พอได้ยินว่าเสิ่นเทียนไม่เอาหินแร่นี่ จางอวิ๋นซีพลันหน้าแดงขึ้นมา
นางเป็นผู้หญิงที่เย็นชาอย่างยิ่งมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นคนไม่ยอมคนมาตลอด ครั้งนี้ในเมื่อนางสงสัยความสามารถของเสิ่นเทียน ทั้งยังเดิมพันกับเถ้าแก่ซ่งแล้ว
เช่นนั้นนางก็ยอมรับผลการเดิมพัน จี้มังกรพยัคฆ์นี่เป็นของเสิ่นเทียนตามที่เดิมพันไว้ก่อนหน้านี้
จางอวิ๋นซีไม่สนเรื่องกล้ำกลืนคำพูด นางแค่อยากใช้ของอื่นแลกจี้หยกกลับมา
นางสูดลมหายใจเข้าลึก จ้องเสิ่นเทียนพลางเอ่ย “สหายเสิ่น โปรดอย่าดูถูกข้า จี้มังกรพยัคฆ์นี้ควรจะเป็นของสหายเสิ่นตามการเดิมพัน อวิ๋นซีแค่หวังว่าสหายเสิ่นจะตัดใจยอมแลกเปลี่ยนกัน อวิ๋นซียินดีใช้ทุกอย่างแลกเปลี่ยน ขอให้สหายเสิ่นบอกราคามาได้เลย!”
……
เสิ่นเทียนมองจางอวิ๋นซีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่แล้วก็จนปัญญา
แม่นางคนนี้คงไม่ใช่คนโง่หรอกกระมัง!
ข้าบอกแล้วว่าจะไม่เอาค่าตอบแทน ให้เจ้าเอาจี้หยกไปได้เลย เจ้ากลับจะเอาของอย่างอื่นมาแลกหรือ
นี่มันไม่เสียเวลารึไง!
เสิ่นเทียนมองไปนอกหน้าต่าง สายฟ้าบนท้องนภานั้นหายไปแล้ว ปรากฏการณ์พิลึกเหนือฟ้าสวนหมื่นวิญญาณต้องพาผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดมาแน่
ต้องรีบโยนมันหวานลวกมือนี่ไปเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้
เสิ่นเทียนมองจางอวิ๋นซี สายตานั้นทำให้นางหน้าแดงเล็กน้อย
เขาขบคิดแล้วถาม “อะไรก็ได้จริงๆ รึ”
บัดซบ หรือว่าเจ้านี่อยากจะให้ข้าใช้เรือนร่างจริงๆ?
แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ เกี่ยวกับความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เขาจะฉวยโอกาสเอาเปรียบก็ได้แต่ยอมรับแล้ว!
จางอวิ๋นซีถอนหายใจ “ใช่!”
เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าต้องการ…หน้ากากบนใบหน้าท่านเซียน!”
หน้ากากขนหงส์ที่จางอวิ๋นซีใส่อยู่นั้น มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าแพงมาก
น่าจะเป็นของหายากด้วย
ตอนนี้เวลาเร่งด่วน ต้องรีบแลกๆ ไปให้เสร็จแล้วเผ่นหนี
คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จางอวิ๋นซีงุนงงไปอย่างเห็นได้ชัด
นางสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “สหายเสิ่นมั่นใจรึ”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ใช่ มั่นใจ”
ใบหน้าใต้หน้ากากจางอวิ๋นซีแดงขึ้นมาทีละนิด
ไม่นึกเลยว่าข้าจะเข้าใจคุณชายเสิ่นผิดไป เขาไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาสเอาเปรียบ
ต้องการหน้ากากขนหงส์ข้าก็เพื่อจะดูใบหน้าข้าหรือ
หรือว่าอยากเก็บหน้ากากไว้ ภายภาคหน้าจะเก็บไว้ดูยามคิดถึง?
……..
หน้ากากขนหงส์มีความหมายไม่ธรรมดาสำหรับจางอวิ๋นซี มันคือสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดที่ได้รับถ่ายทอดมาจากผู้อาวุโสชื่ออวี่หยวนอาจารย์ของนาง
ไม่เพียงแค่สามารถสกัดการตรวจสอบด้วยจิตทุกชนิด แต่ยังอำพรางพลังภายในตัวเองได้
ตั้งแต่จางอวิ๋นซีรับหน้ากากนี้มาแล้ว ก็ไม่เคยถอดออกต่อหน้าคนนอกเลย
แม้แต่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ คนที่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของนางยังมีน้อยยิ่ง
แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกลับจะใช้จี้หยกมังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์แลกกับหน้ากากขนหงส์ของนาง
จางอวิ๋นซีใจสั่นไหว ‘คุณชายเสิ่นใช้วิชาจักรพรรดิแลกกับดูหน้าข้าหรือ หรือว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาจะสนใจข้าแล้ว?’
พอเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ จางอวิ๋นซีก็หน้าแดงไปถึงหู
นางสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วว่า “ได้ ข้าตกลงกับเจ้า!”
เมื่อเอ่ยจบ จางอวิ๋นซีก็ระเบิดกลิ่นอายพลังที่แก่กล้าอย่างยิ่งมาทั้งตัว สายฟ้าสีเงินรวมเป็นพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่ง ห่อหุ้มเสิ่นเทียนกับจางอวิ๋นซีเอาไว้ข้างใน
ส่วนกุ้ยกงกง ฉินเกา เถ้าแก่ซ่ง และพวกหลิวไท่อี่ถูกตัดขาดอยู่ข้างนอก
จางอวิ๋นซีถอดหน้ากากบนหน้าออกช้าๆ ภายใต้แสงสะท้อนสายฟ้าสีเงิน
เนื้อนวลดั่งหิมะ ผิวราวกับหยกขาว คิ้วเหมือนใบหลิ่ว ดวงตาดั่งดารา
ไม่สดใสล่มเมืองเหมือนเสี่ยวหลิงเซียน และไม่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนหลี่เหลียนเอ๋อร์ ไม่เศร้าระทมเคียดแค้นเช่นจิ่วเอ๋อร์
จางอวิ๋นซีมีเอกลักษณ์ไปทางงดงามและเย็นชา ตรงกลางหน้าผากมีความองอาจผึ่งผายของวีรสตรี
แม้ใบหน้าจะงดงามอย่างยิ่ง แต่กลับทำให้คนไม่เกิดความคิดดูหมิ่นเลย
นี่คือเทพีสงครามที่มีบุคลิกและความสามารถเลิศล้ำ ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ
ถ้าจะให้บรรยายละก็ นางทำให้เสิ่นเทียนนึกถึงหญิงแกร่งหลายท่านนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน