นางสวมชุดเกราะส่องแสงเงิน ไหล่พาดเสื้อคลุมพยัคฆ์ขาว ดูองอาจสง่างาม ใบหน้าสวมหน้ากากขนหงส์สีแดงสด แผ่กลิ่นอายที่ลึกลับเกินหยั่ง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
ทว่าเสื้อคลุมกับชุดเกราะประณีตอย่างยิ่ง กลับวาดเค้าโครงที่มีสัดส่วนทองคำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
มืองามที่เล็กและเรียวยาวกับหลังคอที่โผล่มาข้างนอกขาวเนียนนุ่ม ราวกับผิวพรรณหยกของเซียน
ต่อให้เห็นใบหน้าไม่ชัด เพียงแค่เครื่องแต่งกายกับบุคลิกองอาจห้าวหาญ เสิ่นเทียนก็แน่ใจได้ว่าสตรีนางนี้ต้องมีใบหน้างามล่มแคว้นล่มเมืองอย่างแน่นอน
เห็นทีคงไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวหลิงเซียน
และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ วงรัศมีบนศีรษะของสตรีนางนี้
วงรัศมีเหนือศีรษะนางเป็นสีทอง เปล่งแสงสว่างจ้าแสบตาอย่างยิ่ง นอกจากจุดด่างเล็กๆ สีแดงเพียงน้อยนิดแล้ว นี่แทบจะเป็นวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์เลย!
รู้กันดีว่าต่อให้เป็นเสี่ยวหลิงเซียนที่ได้มรดกหัวใจสำคัญของผู้อาวุโสเสินสุ่ยหลิงมา วงรัศมีสีแดงของนางก็กลายเป็นสีทองแค่ตรงขอบเท่านั้น
ทว่าวงรัศมีของสตรีนางนี้แทบจะเป็นสีทองบริสุทธิ์ทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของดวงชะตานางและความสูงศักดิ์ของฐานะไม่อาจจินตนาการได้เลย!
ทว่าดูสตรีนางนี้เหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก เพราะหลังจากนางปรากฏกาย ทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันรุนแรง
นางเดินมากลางห้องทีละก้าว สายตาเคลื่อนมามองลูกประคำที่วางอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องช้า
เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสมบัติวิเศษชั่วช้าที่หลอมสร้างด้วยความไร้มโนธรรมที่สุดจริงๆ!
เจ้าลัทธิปรมาจารย์เซียนอะไรนี่ก็เป็นคนของลัทธิชั่วร้าย!
พอนึกถึงตรงนี้ นางพลันจับจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นสงสัยและอ่อนโยน
ไม่น่าใช่นะ!
ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสูบกินแก่นโลหิต กลิ่นอายอาฆาต และกลิ่นอายชั่วร้ายในการฝึกบำเพ็ญ
ปกติจะมีลักษณะโหดเหี้ยมเย็นชา ทำให้รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
แต่คุณชายท่านนี้เลือดลมเร่าร้อนมีชีวิตชีวา กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมายังคึกคักมากด้วย
ผนวกกับเอกลักษณ์เขาเหนือธรรมดา ไม่เหมือนมารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายเลย!
นอกจากนี้ ลัทธิวิญญาณร้ายที่ไหนจะทำใจใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงสมบัติชั่วร้ายได้ลง?
ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันกระมัง!
คิดได้ดังนั้น นางก็สลายแรงกดดันออกอย่างเนิบๆ
เขตแดนอาคมแก่นพลังทองที่เดิมทีผนึกห้องนี้ไว้ก็คลายออกช้าๆ เช่นกัน
จากนั้นนางป้องมือพูดกับเสิ่นเทียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีสหาย ข้าคือจางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้ยินว่าสวนหมื่นวิญญาณปรากฏร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย จึงมาตรวจสอบที่นี่
ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเหตุใดมันถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้”
แม้ท่าทีของนางจะดูเย็นชา ทว่าเสิ่นเทียนกลับรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก
ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีคนแรกที่เมินเฉยต่อรูปโฉมหล่อเหลาของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
อีกทั้งยังเล่นบทตามนิยายปกติด้วย เสิ่นเทียนถือลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสไว้ในมือ โดนคนจากสำนักสายหลักอันเลื่องชื่อบุกมามา จะต้องลงมือโดยไม่สนผิดถูกแน่
แต่สตรีนางนี้กลับไม่ได้บุ่มบ่ามเพียงนั้น แต่สอบถามอย่างรอบคอบ
เสิ่นเทียนชื่นชมนิสัยสุขุมเช่นนี้มาก จะมีก็แต่ชื่อของนางที่ทำให้เขาอยากขำ
จางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ
นางยังมีพี่ชายด้วยหรือไม่ ชื่อจางอวิ๋นเหลยรึเปล่า
……..
เสิ่นเทียนนั่งลงช้าๆ ก่อนจะหยิบลูกประคำมาไว้ตรงหน้าจางอวิ๋นซีแล้วเล่าเรื่องหน้าหุบเหวเมื่อหลายวันก่อนให้ฟังอย่างฉะฉาน
“เรื่องผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยบุกมา คณะผู้คุมกฎสามท่านยืนยันให้ข้าได้
ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่ยังมีรอยแตกเสียหายอยู่ ไม่เชื่อท่านเซียนก็ตรวจสอบดูได้ ทุกคำที่ข้าพูดจริงแท้ทุกประการ และพร้อมให้ความร่วมมือท่านเซียนตรวจสอบทุกเมื่อ”
ท่าทีให้ความร่วมมือของเสิ่นเทียน ทำให้จางอวิ๋นซีคลายความสงสัยในใจไปช้าๆ
แน่นอน คำพูดจากปากเสิ่นเทียนมีรายละเอียดจริงหรือไม่จริงนั้น นางยังต้องไปตรวจสอบความจริงจากผู้นำคณะทั้งสามท่านนั้นก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน