์มหาศาลเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน