นางได้ฟังเรื่องเล่าของบิดาตัวเองมาจนเติบใหญ่ จึงเลื่อมใสในตำนานนี้!
จางอวิ๋นซีคารวะด้วยความนบนอบ “ลูกปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำของศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ว่า “ดีมาก”
จางอวิ๋นซีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เรียนท่านพ่อ ตอนที่จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ปรากฏ แก่นรากอัสนีเทพได้แตกสลายเข้าไปในร่างผู้มีวาสนาหลายคน
หากผู้มีวาสนาหลายคนนี้ฝึกวิชาอัสนีของฝ่ายเรา จะต้องบรรลุถึงระดังสูงสุดอย่างแน่นอน ลูกคิดว่าส่งคนไปเชิญพวกเขามาฝึกบำเพ็ญที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเราได้”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงเอ่ยเรียบๆ “ได้”
น้ำเสียงของเขาไม่เย็นชา แต่กลับทำให้คนไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ เลย เหมือนกับว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ใช่คนเป็น แต่เป็นเครื่องจักรกลไก
จางอวิ๋นซีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่นานถึงค่อยถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น ลูกขอตัวก่อน”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ตอบ จางอวิ๋นซีหมุนตัวกลับเดินจากไป ประตูใหญ่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ปิดลงอีกครั้ง
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนสุดท้าย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนบัลลังก์ไม่ได้แสดงความห่วงใยบุตรสาวของตนเลย
…..
นักพรตชราเอียงศีรษะมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “เจ้าแอบฝึกวิชาชั่วร้ายนั่นอีกแล้วรึ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองนักพรตชรา “ศิษย์พี่ก็รู้นี่ว่านั่นไม่ใช่วิชาชั่วร้าย”
นักพรตชราเบ้ปาก “ตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนา ยังไม่ใช่วิชาชั่วร้ายอีกรึ”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ย “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหัวรั้นเกินไปแล้ว”
นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “เพื่อเติมเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ให้สมบูรณ์รึ คนที่หัวรั้นคือเจ้าต่างหาก!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถามว่า “อวิ๋นซีบอกว่าจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์อยู่ที่ศิษย์พี่หรือ”
นักพรตชราพยักหน้าเหมือนเรื่องควรเป็นเช่นนั้น “ทำไมรึ ลูกสาวที่รักของเจ้าให้ข้าดูแลเอง”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดขึ้น “รบกวนศิษย์พี่แล้ว ตอนนี้เอาจี้หยกมาให้ข้าได้แล้วละ”
นักพรตชราตอบอย่างถูกต้องชอบธรรม “ไม่ได้ ข้ารับปากเสี่ยวซีเอ๋อร์ไว้แล้ว ใครก็อย่าคิดแย่งมันไปจากข้า”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์งุนงง
สายฟ้าที่วนเวียนรอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ส่วนไอเซียนเข้มข้นที่ลอยอยู่บนผิวกายเขายังหมุนวนไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดคลื่นอารมณ์แล้ว “ศิษย์พี่ จี้มังกรพยัคฆ์เป็นสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”
นักพรตชราหัวเราะ “แล้วอย่างไร เจ้าไม่ใช่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่มีสัญลักษณ์คนแรกสักหน่อย!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “จี้มังกรพยัคฆ์เกี่ยวพันไปถึงความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของฝ่ายเรา ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”
นักพรตชราหัวเราะเหอะๆ “โอ้ ศิษย์น้องรองในที่สุดเจ้าก็ร้อนใจแล้วรึ ตกลง ศิษย์พี่ให้จี้มังกรพยัคฆ์กับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องตอบตกลงเงื่อนไขของข้าสองสามข้อก่อน”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเฉยชา “เชิญศิษย์พี่พูดมาตามตรงได้เลย”
นักพรตชรามองพิจารณาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก่อนพูดว่า “หัวเราะให้ศิษย์พี่ดูก่อน”
สายฟ้ารอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไหลเวียนบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ไอเซียนก็แตกสลาย แววตาของเขาบีบคั้นราวกับสายฟ้าแลบ จ้องตรงไปที่นักพรตชรา “ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”
นักพรตชราแสยะยิ้ม “เจ้าฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าไม่ใช่เพื่อเติมเต็มเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์รึ ตอนนี้แม่หนูซีเอ๋อร์เอาจี้มังกรพยัคฆ์กลับมาแล้ว เจ้าไม่หยุดวิชาแล้วจะมัวรออะไร!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเย็นชาว่า “ศิษย์พี่ไม่เข้าใจ ข้าพบดินแดนใหม่แล้ว วิชามรรคหนึ่งแขนงยากจะมีสองจักรพรรดิ ข้าจะเดินบนวิถีใหม่ และการฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าก็สำคัญกับมันมาก ข้าจะไม่มีทางล้มเลิก!”
“อ้อ!”
นักพรตชราเบ้ปาก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เดินไปบนวิถีใหม่เถอะ! เพื่อไม่ให้เจ้าธาตุไฟเข้าแทรก ศิษย์พี่จะเก็บจี้หยกนี้ไว้ให้เจ้าเอง เผื่อวันใดเจ้าจำญาติพี่น้องไม่ได้ จี้หยกนี้จะได้ไม่หายสาบสูญไปอีก”
เอ่ยจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินออกไปจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน