ใช่สิ! เกือบทำให้เข้าใจผิดแล้ว!
ก่อนหน้านี้จิ่วเอ๋อร์ให้เราโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านั้นมาตลอด นานวันเข้า เราก็ลืมไปเลยว่าต้องโปรดสัตว์จิ่วเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน
เสิ่นเทียนมองจิ่วเอ๋อร์ที่สูบกินศิลาวิญญาณไปครึ่งหนึ่งในเวลาสั้นๆ พลางครุ่นคิด
การโปรดสัตว์ภูตสาวตนนี้ไปด้วย น่าจะประหยัดเงินไปไม่น้อย
“ขอบใจที่ท่านเซียนเอ่ยเตือน ถ้าท่านไม่พูด ข้าก็เกือบจะลืมไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ท่านก็โปรดสัตว์จิ่วเอ๋อร์ไปพร้อมกันเลยเถอะ!”
เสิ่นเทียนพูดด้วยความถูกต้องชอบธรรม ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ทางด้านจางอวิ๋นซีพินิจพิจารณาเสิ่นเทียนอยู่ตลอด นางกำลังสังเกตว่าเสิ่นเทียนลังเลหรือไม่
ถ้าลังเลนั่นหมายความว่าในใจมีแผนร้าย เก็บลูกประคำมารดาภูตผีจิ่วเอ๋อร์ไว้ บางทีอาจจะเห็นแก่ความงามของนาง
ทว่าการแสดงออกของเสิ่นเทียนเหนือความคาดหมายจางอวิ๋นซีไปไกล
แววตาของเสิ่นเทียนใสสะอาดมาก ไม่มีความอาลัยอาวรณ์และลามกแม้แต่น้อย
จางอวิ๋นซีเกิดความเคารพบุรุษสะโอดสะองท่านนี้อย่างสุดซึ้งทันที
ดูท่าข่าวลือในสวนหมื่นวิญญาณอาจจะเป็นความจริง คนผู้นี้อาจเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ!
อย่างน้อยตอนนี้ คุณธรรมของเขาก็น่าเลื่อมใส!
ทว่าตอนนี้เอง จิ่วเอ๋อร์กลับน้ำตาไหลนองหน้า ร่างวิญญาณลอยล่องมาคุกเข่าตรงหน้าเสิ่นเทียน จากนั้นพูดด้วยความเศร้าระทมจับใจ
“ไม่ จิ่วเอ๋อร์ไม่อยากโปรดสัตว์ไปผุดไปเกิด ข้าแค่อยากอยู่ข้างนายท่าน เป็นนายท่านที่ช่วยจิ่วเอ๋อร์มาจากเจ้าเฒ่าชาติชั่วเฮยเสวี่ย ชีวิตของจิ่วเอ๋อร์เป็นของนายท่าน หากนายท่านอยากจะให้จิ่วเอ๋อร์รับการโปรดสัตว์ เช่นนั้นจิ่วเอ๋อร์ยอมให้วิญญาณสลายตายไปเสียตอนนี้ดีกว่า”
ท่าทีของจิ่วเอ๋อร์ทำให้จางอวิ๋นซีผงะ
เป็นไปได้อย่างไร มารดาภูตผีจิ่วเอ๋อร์ก็บ้าบุรุษได้ด้วยหรือ
เพราะเจ้านายคนใหม่หน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้านายคนเก่าเยอะ เจ้าถึงกับไม่ยอมไปผุดไปเกิด อยากจะติดตามเขาไปชั่วชีวิตหรือ
ทว่าทางด้านเสิ่นเทียน ตอนนี้หมดคำจะพูดและจนปัญญายิ่งกว่า
‘ทำไมรึน้องสาว เจ้าขู่ข้ารึ
เจ้ากินศิลาวิญญาณข้าวันหนึ่งเท่าไร เคยนับในใจบ้างหรือไม่
ข้าช่วยเจ้ามาจากผู้จริงแท้เฮยเสวี่ย เจ้าจะมาแสร้งเรียกร้องเอาเงินจากข้าไม่ได้นะ!’
“แม่นางจิ่วเอ๋อร์ ให้ท่านเซียนโปรดสัตว์แล้วไปผุดไปเกิดเถอะ!”
จิ่วเอ๋อร์น้ำตาหยดติ๋งๆ “นายท่านรังเกียจจิ่วเอ๋อร์หรือ ถึงจิ่วเอ๋อร์จะหุ่นเหมือนต้นหยางน้ำ ไม่คู่ควรกับนายท่าน แต่ถ้านายท่านลำบาก จิ่วเอ๋อร์พร้อมปกป้องนายท่านด้วยชีวิต จิ่วเอ๋อร์จะช่วยนายท่าน อย่าทิ้งจิ่วเอ๋อร์เลย!”
จางอวิ๋นซีมองจิ่วเอ๋อร์ที่ขอร้องอ้อนวอนเสิ่นเทียนพลางถอนหายใจ
“ไม่นึกเลยว่าในวิญญาณอาฆาตจะยังมีคนที่รู้จักตอบแทนคุณเช่นเจ้าอยู่ ช่างเถอะ สหาย เจ้าให้แม่นางจิ่วเอ๋อร์อยู่เถอะ!
ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ข้าก็พอจะมีวิชาสำหรับภูตบำเพ็ญอยู่หลายวิชา รอตอนโปรดสัตว์โอรสภูตผี จะถ่ายทอดให้แม่นางจิ่วเอ๋อร์ไปพร้อมกันเลย
ถ้าแม่นางจิ่วเอ๋อร์หมั่นฝึกฝน ประกอบกับเสริมด้วยฐานกายหยินสูงสุด คงใช้เวลาไม่นานก็จะใช้พลังวิญญาณมาแทนที่ปราณโลหิตแรงอาฆาต สลับไปฝึกบำเพ็ญวิถีภูตผีได้ เพียงแต่ภายภาคหน้าห้ามก่อกรรมทำชั่วอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นผีร้ายอีกครั้ง
ข้า ศิษย์สายเลือดเทพสวรรค์ผู้ดูแลเทพอัสนี ผดุงธรรมแทนสวรรค์ จะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด!”
คำพูดของจางอวิ๋นซีทำให้จิ่วเอ๋อร์ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
นางรีบพูดว่า “ไม่เด็ดขาด จิ่วเอ๋อร์จะจดจำบุญคุณยิ่งใหญ่ของพี่หญิงเซียนไว้ในใจ นับจากนี้จิ่วเอ๋อร์จะฝึกบำเพ็ญอย่างสัตย์จริงแน่ หมั่นสร้างบุญกุศล ไม่กล้าก่อกรรมทำชั่วเด็ดขาด!”
จางอวิ๋นซีได้ฟังคำสาบานของจิ่วเอ๋อร์แล้วก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ขณะเดียวกันนางยังถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน
กล่าวความจริงแล้วกัน!
จางอวิ๋นซีตอบตกลงไม่โปรดสัตว์นาง ไม่ใช่แค่เพราะซึ้งใจ แต่เพราะนางยังไม่ค่อยชำนาญวิชาล้ำเลิศคัมภีร์โปรดสัตว์ของสายสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จึงใช้สุดยอดพลังที่เป็นที่นับหน้าถือตาแก้ปัญหามาตั้งแต่เยาว์วัย
ในอดีตหากเจอสาวกลัทธิวิญญาณร้ายหรือสมบัติชั่วร้าย ปกตินางจะโปรดสัตว์ทันที
ภูตผีร้ายน่าสงสารที่เหลืออยู่บางส่วนและต้องช่วยฟื้นคืน จะส่งให้พี่ชายนางเป็นคนโปรดสัตว์
ทุกคนต่างรู้ว่าในหมู่กิเลนทอง พยัคฆ์ขาว และมังกรฟ้า สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้สวมชุดเกราะแสงพยัคฆ์ขาวเป็นคนที่ล่วงเกินไม่ได้มากที่สุด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน