บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 489

บทที่ 489 เรื่องในอดีตของจักรพรรดินี!

เสิ่นเทียนจิตใจหนักอึ้ง ไม่นึกเลยว่าเผ่ามนุษย์จะมีความลับเช่นนี้อยู่

โลกนี้เป็นบรรพชนมากมายหลั่งเลือด สละชีวิตปกป้องมา

ตอนนี้วิญญาณร้ายต่างแดนรุกราน เกิดหายนะขึ้นอีกครั้ง

ด้วยกำลังตอนนี้ของห้าดินแดน ยากจะต่อต้านการรุกรานของวิญญาณร้ายต่างแดนได้

เพราะเหตุใดกันที่นี่ถึงตกอับเช่นนี้

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความสงสัยในใจ

ช่วงปลายยุคดึกดำบรรพ์ ราชาเซียนสามสิบหกท่านสำแดงวิชาลับ ย้ายห้าดินแดนมาไว้ในห้วงมิติไร้พรมแดน ตัดขาดจากโลกภายนอก

นี่แม้จะตัดความสัมพันธ์กับโลกภายนอก แต่ก็ให้เวลาห้าดินแดนได้ฟื้นฟู

ตามหลักแล้ว พัฒนามาหลายหมื่นปีขนาดนี้ ศักยภาพของห้าดินแดนควรจะยกระดับขึ้นจริงๆ

ต่อให้ไม่กลับไปในสภาพสมบูรณ์ในตอนแรกก็ไม่ถึงกับตกต่ำเช่นนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยังมีน้อยมาก!

อีกทั้งเสิ่นเทียนยังพบว่ากฎเกณฑ์ฟ้าดินที่นี่เสียหาย ปราการมิติเปราะบางอย่างยิ่ง

เหมือนผ่านมหาสงครามสะท้านฟ้าบางอย่าง ทำลายที่นี่ ทำให้ฟ้าดินเสื่อมโทรม!

เสิ่นเทียนมองคนเฝ้าสุสานพลางเอ่ยถามข้อสงสัยในใจ

คนเฝ้าสุสานถอนหายใจ “นี่เป็นเพราะมหาสงครามล้างโลกเมื่อสี่แสนเก้าหมื่นปีก่อน วิญญาณร้ายต่างแดนที่เดิมทีบาดเจ็บสาหัสเพราะราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งก็ฟื้นพลังปราณเดิมเช่นกัน

พวกมันตั้งใจจะเปิดปราการโลก บุกจักรวาลที่นี่อีกครั้ง ประกอบกับโลกนี้มีกากเดนเผ่าวิญญาณร้ายอยู่ สองสิ่งประสานกันทั้งในและนอก ไม่นานก็ทะลวงปราการโลกได้

ช่วงเวลานี้ จักรวาลแห่งนี้เข้าสู่หายนะอีกครั้ง วิญญาณร้ายมากมายออกเข่นฆ่า ทำให้ทุกชีวิตสูญสิ้น ดวงดาราดับสลาย หมื่นเผ่าพันธุ์ที่เสียกำลังเสริมของเผ่ามนุษย์ไปไม่อาจต่อต้านกับวิญญาณร้ายต่างแดนได้เลย

พวกเขาถูกปิดล้อมจนต้องร่นถอยไปเรื่อยๆ สุดท้ายเหลือเพียงเสี้ยวลมหายใจ หดหัวอยู่ในโลกเซียน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดินแดนโลกเซียนก็ยังเล็กลงเรื่อยๆ ถูกกลืนกินไป ไม่มีที่ให้ต่อต้าน”

…..

คนเฝ้าสุสานทำเสียงขึ้นจมูก เขาไม่ได้สงสารคนพวกนั้นเลย

หากตอนแรกไม่ใช่เพราะพวกเขาสติเลอะเลือนถูกผีสิง เล่นงานเผ่ามนุษย์ จะไปมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร

เพียงแต่ว่าโลกนี้ยังมีผู้บริสุทธิ์อีกมากมายที่เผชิญกับหายนะร่วมกัน อีกทั้งหายนะครั้งนี้ยังมีผลต่อทั้งจักรวาล ไม่มีใครรอดไปได้

คนเฝ้าสุสานอธิบายต่อ “ตอนนั้นแม้ห้าดินแดนจะได้สามสิบหกราชาเซียนช่วยกันเคลื่อนย้ายไปในมิติไร้พรมแดน ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่วิญญาณร้ายต่างแดนก็ยังรู้ได้จากเผ่าพันธุ์ทรยศ

พวกเขาหวาดกลัวพลังของราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง จะลบล้างมรดกเผ่ามนุษย์ให้สิ้นซาก ขจัดภัยในภายหลัง วิญญาณร้ายต่างแดนเริ่มเสาะหา ตรวจค้นผืนฟ้ากว้างใหญ่ ตามหาโลกห้าดินแดน

จนเผยตำแหน่งของห้าดินแดนด้วยความบังเอิญ ทำให้วิญญาณร้ายต่างแดนอยากจะครอบครอง จึงเริ่มรุกรานและก่อสงครามยาวนานขึ้น

ตอนนั้นเผ่ามนุษย์พลังปราณเดิมเสียหายอย่างหนัก แม้จะได้ฟื้นฟูมาสักระยะก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด

ดีที่ตอนนั้นราชาเซียนเคยวางปราการห้าดินแดนไว้ ผนึกฟ้าดินที่นี่ไว้ ทำให้กำลังรบเซียนแท้เผ่าวิญญาณร้ายขึ้นไปเข้ามาในโลกนี้ไม่ได้ง่ายๆ แต่สถานการณ์ก็ยังเลวร้ายกับห้าดินแดน ตอนนี้ดูเหมือนจะพังทลายลงทั้งหมดแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คนเฝ้าสุสานตัวสั่น คำพูดเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!

หายนะครั้งนั้นกดดันเผ่ามนุษย์ถึงทางตัน ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแม้แต่น้อย

ผู้แข็งแกร่งสุดยอดของเผ่ามนุษย์ทั้งหมดสิ้นชีพไปในสงครามครั้งนั้น

…..

จากนั้นคนเฝ้าสุสานเปลี่ยนน้ำเสียงไป “ถึงตอนนี้ห้าดินแดนจะล่มสลายลง ไม่มีกำลังพลิกสถานการณ์แล้ว ตอนนี้เองราชันมนุษย์รุ่นสองกำเนิดขึ้นเพื่อต้านหายนะ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

พวกเขาฝึกคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง สามารถหลอมรวมไอเบิกฟ้าและยังเปิดโลกในกายได้ คุมพลังยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน พลังนี้ถึงขั้นเหนือกว่าคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง ได้รับขนานนามว่าคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า!

นี่ก็คือที่มาของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า”

คนเฝ้าสุสานจ้องเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายลึกล้ำ

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็ตัวแข็งทื่อไป

ที่แท้ คัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าก็สร้างขึ้นโดยราชันมนุษย์รุ่นสอง มิน่าถึงแกร่งขนาดนี้!

…..

คนเฝ้าสุสานอธิบายต่อ “ตอนที่ราชันมนุษย์รุ่นสองถือกำเนิด มีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่มีกำลังรบน่ากลัวสุดขีด เขาเคยใช้พลังยิ่งใหญ่ของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าสังหารในโลกห้าดินแดนจนเกิดทะเลโลหิต กวาดล้างวิญญาณร้ายสี่ทิศอย่างไร้พ่าย

กระทั่งในระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังข้ามขั้นไปสังหารเตรียมเซียนวิญญาณร้ายพันตน สังหารจนผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายสั่นกลัว ถึงขนาดที่เตรียมเซียนวิญญาณร้ายยังไม่กล้าไปหาราชันมนุษย์รุ่นสอง ต่อให้มาก็เท่ากับส่งมาตายเปล่า!

ส่วนวิญญาณร้ายเหนือกว่าเซียนแท้ขึ้นไป เข้ามาไม่ได้เลยเพราะปราการห้าดินแดน ได้แต่โมโหคลั่งอยู่โลกภายนอก”

คนเฝ้าสุสานดวงตาเป็นประกายวาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ

ราชันมนุษย์รุ่นสองเป็นเหมือนดวงตะวันเจิดจ้าสำหรับมนุษย์ในตอนนั้น นำพาความหวังมาให้ทั้งห้าดินแดน

และเพราะการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้เผ่ามนุษย์รอดพ้นจากหายนะทำลายล้าง

กล่าวได้ว่าราชันมนุษย์รุ่นสองเป็นผู้ปกป้องโลกอย่างไม่ต้องละอายใจ มีชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง

“และเพราะราชันมนุษย์รุ่นสองปรากฏตัว จึงทำให้ห้าดินแดนฟื้นพลังชีวิตขึ้นอีกครั้ง โอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์กอดความหวัง หมั่นฝึกบำเพ็ญ ยกระดับศักยภาพ

ฟ้าดินยังได้รับผลกระทบ ส่งพลังวิญญาณมหาศาลลงมา กฎเกณฑ์กลายเป็นใกล้ชิดอย่างยิ่ง ทำให้เผ่ามนุษย์เติบโตอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ โอรสสวรรค์สุดยอดกับผู้แข็งแกร่งจึงผงาดขึ้นเหมือนหน่อไม้หลังฤดูฝน

ราชันมนุษย์รุ่นสองสำเร็จวิชาเทพ ใช้ท่วงท่าสง่างามของเขา ทำให้วีรบุรุษมากมายต้องศิโรราบ

ในช่วงเวลานี้ ราชันมนุษย์รุ่นสองพัฒนาขุมอำนาจใต้บัญชาสำเร็จ ทำให้โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคร้อยแปดท่านที่มีพรสวรรค์สูงสุดในยุคนั้นต้องยอมสยบ

ในนั้นมีโอรสสวรรค์สามสิบหกท่านแสดงพลังออกมาคล้ายกับราชาเซียนสามสิบหกท่านในยุคดึกดำบรรพ์ เล่าลือว่าพวกเขาคือเศษวิญญาณแท้ของราชาเซียนสามสิบหกท่านกลับชาติมาเกิด มีพรสวรรค์สุดยอด

จากนั้นโอรสสวรรค์ที่มีความหยิ่งผยองและเหนือธรรมดาพวกนี้ สุดท้ายก็ยอมสยบอยู่ใต้ราชันมนุษย์รุ่นสอง เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าราชันมนุษย์รุ่นสองจะนำพาพวกเขากลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง นำพาเผ่ามนุษย์กลับโลกเซียน

ไม่นานนัก ขุมอำนาจของราชันมนุษย์รุ่นสองก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกขุนพลมีกำลังรบเป็นหนึ่ง แข็งแกร่งที่สุด ภายใต้การนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง พวกเขายิ่งรบยิ่งกล้าหาญ สังหารวิญญาณร้ายต่างแดนไปทั่ว

ผ่านไปที่ใด วิญญาณร้ายมากมายได้ยินเป็นต้องหวาดกลัว สูญสิ้นทั้งเผ่าพันธุ์

เดิมทีห้าดินแดนถูกวิญญาณร้ายต่างแดนยึดครองไปเจ็ดส่วน แต่ด้วยการนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง จึงชิงดินแดนกลับมาได้เรื่อยๆ วิญญาณร้ายต่างแดนถอยร่นไปไม่หยุด น่าเวทนายิ่งนัก จนออกไปจากโลกนี้

ศึกครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของราชันมนุษย์รุ่นสองในใจเผ่ามนุษย์ไปถึงจุดสูงสุด เขาได้รับขนานนามว่าราชันมนุษย์ที่สุดแห่งยุค มีชื่อเสียงเทียบเท่าราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง!

ขุมอำนาจของพวกเขาถูกเรียกว่าโถงสวรรค์! ส่วนโอรสสวรรค์ร้อยแปดท่านใต้บัญชาราชันมนุษย์รุ่นสอง ชาวโลกเรียกกันว่าขุนพลสวรรค์ร้อยแปดท่าน

โถงสวรรค์เป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดน สร้างคุณูปการในสนามรบยิ่งใหญ่ เมื่อเอ่ยถึง เผ่าวิญญาณร้ายยังหน้าเปลี่ยนสี”

…….

คนเฝ้าสุสานมีน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้น ดวงตาลุกโชติช่วงยิ่ง

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ยังทำให้เลือดนักรบในกายเขาเดือดพล่านขึ้นมา

พอได้ยินดังนั้น เสิ่นเทียนตาลุกวาว

ที่แท้โถงสวรรค์ที่บันทึกในคัมภีร์โบราณก็สร้างขึ้นโดยราชันมนุษย์รุ่นสอง

เช่นนั้นตามหลักแล้ว มีผู้แข็งแกร่งสุดยอดอย่างราชันมนุษย์รุ่นสองอยู่ เผ่าวิญญาณร้ายควรจะกลับบ้านเก่าไปโดยเร็วไม่ใช่รึ

เหตุใดห้าดินแดนถึงยังตกต่ำเช่นนี้ล่ะ!

คนเฝ้าสุสานดวงตาตกลง ก่อนถอนหายใจ “แต่ว่าต่อมาก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ภายใต้การนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง โถงสวรรค์มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ กระทั่งคิดจะเป่าแตรจู่โจมสวนกลับ คิดจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในโลกสะพานเชื่อมฟ้า ลอยขึ้นกลับโลกเซียน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน