บทที่ 491 กระจกคุนหลุน ก้าวข้ามมิติ!
เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้นช้าๆ มองไปที่มรดกชิ้นสุดท้าย
นั่นเป็นกระจกหยกสีคราม กลิ่นอายพลังโบราณและเก่าแก่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายกาลเวลา
มันมหัศจรรย์ยิ่ง บนขอบกระจกแกะสลักลายแปลกประหลาด เหมือนลายเทพมหามรรค เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
หน้ากระจกใสแวววาว เหมือนหยกเซียนสูงสุดที่แกะสลักเสร็จ ท่วงทำนองวิญญาณแผ่ออกมา
แต่ท่วงทำนองวิญญาณที่แผ่มาจากกระจกเบาบางยิ่ง แทบจะสัมผัสไม่ได้เลย
ดูแล้วเหมือนกระจกธรรมดา
เสิ่นเทียนเพ่งสายตามอง เหตุใดในตำหนักราชันมนุษย์ถึงมีของธรรมดาเช่นนี้ได้
นี่ถือว่าเป็นมรดกสูงสุดรึ
เสิ่นเทียนสัมผัสอย่างละเอียดก็พบว่ากระจกยังคงธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
เสิ่นเทียนพูดพึมพำ “เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนถูกหลอกล่ะ”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เสิ่นเทียนก็ยังยื่นมือไปหยิบกระจกนั้น
ถึงอย่างไรก็มาแล้ว อย่าให้เสียเปล่า
บางทีกระจกนี่อาจจะซ่อนความลับไว้ เป็นยอดอาวุธสูงสุด!
เพราะอย่างไรของในตำหนักราชันมนุษย์จะไปแย่ได้อย่างไร
……
เสิ่นเทียนกอดความคิดว่าสิ้นเปลืองไม่ได้ หยิบกระจกขึ้นมา
เมื่อสัมผัสกระจก เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าในกระจกซ่อนพลังลึกล้ำยากจะคาดเดาไว้
เหมือนมหาสมุทรตามอำเภอใจ กว้างใหญ่ไร้พรมแดน
สมบัติสุดยอด นี่คือสมบัติสุดยอด!
ตอนนี้เองมีข้อมูลหนึ่งลอยขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน
นี่เป็นที่มาของกระจกโบราณนี้!
สิ่งนี้มีชื่อว่ากระจกคุนหลุน มีที่มาน่าเหลือเชื่อ
ช่วงยุคดึกดำบรรพ์ เทือกเขาคุนหลุนมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ตำหนักสวรรค์คุนหลุน!
ผู้นำของพวกเขาคือซีหวังหมู่ที่ปกครองใต้หล้า
ในมือซีหวังหมู่ถือยอดอาวุธสูงสุด กระจกคุนหลุน
กระจกคุนหลุนไม่ใช่ยอดอาวุธที่เน้นการโจมตี แต่กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายหวาดกลัว
เพราะมันแฝงพลังของมิติที่พิเศษที่สุดในโลก เล่าลือว่าพลังของกระจกคุนหลุนสามารถเดินทางไปอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้ ก้ามข้ามมิติได้
พลังนี้ส่งผลถึงพลังต้นกำเนิดฟ้าดิน เรียกได้ว่าเป็นของพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา
เสิ่นเทียนไม่นึกเลยว่าตนจะได้กระจกคุนหลุนที่นี่
เขาอดใจไม่ไหวส่งพลังงานเข้าไป อยากจะปลุกกระจกคุนหลุน ดูอานุภาพอย่างละเอียด
ตอนนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น
กระจกคุนหลุนเปล่งแสงเทพสว่างจ้ายิ่ง
แสงเทพหมื่นสายพุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น ปกคลุมทั้งมิติไว้
ที่นี่เหมือนดวงตะวันลอยขึ้น สว่างจ้าแสบตา ทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น
ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลหมุนม้วนออกมาและลุกลามไปในฟ้าดิน
มิติบิดเบี้ยว ฟ้าดินเปิดออก
ถ้ำแสงลอยขึ้นมาในอากาศ เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์มากมายตกลงมา ปกคลุมฟ้าดิน
เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย อานุภาพนี้มากมายมหาศาลยิ่งนัก
เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกถ้ำแสงหนาทึบกลืนกินไปในทีเดียว หายไปจากโลกนี้
ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะพุ่งมาในความคิดเขาอย่างแรง มีความรู้สึกฟ้าดินหมุนวน
เขาฝืนต้านความรู้สึกวิงเวียนไว้ ลืมตาขึ้น
เห็นว่าตอนนี้เขาอยู่ในมิติพิเศษยิ่งแห่งหนึ่ง รอบๆ เป็นปราการที่สร้างจากกฎเกณฑ์ ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด
ใต้เท้าเขาเป็นธารน้ำเวลาสายหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเวลา ลี้ลับไม่อาจคาดเดา
ธารน้ำเวลาไหลไปช้าๆ มองไปไม่เห็นขอบเขต เชื่อมไปยังที่ที่ไม่รู้ชื่อ
โดยรอบแผ่พลังแห่งมิติแก่กล้า ยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทร
ที่นี่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ทำให้เสิ่นเทียนงุนงง
เสิ่นเทียนเผยแววตาตกใจระคนสงสัย อดพึมพำกับตัวเองมิได้ “ที่นี่คือที่ใดกัน”
ไม่อยากเชื่อว่ากระจกโบราณจะลากเขามายังมิติไม่รู้นาม นี่มันน่าเหลือเชื่อ
ที่นี่ คงไม่ใช่มิติรกร้างที่ออกจากห้าดินแดนหรอกนะ!
เสิ่นเทียนกำหมัด กระตุ้นหมัดเทพฟ้าขุ่นชกใส่ปราการมิติ
ทว่าปราการมิตินั้นแข็งแกร่งมาก ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย!
เสิ่นเทียนตกตะลึง การโจมตีนี้มีอานุภาพพอจะคุกคามถึงเซียนแท้
ปรากฏว่าแม้แต่ปราการมิติยังไม่สั่นคลอนเลยรึ
ที่นี่คือที่ใดกันแน่
……
เสิ่นเทียนไม่เชื่อสิ่งลี้ลับ เขาคิดจะออกมืออีกครั้ง
ตอนนี้เองเขาเห็นร่างเงาคนลอยอยู่บนแม่น้ำกาลเวลา
เขายืนอยู่บนแม่น้ำกาลเวลา เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์รอบกายสั่นกระเพื่อม ปั่นป่วนไม่หยุด
เสิ่นเทียนตัวสั่นอย่างรุนแรง ทะเลจิตกระเพื่อม
ร่างเงานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาเหมือนกับสิ่งต้องห้ามสูงสุด
เมินสวรรค์ เย้ยเยาะจักรวาล เหยียบฟ้าดินแห่งนี้ไว้ใต้เท้า
คนนี้เป็นใครกันแน่
เสิ่นเทียนยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ มิติรอบตัวก็พังทลายลง
เสิ่นเทียนถูกพลังลึกลับหนึ่งลากออกไป หายไปจากโลกนี้
หลังเขาออกมา ร่างเงานั้นหมุนตัวกลับมาช้าๆ เผยดวงตาลึกล้ำอย่างยิ่ง
เขาพูดขึ้นเนิบนาบ เสียงลี้ลับมหามรรคข้ามอดีตถึงปัจจุบัน
“ในที่สุด เจ้าก็มาแล้ว!”
เมื่อสิ้นคำพูดนี้ พลังที่บนฟ้าใต้ดินมีข้าที่เป็นใหญ่พุ่งออกมา เหนี่ยวนำให้มิติดับสลายไป
ร่างเงานั้นก็หายไปในแม่น้ำกาลเวลาเช่นกัน หายไปอย่างไร้ร่องรอย
……
เสิ่นเทียนตาค้างเล็กน้อย ไม่เข้าใจ
จนเมื่อเขาได้สติกลับมาก็มาปรากฏบนฟ้าทะเลอุดรแล้ว
การเดินทางครั้งนี้ เขางุนงงไปหมดเลย
เหตุใดเขาถึงไปโผล่ในมิติแปลกประหลาด แล้วคนนั้นเป็นใครกัน
เสิ่นเทียนมองกระจกคุนหลุนที่เปล่งแสงอ่อนพลางมุมปากกระตุกเล็กน้อย
แม้สิ่งนี้จะดูธรรมดายิ่ง แต่ก็ให้ความรู้สึกกับเขาว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ให้เขาเห็นภาพแปลกประหลาด จากนั้นก็จบลง
ศักยภาพและดวงชะตาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
เปลี่ยนไปอย่างเดียวคือเขาถูกเคลื่อนย้ายจากตำหนักราชันมนุษย์มาบนฟ้าทะเลอุดร
นี่คือสุดยอดอาวุธรึ มีแค่นี้รึ
หลอกกันชัดๆ!
เสิ่นเทียนถอนหายใจ และไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอย่างไรการเดินทางครั้งนี้เขาก็ได้อะไรมามากมาย
ไม่ใช่แค่ศักยภาพเพิ่มขึ้น แต่ยังได้มรดกมากมาย ทำให้กำลังหลักของเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
บางทีอาจจะใช้สิ่งนี้บูรณะโถงสวรรค์โบราณขึ้นมาอีกครั้งก็ได้!
พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ซ่อนกระจกคุนหลุนไว้ในเสื้อ ก่อนบินไปทางใต้
…..
ก้าวข้ามเขตทะเลไร้พรมแดนมา เสิ่นเทียนก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงตรงชายแดนทะเลอุดร
ทันใดนั้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเขารู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายกำลังแผ่มาจากในหมู่บ้าน
หรือว่าจะมีเผ่าวิญญาณร้ายกำลังก่อกรรมชั่วอยู่ที่นี่
ไม่นึกเลยว่าเพิ่งผ่านไปสามปี เผ่าวิญญาณร้ายจะเริ่มอาละวาดอีกแล้ว
แววตาเสิ่นเทียนเย็นชาขึ้นทีละนิด ก่อนเดินไปทางหมู่บ้านชาวประมง
เขาเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นชาในดวงตาเหมือนอุโมงค์น้ำแข็ง จะแช่แข็งจิตวิญญาณคน
ที่นี่มืดมิดไร้แสงสว่าง หมอกชั่วร้ายอบอวล ซากปรักหักพังเต็มไปหมด ระเกะระกะ แทบจะถูกทำลายย่อยยับ
ตรงส่วนลึกของหมู่บ้านมีพลังเลือดลมพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นแสบจมูกยิ่ง
เสียงคำราม เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ใครได้ยินเป็นต้องใจหนาวสั่น
เสิ่นเทียนผ่านไปที่ใดเจอแต่ซากสงครามเต็มไปหมด ศพปกคลุมโดยรอบ แขนขาขาดกระจายบนพื้น ดูน่าตกใจนัก
มีคนถูกควักหัวใจ ดวงตาสองข้างระเบิด ตายตาไม่หลับ
มีคนลำไส้สาดกระจายเต็มพื้น โลหิตไหลเป็นสายน้ำ
มีเด็กมากมาย หญิงมีครรภ์หกเดือนและชายชราผมหงอกยากจะรอดจากมือพิษร้าย ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด
ที่นี่มีศพกองเป็นภูเขา เหมือนนรกบนดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของเผ่าวิญญาณร้าย
……
ตอนนี้ตรงส่วนลึกของหมู่บ้านยังมีวิญญาณร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังเข่นฆ่า พวกมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำทั้งตัว กลิ่นอายชั่วร้ายวนเวียน
ข้างหลังมีหนามกระดูกแหลมคมพุ่งขึ้น หน้าตาดุร้าย ดวงตาแดงก่ำกระชากคน
วิญญาณร้ายพวกนี้เหมือนภูตผีจากนรก เข่นฆ่าตามอำเภอใจ
ตรงหน้าพวกมันเป็นชาวบ้านที่ดวงตาเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาแทบปริแตกอยู่หลายคน
“วิญญาณร้ายสมควรตาย คืนชีวิตลูกเมียข้ามา!”
มีชาวบ้านตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะปาจอบในมือใส่วิญญาณร้ายตรงหน้าอย่างแรง
ดวงตาพวกเขาแดงเหมือนเลือด โศกเศร้าอยู่ในใจ
การได้เห็นลูกเมียตนตายน่าเวทนาในมือวิญญาณร้าย แล้วเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร
ทว่าการโจมตีของชาวบ้านยังไม่ทันโดนตัวก็ถูกวิญญาณร้ายทะลวงหน้าอก ฉีกเป็นสองส่วน
“พวกมดปลวก ยังกล้าต่อต้านอีก!”
วิญญาณร้ายหัวเราะเยาะ ทั่วร่างอาบฝนโลหิต เสพสุขความรู้สึกนี้อย่างยิ่ง!
ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็ถูกวิญญาณร้ายคนอื่นสังหารเช่นกัน เหลือเพียงเด็กหญิงน้อยที่ตัวสั่นงันงก
ตอนที่เสิ่นเทียนมาถึง ก็ได้เห็นชาวบ้านพวกนั้นตายน่าเวทนาพอดี
ดวงตาเขาเย็นยะเยือก เพลิงโทสะพุ่งขึ้นฟ้า
คนพวกนี้เป็นเพียงคนธรรมดา ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังบำเพ็ญระดับสร้างฐาน
วิญญาณร้ายเข่นฆ่าเช่นนี้ จึงไม่มีกำลังสวนกลับเลย
ที่นี่โหดร้ายทารุณยิ่งนัก ทำให้คนใจหนาวเหน็บ
…..
ตอนนี้เอง วิญญาณร้ายพวกนั้นเดินไปทางเด็กหญิงน้อยคนนั้น
มีวิญญาณร้ายหัวเราะเยาะ “เคี๊ยกๆ เด็กสาวขาวเนียนนุ่มเช่นนี้ จะต้องอร่อยมากแน่ๆ”
มันอ้าปากสีเลือดกว้าง น้ำลายเหม็นเน่าไหลลงมาไม่หยุด
เด็กหญิงน้อยตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางจับตุ๊กตาในมือไว้แน่น ถอยไปเรื่อยๆ ดูน่าสงสารและไร้ที่พึ่งพิง
“ตายเสียเถอะ!”
วิญญาณร้ายพูดอย่างน่าสยดสยอง ก่อนจะยื่นกรงเล็บแหลมคม กดลงไป
การโจมตีนี้จะฉีกหน้าอกฉีกท้องนาง!
ทันใดนั้นเองร่างเงาหนึ่งพลันปรากฏข้างกายเด็กหญิง
ชุดคลุมขาวเขาเหมือนหิมะ ร่างลอยล่อง ท่วงท่าสง่างามที่สุด
คนนี้ก็คือเสิ่นเทียน
เมื่อเห็นร่างที่ปรากฏมาอย่างฉับพลัน วิญญาณร้ายก็มีสีหน้าตื่นตกใจ
แต่จากนั้นมันก็ทำหน้ามืดทะมึน ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ส่งมาตายอีกคนแล้ว!”
วิญญาณร้ายง้างกรงเล็บแหลมคม คว้าไปตรงหน้าอกเสิ่นเทียน
เสิ่นเทียนมีสีหน้าเฉยชา เอ่ยขึ้นเนิบนาบมาคำหนึ่ง “ดับ!”
พริบตานั้น ท้องนภาพังทลาย ห้วงอากาศดับสลาย
วิญญาณร้ายตนนั้นหน้าเสิ่นเทียนระเบิดกระจายทันที กลายเป็นหมอกโลหิต
วิญญาณร้ายรอบๆ มีสีหน้าตื่นกลัว ตับและถุงน้ำดีแทบปริแตก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน