“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแก่นรากมหาอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางปัญจธาตุ หายากมาก แต่จื่อหยาง เจ้าแพ้ให้กับระดับแก่นพลังทองคนเดียวรึ ดูท่ากระบี่ของเจ้ายังไม่แกร่งพอ ยังไม่เร็วพอ”
บุรุษมองผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง ไม่ได้มีเผยประกายคมกริบ และไม่มีอำนาจคุกคามเย็นชา แค่เอ่ยเรียบๆ เช่นนั้นกลับทำให้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางตัวสั่นไปทั้งตัว
บุรุษเอ่ยอย่างเฉยชา “ช่างเถอะ กลับฝ่ายครั้งนี้มาหาข้าที่ภูเขาข้างหลังด้วย”
เมื่อสิ้นเสียง ใบหน้าผู้สูงศักดิ์จื่อหยางที่เดิมทีโดนอัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดผ่าจนดำ ตอนนี้ดำยิ่งกว่าเดิมอีก
กำชับผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเสร็จ บุรุษร่างสูงใหญ่ก็กวาดสายตามองทุกคนอีกครั้งก่อนจะอึ้งไป เพราะเขาเห็นคนคุ้นตาในกลุ่มคนนั้น นั่นมันไอ้เด็กดวงซวย!
“เหลียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าแอบหนีออกมาอีกแล้ว กระถางนั่น…”
หลังเห็นกระถางบนหัวหลี่เหลียนเอ๋อร์ชัดเจนแล้ว ทุกคนสังเกตเห็นชัดเจนว่าบุรุษร่างสูงใหญ่แกว่งไปมา จากนั้นอำนาจคุกคามในตำหนักไร้พรมแดนพลันแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก “เหลียนเอ๋อร์เจ้า!”
หลี่เหลียนเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย รีบเอากระถางลงมาซ่อนไว้ข้างหลัง
“ไม่เห็น ท่านพ่อไม่เห็น ท่านพ่อไม่เห็น”
บุรุษร่างสูงใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “ใครคือเสิ่นเทียน ก้าวออกมา”
เสิ่นเทียนตกใจก่อนถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวอย่างสง่างาม ตอนนี้คนโง่สิจะก้าวออกไป!
จางอวิ๋นซีเงยหน้ามองบุรุษกลางอากาศพลางเอ่ยว่า “อาจารย์อาธารนิรันดร์ เสิ่นเทียนคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพ แต่กลับสร้างความลำบากให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้า หากเรื่องนี้แพร่งพรายไปคงไม่เหมาะสมกระมัง!”
ร่างแปลงดวงจิตของหลี่ชางหลันหัวเราะเยาะ “ข้าเคยสนใจความคิดคนอื่นด้วยรึ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับฝ่ายข้าเป็นมิตรกันมาตลอด ในเมื่อเขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พวกเจ้า ข้าก็จะพาเขากลับแดนเทวาดาวประกายพรึก สั่งสอนเขาสุดตัวแทนศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์สักระยะแล้วค่อยส่งคืนแล้วกัน”
……..
คำพูดของหลี่ชางหลันบ้าอำนาจอย่างยิ่ง แม้จะมาจากแดนเทวา แต่กลับไม่ให้ที่ยืนสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างจางอวิ๋นซีสักเท่าไร
ทันใดนั้นจางอวิ๋นซีมีสีหน้ามืดทึมลงเล็กน้อย “หรือก็คือ อาจารย์อาธารนิรันดร์จะไม่ไว้หน้าตรงนี้ใช่หรือไม่”
หลี่ชางหลันแค่นยิ้มอย่างเย็นชา “สำหรับข้าแล้วพูดได้ เจ้ายังขาดประสบการณ์อีกเยอะ”
เมื่อเขาเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศอีก
“อ้อ? ศิษย์น้องรองพูดได้ เช่นนั้นข้าล่ะพูดได้หรือไม่”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น มวลอากาศพลันเปิดเป็นช่องหนึ่ง ก่อนนักพรตชราดั่งเซียนจะเดินออกมาช้าๆ
ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มเจิดจรัส เพียงแต่ตอนที่กวาดสายตามองเสิ่นเทียนจะมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
ตอนที่เห็นคนคนนี้ ร่างแปลงดวงจิตของผู้สูงศักดิ์กระบี่ธารนิรันดร์กลางอากาศแกว่งไกวอีกครั้งอย่างชัดเจน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนว่า “ที่แท้ก็ศิษย์พี่บัวมรกต แค่กๆ ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”
นักพรตชรามองหลี่ชางหลันพลางใคร่ครวญแวบหนึ่งก่อนพูดยิ้มๆ “ไม่ค่อยดีเท่าไร ยากจนน่ะ!”
หลี่ชางหลันเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี ก่อนจะม้วนป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่ยิงออกไปไกล
นักพรตชรายิ้มแบบมีแผนในใจอยู่แล้ว “ไม่ได้เจอกันหลายร้อยปี ศิษย์น้องแมลงสาบเจ้ายังระวังเหมือนเดิมเลย แต่ศิษย์น้องแมลงสาบไม่รู้หรอก! ว่าเจ้าหนูเสิ่นเทียนคือศิษย์คนสุดท้ายที่ศิษย์พี่ถูกใจ เจ้าบอกว่าจะพาไปก็พาไปเลย นั่นอาจจะไม่ไว้หน้าศิษย์พี่เกินไปหน่อยกระมัง!
ลงมือกับศิษย์ที่รักของศิษย์พี่ แถมยังไม่ชดใช้อะไรอีก
ศิษย์น้องแมลงสาบ เจ้าคิดว่าเจ้าออกไปได้รึ”
……
ทันทีที่เอ่ยจบ ร่างของนักพรตชราพลันกลายเป็นเปลวไฟสีมรกตกลุ่มหนึ่ง
เปลวไฟนั้นเหมือนดาวตกดวงหนึ่ง ลากผ่านมวลอากาศพุ่งตามป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่กับจื่อหยางไป
หลี่ชางหลันมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย กระบี่ยาวข้างหลังออกจากฝักทันที เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ส่งลำแสงกระบี่ทำลายล้างจากมวลอากาศเป็นพันเป็นหมื่นสายพุ่งไปยังนักพรตชรา ราวกับแม่น้ำใหญ่ไหลทะลัก
นี่ก็คือเคล็ดกระบี่สูงสุดที่หายสาบสูญไปของแดนเทวาดาวประกายพรึก…ปราณกระบี่ธารนิรันดร์ไร้พรมแดน!
เมื่อสำแดงวิชานี้ บนฟ้าทั้งพระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนพลันถูกประกายกระบี่ปกคลุม เหมือนกับจู่ๆ มีสายฝนดาวตกในยามกลางวันฟ้าใส
พอเห็นอานุภาพวิถีกระบี่เช่นนี้แล้ว นัยน์ตาจางอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเฝ้าใฝ่หา นี่สิกำลังรบแท้จริงของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพ นางในตอนนี้ยังห่างชั้นไม่อาจเทียบได้เลย
ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ!
นักพรตชราเห็นลำแสงกระบี่ทำลายล้างที่แทบจะไร้ขีดจำกัดพุ่งมาแล้ว นัยน์ตาเขาไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ
“อภินิหารคบเพลิง…ปากเขมือบแปดทิศ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน