ถ้าบอกว่าเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม คือการบ่มเพาะสายฟ้าเทพสิบชนิดภายในจุดตันเถียนละก็ เช่นนั้นเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีก็คือการใช้สายฟ้าทรงพลังต่างๆ ขัดเกลากายหยาบจนถึงระดับโลหะกายหยาบที่แกร่งที่สุด จู่โจมทีเดียวทำลายหมื่นวิชา
ด้วยเหตุนี้ คนที่ฝึกฝนเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมก็ไม่ได้ต้องฝึกเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีเสมอไป
ทว่าผู้ฝึกกายที่ฝึกฝนเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีปกติจะฝึกเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมควบคู่ไปด้วย
เล่าลือกันว่าหากฝึกฝนเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีสำเร็จจะยกระดับคุณสมบัติกายขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ทำให้กายหยาบแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังผลัดเปลี่ยนเป็นคุณสมบัติกายเช่นกายวิญญาณอัสนีไม้ลำดับหนึ่งหรือกายวิญญาณอัสนีทองลำดับเจ็ดเป็นต้น
ถ้าผลัดเปลี่ยนเป็นกายวิญญาณอัสนีเหล่านี้ได้ พลานุภาพวิชาอัสนีที่สำแดงออกมาจะแกร่งขึ้นมากเช่นกัน
……..
ก็เหมือนกับจางอวิ๋นซี คุณสมบัติกายนางคือกายวิญญาณอัสนีธาตุทองลำดับเจ็ด ด้วยคุณสมบัติกายนางแล้วเมื่อฝึกฝนอัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ด จะแสดงอานุภาพได้เหนือกว่าคนอื่นไปไกลโข
กล่าวได้ว่าผู้สืบทอดสายตรงที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ล้วนฝึกพื้นฐานทั้งปราณและกาย เพราะมีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะเป็นใหญ่ในขอบเขตพลังเดียวกันอย่างแท้จริง ถึงจะต่อสู้แย่งชิงกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ได้
เสิ่นเทียนนึกย้อนไปถึงวิชาเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีพลางตระหนักถึงความลึกลับในใจ
ข้าฝึกฝนอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าสำเร็จแล้ว ดังนั้นถ้าฝึกเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีละก็ ก่อนอื่นสุดเลยน่าจะใช้อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าขัดเกลากายหยาบ จากนั้นรวมออกมาเป็นกายวิญญาณอัสนีเต่าดำธาตุน้ำลำดับเก้า
ปวดไข่ เหตุใดถึงเกี่ยวกับเต่าดำอีกแล้ว
ปกติข้าก็สุขุมระมัดระวังอยู่แล้วนี่?
สงสัยว่าคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์นี่คงมีเจตนาร้ายกับข้า
……..
ถึงจะคับอกคับใจ แต่วิชาหลอมกายสุดยอดวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ควรฝึกก็ต้องฝึก
เสิ่นเทียนนั่งบนกองศิลาวิญญาณก่อนเริ่มรวมอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าออกมาขัดเกลากายหยาบ
สายฟ้าสีดำลอยขึ้นมาบนผิวกายเสิ่นเทียนทีละสาย เปล่งแสงวาววับ จากนั้นมันเริ่มซึมเข้าไปในร่างกายช้าๆ ขัดเกลากล้ามเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็นเนื้อเยื่อของเขา
ต้องบอกว่าเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีให้ผลการขัดเกลากายหยาบสูงกว่าคัมภีร์คบเพลิงจริงๆ
เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่ากายหยาบตนกำลังแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อีกทั้งยังเสียศิลาวิญญาณไปแค่หนึ่งส่วนของวิชาหลอมกายคบเพลิง!
ทว่าไม่นานเสิ่นเทียนก็รู้สึกตัวแปลกๆ เพราะไม่รู้เหตุใดบ่าเขาถึงหนักขึ้น
เดิมทีน้ำมวลหนักปฐมกาลเข้าไปในร่างเขาแล้ว เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลย
แต่ยามนี้ เขาพลันรู้สึกหนักบ่า กดจนเป็นทุกข์มาก อีกทั้งอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าที่เดิมทีปกคลุมผิวกายเสิ่นเทียนและเชื่อฟังอย่างยิ่งก็แยกออกไปเช่นกัน
ตอนนี้อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าสีดำแยกออกเป็นอัสนีเทพสีทองกับน้ำมวลหนักสีเงินอีกครั้ง วัตถุวิญญาณที่เดิมทีเชื่อฟังอย่างยิ่งในร่างเสิ่นเทียนเหมือนจะก่อกบฏ
‘หรือว่าดวงชะตาข้ายังไม่สูงพอ จะธาตุไฟเข้าแทรกอีกแล้วรึ’
เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนรีบฝืนหยุดเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีกลางคัน แม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงไปทั่วร่าง
อัสนีเทพกำเนิดฟ้ากับน้ำมวลหนักปฐมกาลก่อเรื่องขึ้นพร้อมกัน ทำให้เขารู้สึกตัวจะระเบิดตลอดเวลา
วินาทีนั้นเขาลนลานนิดๆ แล้ว
หรือข้าจะต้องตาย?
…….
ทันใดนั้นเองวิชาหลอมกายคบเพลิงในตัวเสิ่นเทียนเริ่มโคจรขึ้นเอง อัสนีเทพกำเนิดฟ้าและน้ำมวลหนักปฐมกาลที่เดิมทีก่อเรื่องวุ่นวายอยู่ค่อยๆ สงบลง
เหมือนกับนักเรียนสองคนที่เตรียมจะโดดเรียนแล้วจู่ๆ ก็เห็นครูมา
หนึ่งกระโดดกลับระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งหนีกลับไปในไต กลายเป็นนักเรียนที่สงบเรียบร้อยทันที
เสิ่นเทียนถึงกับตะลึงงัน
‘โอ้ โดนปราบแล้วเหรอ’
เสิ่นเทียนรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย นี่มันไม่สมเหตุผลเลย!
วิชาหลอมกายสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อันยิ่งใหญ่กลับถูกสยบด้วยคัมภีร์คบเพลิง?
ช่วงที่โคจรเคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนี ยอดวัตถุวิญญาณสองอย่างพยศไม่เชื่อฟังเหมือนกันฮัสกี้รื้อบ้าน ทว่าเมื่อสลับมาเป็นวิชาหลอมกายคบเพลิงแล้วกลับเชื่อฟังราวกับหมาเลียหน้า
นี่ทำให้เสิ่นเทียนต้องมองวิชาหลอมกายคบเพลิงในมุมใหม่
แบ่งเวลาพักผ่อนบ้างแล้ว เสิ่นเทียนก็ว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย สามคนเดินออกจากตำหนักใจพิสุทธิ์ เดินทอดน่องเนิบๆ กลางตำหนัก
สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนปลื้มใจคือในที่สุดก็ไม่มีพวกแฟนคลับคลั่งมาพัวพันตนแล้ว
สามคนผ่านไปที่ใด ขันทีและนางกำนัลทั้งหมดจะแสดงความเคารพแล้วแยกย้ายหายไปหมด
เสิ่นเทียนคิดถึงความรู้สึกเงียบสงัดที่ห่างหายไปนานเช่นนี้ยิ่งนัก!
ในมือถือลูกประคำเก้าโอรสพลางเดินเล่นผ่อนคลายในวัง
เดินไปเดินมาเสิ่นเทียนมาอยู่หน้าคลังจัดการภายในโดยไม่รู้ตัวเลย ก่อนจะเห็นบนป้ายประกาศหน้าคลังจัดการภายในมีประกาศแจ้งเตือนไว้
ประกาศนี้ออกมาเมื่อสามวันก่อน ใจความคร่าวๆ คืองานเลี้ยงใหญ่ในวังอีกห้าวันให้หลัง
งานเลี้ยงใหญ่นี้ พระองค์จักรพรรดิเหยียนกำชับให้จัดขึ้นแบบพิเศษ เพื่อเป็นการส่งฝ่าบาทองค์ชายหกออกเดินทาง
หลังจากงานเลี้ยงนี้ องค์ชายหกเสิ่นเอ้าจะออกจากอาณาจักรต้าเหยียน เดินทางพันลี้ไปคารวะอาจารย์ ถึงอย่างไรสำหรับพรรคเซียนอย่างแดนเทวาดาวประกายพรึกแล้ว มีประเพณีลูกศิษย์เดินทางไปสำนักเอง
เว้นแต่จะเป็นอัจฉริยะเลิศล้ำ ไม่อย่างนั้นทางพรรคไม่มีทางมารับเจ้าแน่
เสิ่นเทียนมองป้ายประกาศพลางขบคิด ‘พี่หกจะไปแล้วหรือ’
……..
พูดถึงพี่หกท่านนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกผิดมาก ในเมื่อสองวันจากนี้คืองานเลี้ยงส่งลาของพี่หก เขาคิดว่าอย่างไรตนก็ต้องไปส่งเขาออกเดินทางเช่นกัน
ให้ของขวัญอะไรอีกนิดหน่อย ถือเป็นการชดใช้ให้เสิ่นเอ้า
แม้จะกินโอสถลบความจำไปแล้ว เสิ่นเอ้าอาจจะไม่รู้เหตุและผลหน้าหลังแล้ว ทว่าเสิ่นเทียนเคยหลอกเสิ่นเอ้า มันจึงเป็นปมในใจเขา
เพราะอย่างไรเสิ่นเอ้าก็สายเลือดเดียวกับเขา เป็นพี่น้องแท้ๆ กันนะ!
พอนึกถึงตรงนี้ นัยน์ตาเสิ่นเทียนก็มีความแน่วแน่ขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปในคลังจัดการภายในช้าๆ
…………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน