บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 65

สรุปบท บทที่ 65 แก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางมานะสร้าง!: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

ตอน บทที่ 65 แก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางมานะสร้าง! จาก บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 65 แก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางมานะสร้าง! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 65 แก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางมานะสร้าง!
ใช่ เขียวแล้ว

เสิ่นเทียนถือกระจกด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจ

ตัวเองในกระจกตอนนี้ยังคงมีคิ้วกระบี่ดวงตาดารา หล่อเหลาอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากการรับมรดกวิชาหรือไม่ ตรงระหว่างคิ้วยังปรากฏสัญลักษณ์หนึ่งด้วย

สัญลักษณ์นั้นเป็นสีทอง รูปทรงคล้ายกับสายฟ้าสายหนึ่ง ดูยิ่งใหญ่ทรงพลัง

แต่นี่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือวงรัศมีเหนือศีรษะเสิ่นเทียนในยามนี้ เหนือวงรัศมีเขาไม่มีสีดำแม้แต่น้อย กลิ่นอายความซวยสีดำทั้งหมดหายไปแล้ว

บนวงรัศมีสีขาวส่องแสงพร่างพราว กระทั่งเสิ่นเทียนยังเห็นว่ารอบนอกวงรัศมีสีขาวเกิดแสงสีเขียวขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับพลังชีวิตเข้มข้น

แม้แสงสีเขียวนี่จะไม่ถือว่าสว่างไสวอะไรเป็นพิเศษ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าเสิ่นเทียนไม่ใช่คนดวงซวยคนนั้นในอดีตอีกแล้ว

จากนี้เลี้ยงนก ไม่ต้องกังวลว่าจะจมน้ำตายในสระน้ำอุทยานหลวงอีก

จากนี้ปลูกดอกไม้ ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนเด็กดื้อจากตำหนักข้างๆ มาถอนทิ้งอีก

จากนี้เป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงาม ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหยียบเปลือกกล้วยวิญญาณอีก

ข้าไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นในอดีตแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ต่อจากนี้ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ให้มันสีเขียวสดขึ้นเรื่อยๆ!

…….

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ยิ้มจนแม้แต่หนวดตรงมุมปากยังกระดกขึ้น

“องค์ชาย เรื่องอะไรที่ทำให้ท่านมีความสุขเช่นนี้รึ”

กุ้ยกงกงกับฉินเกาเดินมาทางเสิ่นเทียนก่อนเอ่ยถาม

“ไม่มีอะไร ตระหนักรู้การบำเพ็ญเล็กน้อยเท่านั้น”

เสิ่นเทียนมองกุ้ยกงกงกับฉินเกา ก่อนจะอดอึ้งไปมิได้ เพราะเหนือศีรษะสองคนนี้ก็ปรากฏสัญลักษณ์สีทองเช่นกัน สัญลักษณ์สีทองนี้เหมือนกันบนหน้าผากเสิ่นเทียนมาก แทบจะทุกประการ

สองคนผมตั้งยุ่งเป็นกระเซิง หน้าดำมืด ประกอบกับสัญลักษณ์สีทองสว่างจ้านั่น ดูๆ ไปอย่าให้เอ่ยเลยว่ามันเฉียบคมเพียงใด

เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรออกจึงรีบมองพวกหลิวไท่อี่ ก่อนจะพบว่าบนศีรษะหลิวไท่อี่ เจินจื้อเจี่ยและสยงเหมิ่งก็ปรากฏสัญลักษณ์เช่นกัน

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เสิ่นเทียนถึงรู้สึกว่าสัญลักษณ์บนศีรษะตนถึงสีเข้มสุด

พวกกุ้ยกงกงและฉินเการองลงมา ส่วนพวกหลิวไท่อี่จางลงมาอีกเล็กน้อย

อีกทั้งหลังปรากฏสัญลักษณ์แล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกว่าพลังวิญญาณคบเพลิงในร่างกายเหมือนจะกะปรี้กระเปร่าขึ้น ราวกับเด็กน้อยเจอของอร่อยอะไรบางอย่าง

………..

“นี่ข้าเป็นอะไร” ตอนนี้เอง เถ้าแก่ซ่งฟื้นสติขึ้นมา

เขาหยัดกายขึ้นมาเนิบๆ ใบหน้าดำยิ่งกว่ากุ้ยกงกงเสียอีก

จุดที่ควรค่าเอ่ยถึงคือ ตรงระหว่างคิ้วเขาก็ปรากฏสัญลักษณ์สีทองเช่นกัน อีกทั้งสัญลักษณ์สีทองของเถ้าแก่ซ่งยังเข้มกว่าของพวกกุ้ยกงกง

เสิ่นเทียนคิดอะไรได้ จึงมองไปที่วงรัศมีเหนือหัวของทุกคน ก่อนจะพบว่าหลังจากปรากฏสัญลักษณ์สีทองแล้ว วงรัศมีของทุกคนเปลี่ยนไป

ระดับความสว่างของวงรัศมีทุกคนเพิ่มขึ้นมาก

จากคนที่ตอนแรกเขียวอ่อน ตอนนี้เป็นเขียวเข้มหรือเขียวแก่

คนที่ตอนแรกสีเขียวอมแดง ตอนนี้แสงสีแดงมากขึ้น กระทั่งปรากฏจุดสีแดง

โดยเฉพาะเถ้าแก่ซ่ง เดิมทีวงรัศมีเป็นสีเขียวอ่อน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวงรัศมีสีเขียวมีจุดแดงแล้ว

เรียกได้ว่าดวงชะตาแกร่งขึ้น เหมือนลอกคราบใหม่!

เสิ่นเทียนอดคาดเดาอย่างหนึ่งในใจมิได้ หรือว่าสัญลักษณ์สายฟ้านี้จะเกี่ยวข้องกับจี้หยกคู่นั้น เพราะทุกคนได้แบ่งโชควาสนาของจางอวิ๋นซีไปด้วยเล็กน้อย ดังนั้นดวงชะตาของทุกคนที่นี่จึงเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้น “ทุกคนตรวจสอบตัวเองหน่อยว่ามีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่”

เมื่อได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียนแล้ว ทุกคนอดอึ้งไปมิได้ ก่อนจะพบสัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วคนอื่น

“ซู้ด เถ้าแก่ซ่ง ทำไมตรงระหว่างคิ้วถึงมีภาพสายฟ้าล่ะ?”

“เจ้ามีหน้ามาว่าข้ารึ บนหน้าผากเจ้ามีสัญลักษณ์โผล่มาต่างหากล่ะ!”

“บนหัวพวกเจ้าเหมือนจะมีสัญลักษณ์นี้กันหมดนะ หือ ข้าก็เหมือนกัน!”

…….

ทันใดนั้น เถ้าแก่ซ่งเหมือนนึกอะไรออก

เขาร้องตกใจว่า “หรือว่าจะเป็นอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยาง”

และเหตุที่เสิ่นเทียนสัมผัสได้ว่ามีพลังมุดเข้ามาในร่างของตนก็น่าจะเป็นอันนี้

………

“แปลกมาก พลังวิญญาณของข้ามีคุณสมบัติสายฟ้าด้วย”

เถ้าแก่ซ่งร้องตกใจ

เมื่อครู่เขาลองปล่อยพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อยให้พันปลายนิ้ว แต่ตอนนี้ปลายนิ้วเขากลับเปล่งแสงสายฟ้าสีเงินออกมา

แสงสายฟ้านั้นขยับวูบวาบไม่หยุด สว่างจ้าเป็นพิเศษ

เห็นดังนั้น แม้แต่เสิ่นเทียนยังอึ้งไปแทบจะตกใจจนร้องออกมา

“ข้าก็จะลองดูด้วย!”

สยงเหมิ่งตะโกนเสียงดังก่อนปะทุพลังวิญญาณทั่วร่าง

ทันใดนั้นสายฟ้าสีขาววนเวียนรอบตัวเขา ส่องแสงเขาเหมือนกับหมีขาวตัวใหญ่

กุ้ยกงกงกับฉินเกามองหน้ากันและรวมพลังวิญญาณเช่นกัน

ร่างมายาทานตะวันมารสีทองสองดอกลอยขึ้นมาข้างหลังสองคน แผ่กลิ่นอายแปลกประหลาด

แต่รอบๆ ร่างมายาทานตะวันมารในตอนนี้มีประกายสายฟ้าสีม่วงอมฟ้าวนเวียนอยู่ ประกายสายฟ้านี้ไม่ยิ่งใหญ่ทรงพลังเหมือนประกายสายฟ้าสีขาว กระทั่งดูทะมึนทึบเล็กน้อย

กุ้ยกงกงเหมือนคิดอะไรได้จึงสำแดงท่าร่างทานตะวัน

วินาทีนั้นพบว่ามีร่างมายาสีม่วงอมแดงขยับวูบไหว

กุ้ยกงกงไปปรากฏห่างไปหลายจั้ง

สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ความเร็วข้าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแล้ว!”

ไม่นึกเลยว่าองค์ชายเลือกแร่วิญญาณมาตามอำเภอใจก้อนหนึ่งจะผ่าได้สมบัติล้ำค่าสูงสุด

ในที่สุดดวงชะตาองค์ชายก็เปลี่ยนไปแล้ว หากพระสนมหลานที่แดนปรโลกรู้เข้า จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน!

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน