ทันทีที่จางอวิ๋นซีเอ่ยนามนี้ หมอกดำทั้งหมดเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดมากว่าผู้สูงศักดิ์ที่ซ่อนอยู่ในหมอกดำพวกนั้นต่างว้าวุ่นใจกันเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นสายพันธุ์ปรับแก้จากบัวครามธรรมชาติระดับเจ็ด บัวเขียวนภากาศ”
“หรือว่าจะเป็นฉู่หรงเหอ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ถอยเร็ว!”
หมอกดำแต่ละกลุ่มพลันสลายหายไป ผู้สูงศักดิ์จำนวนมากกลายเป็นร่างเงาหนีกันไปทุกสารทิศ เพราะพวกเขารู้ดีว่าบัวสีมรกตดอกนี้หมายถึงอะไร
นั่นถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเจ้าปกครองที่ล่วงเกินไม่ได้ทั้งแดนบูรพา!
ผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณรวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็หนีไปไกลหมื่นจั้ง
ทว่าตอนนี้เองมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากมวลอากาศ
“กล้าแตะต้องบุตรสาวของศิษย์น้องข้า พวกเจ้ายังคิดจะหนีอีกรึ?”
เพิ่งกล่าวจบ ดอกบัวมรกตนั้นก็ยิงเปลวเพลิงออกไปสิบกว่าสายทันที เปลวเพลิงพวกนั้นออกเป็นสีราวกับมรกต ใสแวววาวสวยงาม
พวกมันลากผ่านท้องนภาไปในทันใด พุ่งใส่หมอกดำกลุ่มก้อนพวกนั้น เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ตามหมอกดำทั้งหมดทัน
……
เปลวเพลิงสีมรกตระเบิดออกโดยพลัน เป็นกรงขังแผดเผากลุ่มหมอกดำพวกนั้น ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังมาจากกลางหมอกดำ
ชั่วประเดี๋ยวเดียวราคาต้องจ่ายที่หมอกดำแผดเผาทั้งหมดคือผู้สูงศักดิ์กลางหมอกถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเปลวเพลิงสีมรกตเหล่านั้นม้วนแหวนเก็บของแต่ละวงลอยกลับมา
เปลวเพลิงทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน ค่อยๆ กลายเป็นร่างคนหนึ่ง คนนั้นรวมกายปรากฏต่อหน้าทุกคนเป็นนักพรตชราท่านหนึ่ง
เขาดูเป็นคนชราสุขภาพดี สวมชุดคลุมเซียนยันต์แปดทิศ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่น ราวกับเซียนเต๋าแท้จริง แน่นอนถ้าสองมือเขาไม่ได้สวมแหวนเก็บของอยู่เต็มละก็ ฐานะผู้สูงส่งแก่กล้านี้ก็ยังบรรยายออกมาได้สมจริงยิ่งกว่านี้อีกหน่อย
เมื่อเห็นนักพรตชราท่านนี้แล้ว จางอวิ๋นซีโล่งอก
แม้อาจารย์ลุงท่านนี้จะมีชื่อเสียงเรื่องทำอะไรไม่ได้มาตรฐานก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าศักยภาพเขาอยู่ในระดับชั้นสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงจริงๆ
มีเขาอยู่ จี้หยกมังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ถือว่าปลอดภัยแล้ว
นักพรตชราขยับวูบไหวร่างมาอยู่ข้างกายจางอวิ๋นซีทันที
เขาเตะขาออกไปทีแล้วว่า “ซีเอ๋อร์อย่ากลัว ไอ้นกนี่ทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก”
…..
เปรี้ยง!
นักพรตชราเตะออกไปทีดูเหมือนไม่มีความลึกล้ำอะไรเลย ทว่ากลับแข็งแกร่งจนน่ากลัว
เขาเตะใส่ปีกอินทรียักษ์ปีกทองทีหนึ่งจนมันกระเด็นลอยไปไกลร้อยจั้ง ขนนกสีทองอาบโลหิตสีทองอมแดงร่วงโรยลงมาจากฟ้าทีละหย่อม
นัยน์ตาอินทรียักษ์ปีกทองเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว “นี่เป็นไปได้อย่างไร!”
ต้องรู้ว่าเผ่าอินทรียักษ์ปีกทองมียอดอาวุธสังหารทรงพลังสามชิ้น
หนึ่งคือกรงเล็บคมกริบของพวกมัน สามารถฉีกมวลอากาศได้
สองคือจะงอยปากคม ทะลวงได้ทุกสิ่ง
และสามคือสองปีกของพวกมัน มีความรวดเร็วยิ่งในใต้หล้า อีกทั้งสองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองยังมีพลังโจมตีแข็งแกร่ง
บนสองปีกพวกมันคลุมด้วยขนปักษาที่แข็งทนทานเสียยิ่งกว่าเหล็กทมิฬ ราวกับดาบเทพเลิศล้ำ
ในยามต่อสู้ สองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองสามารถใช้เป็นดาบนักรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งในมรดกของเผ่าพญาปักษายังมีวิชาดาบที่สำแดงด้วยปีก…ปักษาสวรรค์เก้าตัดสังหาร
นี่คือคู่ยอดอาวุธสังหารไร้เทียมทาน
แต่ยามนี้สองปีกของมันกลับถูกผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเตะทีเดียวแตก สำหรับเผ่าพญาอินทรีปีกทองผู้สูงศักดิ์แล้ว นี่คือความอัปยศอันใหญ่หลวง!
…….
“เจ้ามนุษย์ เจ้ายั่วโมโหข้าแล้ว! เจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพคนแรกที่ข้าสังหารตั้งแต่ลงมาเยือนแดนบูรพา!
ดูตัดสังหารแรกของเก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ข้า…ตัดสังหารแดนดิน!”
อินทรียักษ์ปีกทองบินขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างมหึมาเปล่งแสงสว่างทรงอำนาจหมื่นจั้ง คมดาบเทพยักษ์ยาวร้อยจั้งปรากฏกลางมวลอากาศก่อนฟันใส่นักพรตชรา
ดาบนี้ลากผ่านที่ใด แม้แต่มวลอากาศยังพังทลายลง เหมือนกับนามเรียกขานของดาบนี้ ตัดสังหารแดนดิน
ถ้าฝึกกระบวนท่านี้ถึงจุดสูงสุด การทำลายแดนดินด้วยดาบเดียวมิใช่คำเกินจริงไปเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน