“ท่านมาเหตุใดไม่แจ้งข้าก่อนล่ะขอรับ!”
ครั้นเห็นเสิ่นเทียน สี่คนก็รีบตรงเข้ามาต้อนรับเขา
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย รีบพูดว่า “ห้ามมากอดขาอีก!”
สี่คนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเงียบๆ
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ผลสรุปของการวิเคราะห์ร่วมกันไม่ผิด
จะประจบท่านเซียนเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สองไม่ได้
สยงเหมิ่งมีนิสัยตรงไปตรงมาจึงพูดออกมาทันที
“ท่านเซียนรู้อนาคตจริงๆ ท่านมาไขข้อสงสัยให้เราใช่หรือไม่”
เสิ่นเทียนงุนงงเล็กน้อย “ไขข้อสงสัยรึ ไขข้อสงสัยอะไร”
หลิวไท่อี่กล่าว “ท่านเซียนเอ้าเทียนอยู่สูงสุด เราอยากให้เถ้าแก่ซ่งรับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ของลัทธิขอรับ”
เถ้าแก่ซ่งรีบส่ายหน้า “มิกล้าๆ ท่านเซียน นะ…นี่มันไม่เหมาะสมเลย!”
เสิ่นเทียนฟังสี่คนเถียงกันพลางรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้คงไม่ใช่คนโง่หรอกกระมัง!
ลัทธิปรมาจารย์เซียนอะไร ก็แค่กลุ่มผู้คลั่งไคล้อย่างไม่เป็นทางการข้าไม่ใช่รึ!
ก็แค่ตำแหน่งผู้อาวุโสกลุ่มผู้คลั่งไคล้คนเดียว ควรค่าให้พวกเจ้าแย่งชิงกันรึ
เสิ่นเทียนขบคิดแล้วก็ว่า “ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่คือใคร”
หลิวไท่อี่ยกมือขึ้นช้าๆ “ตอนนี้ข้ารับหน้าที่อยู่ขอรับ”
เสิ่นเทียนถามอีก “แล้วเหตุใดต้องให้เถ้าแก่ซ่งล่ะ”
หลิวไท่อี่ตอบอย่างจริงจัง “ข้าน้อยไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ ไม่มีหน้าครองตำแหน่งเป็นหมาหวงก้างจริงๆ เถ้าแก่ซ่งเป็นเถ้าแก่น้ำดีที่มีชื่อเสียงของสวนหมื่นวิญญาณเรา
ถ้าเขารับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ ภายภาคหน้าลัทธิปรมาจารย์เซียนเราก็จะมีเงินทุน อีกอย่าง พี่น้องในลัทธิซื้อแร่วิญญาณยังได้ลดราคาด้วย แบบนี้จะดึงดูดให้พี่น้องมาร่วมลัทธิเรามากขึ้นไปอีก”
หลิวไท่อี่พูดจบ เถ้าแก่ซ่งหน้าดำขึ้นหลายระดับ
‘เหอะๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันต้องมีเจตนาไม่ดี บอกจะให้ข้าเป็นผู้มีอำนาจของลัทธิปรมาจารย์เซียน มันก็แค่อยากให้ข้าเป็นคนโดนเอาเปรียบไม่ใช่รึ
คอยหมุนเวียนเงินทุนให้ลัทธิปรมาจารย์เซียนหรือ?’
เถ้าแก่ซ่งสื่อว่าต้องการให้เสิ่นเทียนพูดบ้าง
ไม่ว่าจะศิลาวิญญาณกี่ก้อนเขาก็ยินดีประเคนให้ เพราะนั่นคือการขอวาสนา
ปัญหาคือ สมาชิกพวกนั้นในลัทธิปรมาจารย์เซียนเป็นเพียงผู้มีวาสนาของท่านเซียนเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้สนิทสนมกับเถ้าแก่ซ่ง มีสิทธิ์อะไรจะได้ลดราคา
เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าเจ้าพวกนี้อยากจะเอาเปรียบข้า!
……
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “มันก็มีเหตุผลอยู่บ้าง เถ้าแก่ซ่งเจ้าคิดว่าอย่างไร!”
ถ้าเสิ่นเทียนไม่อยู่ เถ้าแก่ซ่งจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแน่นอน ปัญหาคือท่านเซียนเหมือนจะรู้อนาคตถึงได้มาถามด้วยตนเอง นี่ทำให้เถ้าแก่ซ่งอดเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจมิได้
หรือท่านเซียนกำลังทดสอบความซื่อสัตย์ของข้าอยู่ ว่ายินดีจะถวายตัวเองเพื่อลัทธิปรมาจารย์เซียนหรือไม่?
พอนึกถึงตรงนี้ เถ้าแก่ซ่งก็กัดฟัน
ขอแค่ได้ต่อวาสนากับท่านเซียน ข้าขอสู้สุดใจ!
เขาพยักหน้าว่า “ข้ายินดีสร้างคุณูปการเพื่อลัทธิเรา ถ้าข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของลัทธิ ก็ยินดีจะแบกรับเงินทุนทั้งหมดของลัทธิ อย่างเช่นสาวกลัทธิค้นวิญญาณประเมินแร่ในร้านข้า จะได้สิทธิพิเศษแปดจุดแปด!
อย่างเช่นสาวกลัทธิเปิดได้ของดีในร้านข้า จะลดค่าผ่าหินให้ครึ่งหนึ่ง”
…..
พอได้ฟังปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเถ้าแก่ซ่งแล้ว
เสิ่นเทียนอึ้งไปเลย
ใช้ได้เลย!
ตาแก่นี่ไม่เสียดายเลยหรือ!
แม้กำไรของร้านแร่วิญญาณจะมากน่าดูจริงๆ แต่การลดราคาอย่างเถ้าแก่ซ่งคงมีรายได้ลดน้อยลงมากในช่วงเวลาสั้นๆ แน่นอนถ้าลัทธิปรมาจารย์เซียนยิ่งใหญ่ก็จะมีลูกค้ามาร้านวิญญาณสวรรค์จำนวนมาก
ส่วนได้ส่วนเสียในนั้น ต้องดูว่าจากนี้ลัทธิปรมาจารย์เซียนจะพัฒนาไปเป็นอย่างไร
ไม่ว่าอย่างไร สำหรับเถ้าแก่ซ่งแล้วนี่คือการเดิมพันกล้าได้กล้าเสีย
มีความเด็ดขาดแบบนี้ได้ ตาแก่นี่ไม่ธรรมดาเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน