บทที่ 468 ยุคภูลำธารก็มีโอรสสวรรค์ปรากฏ!
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากจางอวิ๋นถิง เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย มองเวทีโอรสสวรรค์ด้วยความสนใจ
เขาก็อยากจะดูว่าพรสวรรค์ของโอรสสวรรค์ยุคนี้เป็นอย่างไร
ตอนนี้เผ่าวิญญาณร้ายรุกราน แม้จะเป็นกลียุค แต่ก็เป็นยุคทองคำเช่นกัน!
ยุคนี้มีสุดยอดโอรสสวรรค์มากมายปรากฏ
พวกเขาเกิดมาเพื่อรับเคราะห์ภัยและชิงความเป็นหนึ่งในมหาโลก รับการคุ้มกันจากมหามรรคฟ้าดิน
โอรสสวรรค์พวกนี้ไม่ว่าจะศักยภาพหรือพรสวรรค์ล้วนต้องเหนือกว่ารุ่นก่อนๆ อีกทั้งพวกเขายังมีดวงชะตาสูงมาก เป็นบุตรแห่งโชคได้อย่างไม่ต้องละอายใจ!
ถึงอย่างไรก็มีเพียงดวงชะตาสูงเท่านั้นถึงจะได้รับโชคลิขิตและแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
……
ตอนนี้เอง มีโอรสสวรรค์สู้กันบนเวทีประลอง
เสียงดังสนั่นกึกก้อง สั่นสะเทือนไม่ขาดสาย พลังเทพน่ากลัวหมุนม้วนออกมา อานุภาพสะท้านฟ้าดิน
ทุกคนเพ่งสายตามองไปก็เห็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีสองคนกำลังประลองกัน
หนึ่งในนั้นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้ารุ่นปัจจุบัน เหนือศีรษะมีกระถางสำริดเงินยักษ์ลอยอยู่ ระเบิดพลังหมื่นชั่ง
กลิ่นอายพลังเขาน่าสะพรึงสุดขีด พลังบำเพ็ญบรรลุจุดสูงสุดดวงจิตดรุณ ทั้งยังสำเร็จแก่นพลังทองแปดรอบ
การสำเร็จจุดสูงสุดดวงจิตดรุณด้วยกายทองแปดรอบในยุคนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์สุดยอด
หากเป็นเมื่อก่อน ก็มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกของแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้าเท่านั้นที่ไปถึงระดับนี้ได้
บุตรศักดิ์สิทธิ์ในรุ่นนี้อายุแค่ยี่สิบปี กลับประสบความสำเร็จเช่นนี้ นี่จะเห็นได้ว่าเขามีพรสวรรค์แข็งแกร่งยิ่ง
หลักๆ เป็นเพราะมหาเคราะห์ภัยมาเยือน ฟ้าดินที่นี่รู้สึกได้ถึงอันตราย ถึงได้ปรากฏอัจฉริยะมากมายขนาดนี้
ประกอบกับขุมอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งอยากจะสร้างผู้แข็งแกร่งให้สำเร็จโดยเร็ว ถึงได้เปิดแดนผาสุกฝึกบำเพ็ญให้ภายนอก รับอัจฉริยะมากมาย ทุ่มเทบ่มเพาะ
พรสวรรค์และโชคลิขิตย่อมดีกว่าโอรสสวรรค์รุ่นก่อน และยังทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้ารุ่นนี้มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด ทว่าคู่ต่อสู้เขากลับมีพลังน่ากลัวกว่า
นั่นคือบุรุษสวมชุดคลุมเต๋ายันต์แปดทิศ กลิ่นอายสุภาพเรียบร้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ เอกลักษณ์เหนือธรรมดา
ในมือเขาถือเข็มทิศยันต์แปดทิศโบราณ มีกลิ่นอายเก่าแก่ แต่กลับแผ่พลังอำนาจที่ทำให้คนจริงจัง
คนนี้ยืนบนเวทีประลองเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดินเป็นหนึ่ง ทำให้คนไม่อาจจับร่างเงาเขาได้
พลังบำเพ็ญเขาก็จุดสูงสุดดวงจิตดรุณเช่นกัน แต่สำเร็จจุดสูงสุดดวงจิตดรุณด้วยแก่นพลังทองเก้ารอบ กลิ่นอายพลังน่ากลัวถึงที่สุด
……
สองคนประมือกันอย่างบ้าคลั่ง ระเบิดอานุภาพแก่กล้า
ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้ากลับสวนคืนคนนั้นไม่ได้เลย คนนั้นเรียกถาดยันต์แปดทิศออกมา ระเบิดพลังลี้ลับ ลุกลามไปในฟ้าดิน
ลวดลายประหลาดกลายเป็นม่านแสง ผนึกเขตแดนนั้นไว้ทั้งหมด
พริบตาเดียวห้วงอากาศบิดเบี้ยว เกิดเป็นรอยแตกร้าว จากนั้นพลันระเบิดกระจาย
จนเมื่อแสงสว่างหายไป บุตรศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้าบาดเจ็บสาหัส หมดแรงต่อต้าน
ทว่าบุรุษผู้สวมชุดยันต์แปดทิศมีสีหน้าราบเรียบ เหมือนไม่ได้ออกแรงอะไรเลย
ทันใดนั้นทุกคนต่างร้องตกใจ
“จูเก่อซือหม่าแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยอดฟ้ายังรับการโจมตีเดียวของเขาไม่ไหว”
“แค่โบกมือก็วางยอดค่ายกลน่ากลัวขนาดนี้ได้ สมกับเป็นปรมาจารย์เขตแดน”
“ศักยภาพระดับนี้ ต้องมีชื่อเสียงในโอรสสวรรค์รุ่นนี้ของสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยแน่นอนกระมัง!”
ทุกคนร้องตกใจไม่ขาดสาย ต่างตกตะลึงกับพลังที่จูเก่อซือหม่าสำแดงออกมา
เสิ่นเทียนเองก็แปลกใจเช่นกัน ผู้บำเพ็ญที่คุมพลังเขตแดนได้มีน้อยมาก พลังชนิดนี้ต่างกับหลอมปราณและหลอมกาย คือการใช้พลังฤทธิ์ของตนกับพละกำลังกายเนื้อต่อต้าน
พวกเขาใช้พลังฟ้าดินและค่ายกลหลอมรวมกัน สร้างเป็นเขตแดนป้องกันธรรมชาติรับมือกับศัตรู
คนที่ฝึกพลังชนิดนี้ หากเติบใหญ่ขึ้นจะวางยอดค่ายกลสูงสุดได้ในพริบตา
ปรมาจารย์เขตแดนจะมีประโยชน์มากในสงคราม กระทั่งบรรลุถึงระดับหนึ่งคนสู้กับพันกองทัพ
จางอวิ๋นถิงอธิบาย “คนนี้มีนามว่าจือเหอซือหม่า เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ตระกูลขุนนางลับจูเหอ เขาฝึกควบมรดกสองยอดค่ายกลของตระกูลจูเหอกับตระกูลซือหม่า ชำนาญพลังเขตแดนอย่างยิ่ง
เล่าลือว่าแค่สามก้าวเขาก็วางยอดค่ายกลได้ ใช้พลังเขตแดนปิดล้อมคู่ต่อสู้ เมื่ออยู่ในสภาพสูงสุด ถึงขั้นวางยอดค่ายกลสูงสุดที่ล้อมสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนปลายได้!”
ศักยภาพแฝงและมรดกของตระกูลขุนนางลับไม่ด้อยไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า
พวกเขาสืบทอดกันมาแต่โบราณ ซ่อนตัวอยู่ภายนอก ไม่ยุ่งการแก่งแย่งของทางโลก
มรดกในตระกูลส่วนใหญ่จะเก็บไว้สมบูรณ์ มีไพ่ตายที่แกร่งมาก
ตระกูลขุนนางลับปรากฏขึ้น สำหรับผู้บำเพ็ญห้าดินแดนแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง
…….
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย มหาเคราะห์ภัยครั้งนี้เพ่งเล็งทั้งห้าดินแดน ไม่มีใครอยู่รอดปลอดภัย
หากตระกูลขุนนางลับไม่ออกมือ รอจนผู้บำเพ็ญห้าดินแดนสูญสิ้นไปทั้งหมด พวกเขาเองก็ยากจะรอดจากหายนะ
แต่จูเก่อซือหม่านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ หากอยู่เมื่อร้อยปีก่อนจะถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์สูงสุด
“ไม่ใช่แค่ตระกูลขุนนางลับ แต่ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นมากมายก็ปรากฏรุ่นอัจฉริยะเช่นกัน”
ฉีเซ่าเสวียนก้าวออกมา ดวงตามีประกายสีม่วงไหลเวียน ลึกล้ำอย่างยิ่ง
เขามองไปตรงเขตเวทีประลอง “สหายเสิ่น เจ้าดู!”
เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็มองไปทางที่ฉีเซ่าเสวียนชี้
ลายมรรคตรงนั้นพุ่งขึ้นฟ้า มีพลังวนเวียนหนาทึบ สองโอรสสวรรค์กำลังประมือกัน
หนึ่งในนั้นมีร่างกายกำยำ พลังอำนาจมหาศาล
ข้างหลังเขารวมเป็นคุนยักษ์พันจั้ง อานุภาพยิ่งใหญ่ยากจะคาดเดา เหมือนจะกลืนกินฟ้าดิน
เห็นได้ชัดว่าเป็นโอรสสวรรค์ของเผ่าคุนสุญตา กำลังสำแดงวิชาคุนเผิงสูงสุดของเผ่าคุน
คนนี้มีพลังบำเพ็ญเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้น แต่มีศักยภาพแกร่งที่สุด คู่ต่อสู้ของเขาเป็นโอรสสวรรค์อาวุโสระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนปลาย
แต่เมื่อสู้กับคนนี้ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์อาวุโสสวนกลับไม่ได้เลย
เขาใช้วิชาสูงสุดแปลงคุนเป็นเผิง เปล่งแสงเทพหมื่นสาย กลืนกินห้วงอากาศทั้งหมด
ชั่วอึดใจเดียวคู่ต่อสู้แตกพ่ายลง เลือดนองและพ่ายแพ้ถอยไป
ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจกับคนมากมาย
…..
ฉีเซ่าเสวียนเอ่ยราบเรียบ “คนนี้คือคุนเผิงจื่อแห่งเผ่าคุนสุญตาทะเลอุดร เป็นบุตรของคุนหมิง เจ้าเผ่าคุนทะเลอุดร เขาเกิดมาพร้อมกับปรากฏการณ์คุนเผิง แปลงเป็นเผิงสำเร็จตอนอายุสามสิบห้าปี ชำนาญวิชาคุนเผิงเป็นหนึ่งไม่เป็นรองใครในโลกหล้า คุนเผิงจื่อมีกำลังรบแกร่งมาก กระทั่งใช้พลังบำเพ็ญผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้นสู้กับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้”
เสิ่นเทียนพยักหน้า เขาเองก็มีวิชาคุนเผิง ย่อมเข้าใจตรงนี้
คุนเผิงจื่อแปลงเป็นเผิงสำเร็จใจอายุสามสิบห้าปี ทั้งยังฝึกวิชาคุนเผิงถึงระดับลึกซึ้งยิ่ง มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาเลย
…..
จากนั้น ทุกคนเบนสายตาไปมองสนามรบอีกแห่ง
ตรงนั้นมีเพลิงเทพหมื่นสาย สีสันหลากสียิ่ง
ประกายไฟร้อนแรงพุ่งขึ้นฟ้า เผาท้องนภาเป็นความว่างเปล่า
ทั้งเขตแดนเข้าสู่เปลวเพลิงไม่มีสิ้นสุด อานุภาพมหาศาล สว่างพร่างพราวเหมือนดวงตะวันใหญ่ ส่องสะท้อนเก้านภา
ประกายไฟแกว่งไกว จะเห็นสองร่างเงารางๆ กำลังควบคุมเพลิงเทพไม่มีสิ้นสุดต่อสู้กับโอรสสวรรค์หลายสิบคน
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนมีสีหน้าตกใจ เพราะเขาพบว่าเปลวเพลิงพวกนี้คือไฟแท้สุริยะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน