จางอวิ๋นซีแค่นเสียงหึในใจ ก่อนจะเดินหนึ่งก้าวออกไปนอกห้อง
เมื่อเผชิญหน้ากับปราณกระบี่ที่ฟันเข้ามาหาตน นางไม่แม้แต่จะกะพริบตา แต่ยกมือขวาช้าๆ
สายฟ้าสีขาวสว่างพร่างพราวไร้ที่สิ้นสุดรวมเข้ามาในกำปั้นนาง
ตอนนี้ปรากฏร่างมายาพยัคฆ์ขาวสายฟ้าสว่างแสบตาขึ้นมาข้างหลังนางอีกครั้ง
โฮก!
พยัคฆ์คำรามป่าเขา ขจัดหมู่มารอย่างง่ายดาย!
ทั้งโรงเตี๊ยมเหมือนสั่นสะเทือนท่ามกลางเสียงคำรามพยัคฆ์
จางอวิ๋นซีชกหมัดออกไปช้าๆ ใส่ปราณกระบี่ที่กำลังจะจู่โจมใส่ตน
ฟ้าดินถอดสีในทันใด
พลานุภาพของหมัดนี้เรียกได้ว่าน่าตื่นตกใจและสวยงาม
เมื่อจางอวิ๋นซีชกหมัดออกไป สายฟ้าสีขาวทำลายล้างพลันแผ่กระจายไปทั่วทั้งฟ้าดิน ต่อมาสายฟ้าสีขาวมืดฟ้ามัวดินกับเงามายาพยัคฆ์ขาวผู้มีอำนาจน่าเกรงขามหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน
เดิมทีร่างพยัคฆ์ขาวยังดูเลือนรางอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับสมจริงอย่างยิ่ง
ตอนนี้เหมือนมีสัตว์เทพพยัคฆ์ขาวลงมาเยือนโลกจริงๆ
อำนาจคุกคามของราชาสัตว์อันน่าสะพรึงกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
พยัคฆ์ขาวตัวนั้นหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว และหลอมรวมกับหมัดขวาจางอวิ๋นซี
มืองามเล็กดูขาวบริสุทธิ์อ่อนนุ่มนั้น ต่อให้กำหมัดก็ยังไม่น่ากลัวนัก กระทั่งยังให้ความรู้สึกแบบ ‘หมัดบอบบาง’
ทว่าเมื่อหมัดนี้ปะทะกับปราณกระบี่ที่สำแดงฤทธิ์โดยหัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎช่วงแก่นพลังทองสามคนแล้ว วินาทีต่อมา ปราณกระบี่สีทองยาวสิบเมตรนั้นพ่ายลงอย่างย่อยยับ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
จางอวิ๋นซีชกหมัดใส่อากาศ เห็นๆ อยู่ว่าไม่ได้โดนผู้ใดเลย
ทว่าประกายสายฟ้าทำลายล้างสะท้อนออกไปจู่โจมใส่ผู้คุมกฎทั้งหมด
ผู้คุมกฎทุกคนเปล่งประกายสายฟ้าออกมาทั่วร่าง เส้นผมตั้งตรงก่อนจะร่วงลงพื้นมาชักกระตุก
ใบหน้าพวกเขากลายเป็นดำมืด กลิ่นหอมเนื้อที่โชยมาจากตัวแรงยิ่งกว่าของกุ้ยกงกง!
…………
“นั่นมรดกยอดวิชายุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ อัสนีเทพธาตุทองพยัคฆ์ขาว!”
ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎทุกคนต่างด่าทอฉินเกาในใจเป็นร้อยรอบ
เจ้าบ้าเสี่ยวเกา ไหนบอกว่าเป็นสารชั่วลัทธิวิญญาณร้ายหมายปองจะทำร้ายท่านเซียนอย่างไรเล่า เหตุใดเรารุดหน้ามาด้วยความดีใจแล้ว กลับพบผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์?
โอย! หมัดบอบบางนี่ชกเข้าที่หน้าอกเรา กระดูกซี่โครงหักหมดแล้ว!
เจ้าปล่อยข่าวโคมลอยตามอำเภอใจเช่นนี้ นี่มันทำร้ายกันชัดๆ!
จางอวิ๋นซีเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าเฉยชา
สารภาพตามตรง ตอนนี้นางอารมณ์ไม่ดีมาก
นางได้รับขนานนามว่าธิดาสวรรค์ที่อยู่จุดสูงสุดของแดนบูรพาตั้งแต่เยาว์วัย
จางอวิ๋นซีหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง เป็นดั่งบุตรของตระกูลอื่นมาโดยตลอด
ในอดีตยามนางไปยังสำนักใหญ่ๆ ในแดนบูรพา มีใครบ้างไม่ให้เกียรตินาง?
ไม่นึกเลยว่ามาอาณาจักรต้าเหยียนถิ่นกันดารชนบทยากจนแห่งนี้ กลับถูกยั่วยุตลอดเวลา
…….
ก่อนอื่น คนรับใช้เฒ่าของนักพรตเต๋าเสิ่นนั่น ยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็กล้าลอบโจมตีนาง
เรื่องนี้ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็มีใจปกป้องนาย!
จางอวิ๋นซีเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เห็นแก่หน้าเสิ่นเทียนจึงปล่อยผ่านไป
ทว่านักพรตเต๋าเสิ่นกลับบอกว่าเขากับข้าไม่มีวาสนาต่อกันหรือ
มีสิทธิ์อะไร?
เจ้าค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ผู้วาสนาวันละหลายสิบคน แล้วข้ามีตรงไหนด้อยกว่าผู้บำเพ็ญระดับล่างพวกนั้นบ้าง เหตุใดเจ้าต้องหาข้ออ้างบอกปัด
ใช่ ในมุมมองจางอวิ๋นซี เสิ่นเทียนหาข้ออ้างบอกปัด
แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แต่ละแห่งในแดนบูรพา มีโอรสสวรรค์ตั้งมากมายตามเกี้ยวพานาง
นางดูแคลนจนขี้เกียจจะรับไมตรีด้วยซ้ำ
ครั้งนี้มาอาณาจักรต้าเหยียน ค่อนข้างถูกชะตากับเสิ่นเทียน ถึงได้เอ่ยปากก่อนอย่างพบเห็นได้ยาก สื่อเป็นนัยๆ ว่าอยากจะผูกมิตรกับเสิ่นเทียน
ปรากฏว่า!
ไอ้เจ้าคนปราดเปรื่องนี่ เจ้าทำอะไร
เขาบอกว่าไม่มีวาสนากับข้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยเลยหรือ
ข้าไม่เป็นที่ต้อนรับของเจ้าเช่นนี้เชียวหรือ
……
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของนางพังทลายลงอย่างยิ่ง
ขณะที่อยู่ในช่วงสำคัญแบบนี้ ผู้ฝึกกระบี่พวกนั้นยังกล้าจู่โจมนาง
ต้องรู้ไว้ว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มีฐานะเป็นที่ยกย่องอย่างยิ่ง ไม่น้อยไปกว่าผู้อาวุโสในแดนเทวาเลย กับแค่กลุ่มผู้คุมกฎสวนหมื่นวิญญาณเล็กจ้อย กลับกล้าจู่โจมสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน