บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 59

บทที่ 59 หรือว่าท่านเซียนจะรู้อนาคต?
ร้านวิญญาณสวรรค์อีกแล้วหรือ

เสิ่นเทียนถึงกับอดอึ้งไปนิดไม่ได้

จะว่าไปที่นี่ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวจริงๆ

เสิ่นเทียนเพิ่งมาสวนหมื่นวิญญาณก็เจอกับเสี่ยวหลิงเซียนที่นี่ และเพราะเห็นเสี่ยวหลิงเซียนกับตระกูลซ่งปลุกปั่นกระแส ถึงได้เกิดความคิดหาแร่ให้คนอื่น

ต่อมา เสิ่นเทียนเปิดได้ค้อนม่วงทองจากร้านวิญญาณสวรรค์อีก

เถ้าแก่ซ่งยังให้แหวนโลกาสวรรค์กับเขาเป็นกรณีพิเศษด้วย

จะว่าไปแล้ว ร้านวิญญาณสวรรค์ถือว่าเป็นแดนผาสุกทีเดียว

“ในเมื่อสหายเสิ่นมีวาสนากับข้า ถ้าจะหาวันมงคล สู้ไปเลยดีกว่า”

จางอวิ๋นซียิ้ม “เราไปค้นวิญญาณประเมินแร่กันเลยตอนนี้เลยดีกว่า!”

เสิ่นเทียนอึ้งไป มองท้องฟ้าที่มืดลงแล้วถาม “ไปตอนนี้หรือ”

จางอวิ๋นซีพยักหน้าก่อนพูดด้วยความเฝ้ารอคอย “อวิ๋นซีอยากเห็นความสามารถของสหายมากเลย!”

………

สารภาพตามตรง จางอวิ๋นซีไม่สนใจเลยว่าเสิ่นเทียนจะเปิดอะไรได้จากในหินแร่ ด้วยฐานะตระกูลของนาง เสิ่นเทียนเปิดได้สมบัติวิญญาณแล้วอย่างไร

สมบัติวิญญาณอะไรนี่ ที่ตระกูลนางมีตั้งเยอะแยะ

แต่นางอยากรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีวิชาวิญญาณจริงๆ หรือไม่ต่างหาก?

ต้องรู้กันว่า ผู้สูงส่งที่ฝึกฝนวิชาค้นวิญญาณที่นางรู้จักพวกนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองขึ้นไป มีอายุขัยอย่างน้อยมากกว่าร้อยปี

นี่คือวิชาความรู้ที่ต้องใช้กำลังวังชาอย่างมากในการศึกษา คนหนุ่มสาวยากจะตระหนักรู้ได้

ทว่าจากข้อมูลที่จางอวิ๋นซีรู้มา เสิ่นเทียนค้นวิญญาณประเมินแร่ให้คนในสวนหมื่นวิญญาณด้วยอัตราส่วนร้อยละร้อยอย่างน่าเหลือเชื่อ นี่คือปาฏิหาริย์ชัดๆ

กระทั่งได้ยินมาว่า เขายังช่วยหลี่เหลียนเอ๋อร์แห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกเปิดได้น้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

พึงรู้ก่อนว่า มันคือเมล็ดเซียนลำดับที่สามสิบหกในรายนามไม้วิญญาณ แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่อาจมองข้ามได้

แม้ข่าวในโลกบำเพ็ญจะเชื่อถือได้ยากยิ่ง จางอวิ๋นซีเองยังไม่เชื่อทั้งหมด แต่หากไร้ลมก็ไร้คลื่น

ในเมื่อตำแหน่ง ‘ปรมาจารย์เซียน’ เสิ่นเทียนเลื่องลือหนาหู นางเองก็ต้องยอมรับว่าบุรุษผู้นี้ทำให้นางสนใจจริงๆ

………….

เดิมทีเสิ่นเทียนไม่อยากออกไปค้นวิญญาณประเมินแร่ยามดึกดื่น แต่เมื่อมองกลุ่มผู้คุมกฎที่กระโดดหนีสายฟ้าไปกับกุ้ยกงกงที่จนถึงตอนนี้ยังหมดสติและชักกระตุกอยู่

เสิ่นเทียนจึงพยักหน้าด้วยความฉลาดหลักแหลม “ในเมื่อท่านเซียนรีบร้อนเช่นนี้ ก็ขอให้ท่านเซียนรอสักครู่ รอข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เราค่อยเริ่มกัน!”

เอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำอีกด้านของโรงเตี๊ยมด้วยตัวเอง ทิ้งจางอวิ๋นซีที่หน้าแดงเล็กน้อยไว้ที่เดิม

“เจ้านี่ให้ข้าผึ่งลมอยู่นี่ ส่วนตัวเองไปอาบน้ำรึ!”

จางอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึก นางไม่เคยโดนใครเมินเช่นนี้มาก่อนเลย!

ช่างเถอะ ในเมื่อทุกคนบอกว่าวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ของเจ้านี่สุดยอด ก็อาจจะมีวิชาลับเฉพาะอะไรบางอย่างจริงๆ ต้องอาบน้ำถือศีลกินเจก็ได้!

จางอวิ๋นซียืนตรงปากประตูอย่างเฉยชา รอคอยเงียบๆ

ความจริง ในชีวิตนางเหมือนจะยังไม่เคยอารมณ์เย็นเช่นนี้มาก่อน

ทันใดนั้นเอง มีคนหนึ่งชูสองมือเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พอเห็นจางอวิ๋นซีมองมา คนผู้นั้นก็รีบพูด

“ท่านเซียนอย่าเข้าใจผิด พวกเดียวกันๆ”

พูดจบ ฉินเกาเดินมาตรงหน้ากุ้ยกงกงก่อนจะแบกอีกฝ่ายขึ้นหลัง

เขามองห้องข้างๆ ที่เสิ่นเทียนอาบน้ำอยู่ แววตาปลื้มอกปลื้มใจตื่นเต้นขึ้นมาทีละนิด

ฉินเกามองจางอวิ๋นซีพลางพูดให้กำลังใจอย่างจริงจัง “ท่านเซียนสู้ๆ เสี่ยวเกาเอาใจช่วยท่าน! องค์ชายอายุสิบหกแล้วยังไม่เคยมีพระชายา ท่านเซียนไม่ต้องกังวลการวางตัวขององค์ชายเลย

ขอให้ท่านเซียนพักผ่อนกับองค์ชายอย่างสบายใจเถอะ บ่าวจะเฝ้าหน้าประตูให้ จะไม่ให้ใครไม่ดูตาม้าตาเรือมารบกวนพวกท่านเด็ดขาด ท่านเซียนอย่าลังเล ปลุกความกล้าลุยเลยเถอะ!”

ได้ฟังฉินเกาพูดจาแปลกๆ แล้ว จางอวิ๋นซีนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ก่อนที่ใบหน้าจะแดงขึ้นมาด้วยความเร็วระดับสายตาเห็น

ชั่วเวลาต่อมา มีประกายสายฟ้าสีขาวไหลทะลักออกไป

ฉินเการ้องเสียงหลง จากนั้นก้าวไวๆ ไปหลบด้านหลังกุ้ยกงกง

“คนอะไร! ไร้ยางอาย หยาบคาย” จางอวิ๋นซีทั้งโมโหทั้งอับอาย

นางมองไปรอบๆ ก่อนจะค่อยๆ เบนสายตาไปยังห้องอาบน้ำที่มีหมอกอบอวล

ข้าคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ จะไปถ้ำมองบุรุษอาบน้ำได้อย่างไร

จางอวิ๋นซีทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง แล้วจึงขับเคลื่อนฤทธิ์เดช โยนฉินเกากับกุ้ยกงกงออกไปนอกประตู

ให้ตาแก่กับหนุ่มน้อยพูดเพ้อเจ้อสองคนนี่ออกไปตากลมหนาวข้างนอกเถอะ!

หมู่คณะมุ่งหน้าไปยังร้านวิญญาณสวรรค์

เนื่องจากท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว คนเดินถนนจึงค่อยๆ น้อยลง

ประกอบกับเสิ่นเทียนเปลี่ยนชุดนักพรตเต๋า ไว้แค่หนวดสองเส้นเท่านั้น ระหว่างทางที่พวกเขามาร้านวิญญาณสวรรค์จึงไม่เป็นที่สังเกตของใคร

ตอนนี้ร้านวิญญาณสวรรค์เตรียมจะปิดร้านแล้ว ภายในร้านมีคนไม่เยอะ

เหลือเพียงเจินจื้อเจี่ย หลิวไท่อี่ และสยงเหมิ่งสามคน

พวกเขาคือผู้อาวุโสของลัทธิปรมาจารย์เซียน กำลังหารือเรื่องเข้าลัทธิกับเถ้าแก่ซ่ง

“เถ้าแก่ซ่งท่านอย่าเกรงใจไป ท่านเหมาะกับผู้อาวุโสใหญ่ของลัทธิปรมาจารย์เซียนแล้ว!”

“ใช่ เถ้าแก่ซ่ง ในชีวิตข้าหลิวไท่อี่ไม่เคยยอมใคร ท่านเป็นคนแรกเลย!”

พอได้ยินเจินจื้อเจี่ยกับหลิวไท่อี่ประจบยกยอ เถ้าแก่ซ่งก็ยิ้มหน้าบาน

เขาโบกมือพลางว่า “ใช่ที่ไหนกันๆ ตาแก่อย่างข้ารึจะกล้าข้ามหน้าข้ามตา ทุกท่านเป็นคนก่อตั้งลัทธิปรมาจารย์เซียน ก็ควรจะให้ทุกท่านดูแล!”

เจินจื้อเจี่ยพูด “เถ้าแก่ซ่ง ท่านกำลังมองเราเป็นคนอื่นคนไกลกันนะ!”

หลิวไท่อี่กล่าว “ข้าว่าท่านเหมาะสมแล้ว!”

สยงเหมิ่งพูด “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของสามคน รอยยิ้มบนใบหน้าเถ้าแก่ซ่งอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

เพียงแต่ปากยังคงแน่วแน่ “มิได้ๆ ลัทธิปรมาจารย์เซียนเป็นของท่านเซียน การแต่งตั้งผู้อาวุโสเรื่องใหญ่เช่นนี้ เราจะตัดสินใจลับหลังท่านเซียนได้อย่างไร!”

เขาครุ่นคิดก่อนจะพูดต่อ “ข้าว่านะ มิสู้รอวันพรุ่ง ให้ท่านเซียนมาตัดสินใจดีกว่า!”

เถ้าแก่ซ่งเพิ่งพูดจบ ก็เห็นบุรุษสวมชุดคลุมขาวก้าวเข้ามาทางประตูใหญ่

รอจนสี่คนพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาและหนวดเคราพยศนั้นแล้ว

หากไม่ใช่ท่านเซียนที่ทุกคนเอ่ยถึง จะเป็นใครไปได้อีก

หรือว่าท่านเซียนจะรู้อนาคต รู้ความสับสนของพวกเราล่วงหน้า จึงมาไขความฉงนให้ด้วยตนเอง?

…………………….…..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน