บทที่ 474 หายนะห้าดินแดน วิกฤติทะเลอุดร!
ในตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายสายฟ้าสว่างจ้า เสียงดังสนั่นกึกก้อง
หลังผ่านการชะล้างมาแปดสิบเอ็ดวัน เศษกากจากของเหลวต้นกำเนิดก็ถูกขจัดทิ้งไปทั้งหมด
แสงเทพของเหลวต้นกำเนิดใสแวววาววนเวียน พลังงานมหาศาลหลั่งไหลออกมาเหมือนคลื่นน้ำ
เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง เก็บไฟแท้สุริยะเข้าไปในกาย
จากนั้นเปลี่ยนศาสตร์ รวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามากมายเป็นค้อนใหญ่สายฟ้า ทุบใส่ธงจักรพรรดิอัสนีอย่างแรง
ตึงๆๆ!
เกิดเสียงโลหะกระทบ ประกายไฟแตกกระเซ็น
ธงสีแดงนั้นเปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆ ภายใต้การตีด้วยค้อนใหญ่อัสนีเทพ กลายเป็นลักษณะธงแบบฉบับดั้งเดิม
ไฟแท้สุริยะกำเนิดฟ้าเก็บเข้าไป อุณหภูมิพลันลดลง ของเหลวต้นกำเนิดพวกนั้นสมจริงขึ้นเรื่อยๆ เป็นรูปทรงที่แน่นอน
แสงเทพไม่มีสิ้นสุดพุ่งออกมา ลุกลามไปทั้งตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
แสงสว่างจ้าแสบตา ยิ่งใหญ่ขึ้นไม่หยุด สว่างจ้าดั่งดวงตะวันใหญ่
อำนาจคุกคามแก่กล้าหมุนม้วนออกไป พลังอำนาจมหาศาลยากจะคาดเดา หมุนม้วนฟ้าดิน
ภายในเตาหลอมเทพสุริยะสร้างปรากฏการณ์มากมายขึ้น
สัตว์เทพสิบทิศส่งเสียงคำราม แผ่พลังอำนาจน่าเกรงขาม สั่นสะเทือนฟ้าดิน
ประกายสายฟ้ามากมายพุ่งออกมา สว่างจ้าสีสันหลากสี ห้าแสงสิบสี เหมือนกับดอกไม้ไฟกำลังแตกกระจาย
สายฟ้าแต่ละสีมีธาตุต่างกัน ตัดสลับกัน ระเบิดกลิ่นอายพลังน่ากลัวออกมา
จากนั้นพลังพวกนี้หายไปทั้งหมด จมเข้าไปในธงจักรพรรดิอัสนี ก่อนจะเห็นธงหกอันลอยขึ้นมากลางเตาหลอมเทพสุริยะ
ทุกธงมีแสงเทพเวียนวน ด้านบนมีลายเทพลักษณะต่างๆ ไหลเวียน เปล่งแสงไปรอบๆ
อำนาจคุกคามแก่กล้าพลันพุ่งออกมา พลันทำให้จิตวิญญาณคนหวาดกลัว อานุภาพมหาศาล
นี่ก็คือธงหกอันที่เสิ่นเทียนหลอมขึ้น ทั้งยังแผ่อำนาจคุกคามรุนแรง ล้วนเป็นยอดอาวุธระดับเตรียมจักรพรรดิ
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากเล็กน้อย
ดูท่าการหลอมอาวุธครั้งนี้เป็นผลสำเร็จดีเยี่ยมเลย
ลักษณะธงพวกนี้คล้ายกับธงจักรพรรดิอัสนีฉบับดั้งเดิมมาก แม้แต่พลังยังเชื่อมต่อกันได้
หรือก็คือธงรองที่เขาสร้างขึ้นเข้ากับฉบับดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สองสิ่งรวมกัน จะกลายเป็นอาวุธจักรพรรดิสูงสุดในตอนแรก
“แซ่เสิ่นเป็นอัจฉริยะน้อยจริงๆ หลอมได้กระทั่งอาวุธจักรพรรดิ!”
เสิ่นเทียนปลื้มใจมาก เขาพบว่าธงรองที่ตนหลอมแกร่งกว่าฉบับดั้งเดิมอีก
เพราะพวกมันผ่านการหล่อหลอมด้วยไฟแท้สุริยะกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้า มีคุณสมบัติพิเศษกำเนิดฟ้าเสี้ยวหนึ่ง
ทุกธงรองกระตุ้นอัสนีเทพกำเนิดฟ้าได้ อานุภาพเป็นสิบเท่าของอัสนีเทพกำเนิดฟ้า
…..
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็ออกมืออีกครั้งหล่อหลอมธงหลักฉบับดั้งเดิมกับสี่ธงรอง
ไม่นานนัก ธงจักรพรรดิอัสนีฉบับดั้งเดิมพวกนี้เปล่งแสงสว่างจ้า กฎเกณฑ์วนเวียน ด้านบนมีลายมรรคสีเงินเพิ่มมา
คุณภาพของพวกมันเกิดการผลัดเปลี่ยน อานุภาพแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า!
เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย
เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง ธงจักรพรรดิอัสนีสิบเอ็ดอันพลันจมเข้าไปในมือ มีพลังมหาศาลไหลหลากออกมา เต็มไปด้วยอำนาจจักรพรรดิแก่กล้า
แค่อำนาจคุกคามนี้ก็มากพอจะทำให้คนจิตใจสั่นไหว หวาดผวากันอย่างยิ่ง
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ก็กลับสู่จุดสูงสุด กระทั่งเหนือกว่าในอดีต
ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เปล่งแสงสว่าง แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างฟ้าดิน
หากปะทุขึ้นจะเหมือนทำลายตะวันจันทราและดารา ทำลายล้างจักรวาลฟ้าดิน
“สมกับเป็นอาวุธจักรพรรดิมรดกของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
เสิ่นเทียนพยักหน้าพึงพอใจ ด้วยความเข้าใจในพลังของธงจักรพรรดิอัสนีของเขา จึงสังหารเตรียมเซียนได้ง่ายดาย
หากใช้ธงจักรพรรดิอัสนีวางยอดค่ายกลฟ้าเทพสวรรค์ ต่อให้เจอวิญญาณร้ายระดับเซียนแท้จริงก็ต้องนองเลือดพ่ายแพ้ไป
แน่นอนว่านี่ต้องดูด้วยว่าใครเป็นคนใช้
หากมหาจักรพรรดิควบคุม จะสังหารมหาจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
กล่าวได้ว่าธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์คือยอดอาวุธสูงสุด
……
ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
จางหลงหยวนก้าวเข้ามา สายฟ้าประกายเซียนไหลหลาก
หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากในตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง
ตนเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นก่อน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นอายพลังนี้มาจากสิ่งใด
เห็นได้ชัดว่านี่คืออำนาจจักรพรรดิรุนแรงที่แผ่มาจากธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ และมีเพียงอาวุธจักรพรรดิเท่านั้นถึงมีอำนาจคุกคามเช่นนี้
นั่นเท่ากับว่าเทียนเอ๋อร์ซ่อมแซมธงจักรพรรดิอัสนีได้จริงๆ อย่างนั้นรึ
พอคิดได้ดังนั้น แม้จางหลงหยวนจะฝึกวิชาลืมความรู้สึกสูงสุด ก็ยังอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้
เดิมทีเขาไม่มีหวังจะซ่อมธงจักรพรรดิอัสนีแล้ว เพราะอย่างไรมันก็ยากจนไม่อาจกล่าวได้
จางหลงหยวนหวังว่าสักวันจะอาศัยดวงชะตาสูงสุดของเสิ่นเทียน หาเสี้ยวโอกาสพบ
แต่เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
จางหลงหยวนมอบธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ให้เสิ่นเทียนไปไม่ถึงสามเดือน
ในเวลาสามเดือน เสิ่นเทียนทำในสิ่งที่บรรพจารย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เคยทำได้มาตลอดหมื่นปี
จางหลงหยวนจะไม่ตื่นตกใจได้อย่างไร
เขาจ้องวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อดปลงอนิจจังไม่ได้
ข้าประเมินพรสวรรค์ของเทียนเอ๋อร์ต่ำไปจริงๆ!
มีเทียนเอ๋อร์อยู่ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าจะต้องยิ่งใหญ่ไร้พ่าย!
ไม่รู้เพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าลูกวิญญาณร้ายพวกนั้นจะซวยแล้ว
เป็นศัตรูกับเจ้าหนูนี่ ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
ฮิๆๆๆๆๆ~
…….
เสิ่นเทียนเก็บอุปกรณ์หลอมอาวุธก่อนจะเดินออกจากตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เมื่อออกจากประตูมาก็พบว่าจางหลงหยวนยืนอยู่ไม่ไกล
เสิ่นเทียนเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ข้าซ่อมแซมธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์สำเร็จแล้ว!”
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็นำธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ออกมา
ธงสิบเอ็ดอันลอยอยู่กลางอากาศ เปล่งแสงเทพสว่างจ้าละลานตา
อำนาจคุกคามน่ากลัวหมุนม้วนออกมาปกคลุมฟ้าดิน พลังอำนาจน่าสะพรึงถึงที่สุด
“ดี ดีมาก! เทียนเอ๋อร์เจ้าคือบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ แก้ความเจ็บปวดในใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนๆ ได้เร็วขนาดนี้เชียว”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนกระเพื่อมเบาๆ จ้องเสิ่นเทียน ภายในใจเต็มไปด้วยความปลื้มใจ
เสิ่นเทียนพูดถ่อมตน “อาจารย์ชมเกินไปแล้ว เป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น! แต่ว่าอาจารย์ ท่านคิดว่าตอนนี้อานุภาพของธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง”
จางหลงหยวนเบนสายตาเล็กน้อยไปมองธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ ก่อนจะอดตกใจมิได้
เพราะเขาพบว่าธงหลักและสี่ธงรองฉบับดั้งเดิมของธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เหนือกว่าเมื่อก่อนไปไกลโข
ประกอบกับธงเสริมหกหน้าที่เพิ่มมา ทำให้กลิ่นอายของธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนสั่นไหวอย่างรุนแรง “ธงนี่มีอานุภาพเหนือกว่าเมื่อก่อน หากข้าเป็นคนปลุก ก็จะกำราบเซียนแท้จริงได้!”
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย!
เดิมทีอาวุธจักรพรรดิน่ากลัวอย่างยิ่งอยู่แล้ว ของปกติไม่อาจเทียบได้
ผนวกกับจางหลงหยวนเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด ทั้งยังฝึกเคล็ดจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ได้สอดคล้องกับธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์มาก
ด้วยศักยภาพของเขา หากใช้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์วางยอดค่ายกลอัสนีฟ้าเทพสวรรค์ ก็จะสังหารผู้แข็งแกร่งระดับเซียนแท้จริงได้ไม่ยากเลย
กระทั่งคำพูดของจางหลงหยวนยังมีความถ่อมตัวอยู่นิดๆ
…..
พอได้ยินดังนั้น เสิ่นเทียนก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
เขาส่งธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ให้จางหลงหยวน “อาจารย์ ท่านคุมธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์นี่เถอะ แบบนี้ถึงจะแสดงอานุภาพของธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ได้มากที่สุด”
หลังได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน จางหลงหยวนตัวแข็งทื่อ “เทียนเอ๋อร์ นี่จะได้อย่างไรกัน ธงจักรพรรดิอัสนีเดิมทีเป็นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างเจ้าก็เป็นคนซ่อมมัน จะคืนให้อาจารย์ได้อย่างไร”
จางหลงหยวนไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะมอบธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์คืนให้ตน
มีใครบ้างที่จะมอบยอดอาวุธสูงสุดเช่นนี้ให้คนอื่น เก็บไว้ใช้เองไม่ดีกว่าหรือ
“อาจารย์ พวกเราเป็นคนแดนศักดิ์สิทธิ์ ใครใช้ก็เหมือนกันไม่ใช่รึ อีกอย่าง ให้อาจารย์ใช้ยังจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มากกว่า”
เสิ่นเทียนพูดอย่างแน่วแน่ ท่าทีเด็ดขาดมาก
แม้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์จะเป็นอาวุธจักรพรรดิสูงสุด ล้ำค่าอย่างยิ่ง
แต่เสิ่นเทียนก็ไม่สนใจ ยังคงมอบให้จางหลงหยวน
เพราะในตัวเขาเก็บยอดอาวุธไว้เยอะมาก พอใช้แล้ว
อย่างเช่นเตาหลอมเทพสุริยะ กระดานหมากฟ้าขุ่นและยังมีหอคอยเทพสงครามเป็นต้น สองสิ่งมีอานุภาพเหนือกว่าธงจักรพรรดิอัสนี
แม้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์จะแกร่งที่สุดในด้านการวางค่ายกล ค่อนข้างเหมาะกับการรวมค่ายกลสู้ แต่ในด้านค่ายกล เสิ่นเทียนก็มียอดค่ายกลดาราครอบฟ้าที่แกร่งกว่า
ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์จึงมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
ดังนั้นสู้มอบธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ให้จางหลงหยวน แบบนี้ก็จะไม่ต้องห่วงข้างหลังได้
เพราะอย่างไรเสิ่นเทียนก็ไม่มีทางอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตลอด และช่วงที่เขาจากไปนี้ จางหลงหยวนจะใช้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
…..
จางหลงหยวนได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไรมาก เขารู้ว่าเสิ่นเทียนมองในภาพรวม
แต่เขาก็ยังเตือน “เทียนเอ๋อร์ หากเจ้ามอบธงจักรพรรดิอัสนีให้ข้า ตัวเจ้าเองก็จะไม่มีสมบัติสุดยอดอยู่ข้างกายไม่ใช่รึ”
เสิ่นเทียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ศิษย์ยังมีสมบัติสุดยอดอีกเยอะ! ท่านดู!”
พูดจบเสิ่นเทียนก็นำตัวหมากฟ้าขุ่นออกมาตัวหนึ่ง โยนไปทางยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล
สถานการณ์ตอนนี้อันตรายอย่างมาก
วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนไม่ใช่สิ่งที่ขุมอำนาจธรรมดาจะต่อต้านได้
ศึกนั้นเมื่อหมื่นปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่บาดเจ็บสาหัส ยังไม่ฟื้นฟูเลย
ด้วยศักยภาพของทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าอริยะและมหาอริยะยังพอรวบรวมได้ แต่ระดับเตรียมเซียนขึ้นไปมีน้อยมาก หร็อมแหร็ม
คนส่วนใหญ่บรรลุถึงระดับนี้ก็จะเลือกลอยขึ้นโลกเซียน มีผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในห้าดินแดนไม่มาก
มิหนำซ้ำ วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนในครั้งนี้มีจำนวนมาก ศักยภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
สำหรับทุกขุมอำนาจในห้าดินแดนแล้ว เป็นการคุกคามทำลายล้าง
……
ผู้อาวุโสบัวขาวเอ่ยต่อ “วิญญาณร้ายต่างแดนเริ่มจู่โจมห้าดินแดนจากทุกด้าน ทุกที่ถูกกองทัพวิญญาณร้ายจู่โจม ที่ที่อันตรายที่สุดในนั้นคือทะเลอุดร!
ใกล้ๆ กับเขตทะเลเบิกฟ้า ปรากฏกองทัพวิญญาณร้ายจำนวนมากออกไล่ฆ่า ขุมอำนาจมากมายในทะเลอุดรล่มสลายลง โลหิตแดงไปในเขตทะเล ศพนอนกันเกลื่อนกลาด!
ได้ยินว่าวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนที่ปรากฏในทะเลอุดรมีไม่ต่ำกว่าห้าตน อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ! ตอนนี้เกาะมังกรดำกับเผ่าคุนสุญตากำลังผนึกกำลังกัน เคลื่อนขุมอำนาจทั้งทะเลอุดรป้องกัน แต่ก็ร่อแร่ แนวป้องกันพังลงได้ทุกเมื่อ”
เสิ่นเทียนกับจางหลงหยวนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “กำลังเสริมจากราชวงศ์เซียนต้าฮวงยังไม่ออกเดินทางรึ”
เผ่าวิญญาณร้ายระดับนี้จู่โจม ไม่ใช่สิ่งที่ขุมอำนาจธรรมดาจะต้านไหว
มีเพียงกำลังเสริมของราชวงศ์เซียนต้าฮวงเคลื่อนพลถึงอาจจะช่วยได้
ถึงอย่างไร ราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดน มีผู้แข็งแกร่งในนั้นมากมาย และยังมีการคงอยู่ระดับเตรียมเซียน
ผู้อาวุโสบัวขาวดวงตามืดหม่นลง “ราชวงศ์เซียนต้าฮวงเองก็ถูกเผ่าวิญญาณร้ายจู่โจมอย่างหนัก ผู้แข็งแกร่งมากมายถูกรั้งไว้ แม้แต่จักรพรรดิฮวงสือยังถูกผู้แข็งแกร่งสูงสุดในวิญญาณร้ายรั้งตัวไว้ ไปช่วยไม่ได้”
วิกฤติที่ห้าดินแดนเจอในตอนนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เผ่าวิญญาณร้ายวางแผนมาก่อนแล้วว่าจะส่งกองทัพวิญญาณร้ายไปรั้งผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์เซียนต้าฮวง ให้พวกเขาไปช่วยทะเลอุดรไม่ได้
ขอแค่วิญญาณร้ายต่างแดนจู่โจมทะเลอุดรก็จะทำเป็นฐานที่มั่นได้
ถึงตอนนั้นจะมีวิญญาณร้ายปรากฏมาไม่ขาดสาย ปักหลักทะเลอุดร ค่อยๆ กลืนกินทั้งห้าดินแดนไป
ใช้เวลาไม่นาน ขุมอำนาจเผ่าวิญญาณร้ายจะแกร่งจนไม่มีใครเอาชนะได้ ถึงตอนนั้นจะเป็นวันสิ้นโลกของทั้งห้าดินแดน!
…….
“ดังนั้นตอนนี้ราชวงศ์เซียนต้าฮวงเลยส่งข่าวกับขุมอำนาจอื่นในห้าดินแดน ให้พวกเราไปช่วยทะเลอุดรกันอย่างสุดความสามารถ”
ผู้อาวุโสบัวขาวถอนหายใจ สถานการณ์ตอนนี้อันตรายต่อทุกขุมอำนาจมาก
ต่อให้บางขุมอำนาจจะยังไม่ถูกเผ่าวิญญาณร้ายปิดล้อมในตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวไปช่วยกันง่ายๆ
ถึงอย่างไรหากเกิดอันตรายขึ้น การจะกลับมาช่วยก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่หากไม่ไป วิกฤติของทะเลอุดรก็หนักหนาเกินไป
ด้วยศักยภาพของเกาะมังกรดำกับเผ่าคุนสุญตา เกรงว่าคงต้านการรุกรานของวิญญาณร้ายไม่ไหว
เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นเทียนก็ขมวดคิ้วมุ่น
เขาเดินหนึ่งก้าว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเอง!”
เสิ่นเทียนมีสหายสนิทในทะเลอุดรเยอะมาก โดยเฉพาะเอ๋าปิงและเสิ่นเอ๋าเสวี่ยก็อยู่ทะเลอุดร
แค่นี้ เขาก็ต้องไปแล้ว
เสิ่นเทียนจะทนดูหญิงมังกรทั้งสองตกอยู่ในอันตรายและไม่สนใจไยดีไม่ได้
ผู้อาวุโสบัวขาวออกปากห้าม “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป! เทียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เถอะ! พวกเราจะส่งคนไปช่วยทะเลอุดรเอง”
ครั้งนี้ปรากฏเผ่าวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนจำนวนมาก ไม่ได้จะจัดการได้ง่ายๆ เลย
แม้เสิ่นเทียนจะมีพรสวรรค์สุดยอด แต่ก็เพิ่งฝึกมาร้อยปี ศักยภาพแฝงเร้นยังไม่หนาแน่นพอ
ผู้อาวุโสบัวขาวไม่รู้กำลังรบแท้จริงของเสิ่นเทียน จึงไม่อยากให้เขาอยู่ในอันตราย
เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนจะพูดอย่างแน่วแน่ “อาจารย์อา ข้าต้องไป”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย”
จางหลงหยวนเอ่ยอย่างเฉยชา สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายหมุนม้วนอย่างรุนแรง
เขาไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของเสิ่นเทียน ด้วยฐานะบุตรแห่งโชคของเสิ่นเทียน จะไปเจออันตรายได้อย่างไร
อีกอย่าง จางหลงหยวนเพิ่งเห็นไพ่ตายของเสิ่นเทียน
มีตัวหมากฟ้าขุ่นมากขนาดนั้น อย่าว่าแต่วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนเลย ต่อให้เป็นวิญญาณร้ายระดับเซียนแท้จริงก็ต้องตาย
แล้วเหตุใดจางหลงหยวนถึงเสนอตัวจะไปด้วย
แน่นอนว่าเพื่อแสดงทัศนคติของเขา!
…..
แม้จะรู้ว่าเสิ่นเทียนไม่มีอันตราย แต่อาจารย์อย่างเขาก็ต้องแสดงความห่วงใย แบบนี้ถึงจะได้สร้างความรู้สึกดีๆ ขึ้น
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนกระเพื่อมเบาๆ
สมกับเป็นข้า!
ข้านี่ฉลาดจริงๆ!
ฮิๆๆๆๆๆ~
…………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน