ป้ายคำสั่งสีทองมีขนาดเพียงฝ่ามือ นักพรตชรากัดไม่กี่คำก็กินไปเหลือครึ่งเดียว
“บัวมรกตเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เก่งจริงก็คืนร่างแยกข้าแล้วมาสู้กันอย่างยุติธรรม!”
เสียงหลี่ชางหลันดังด้วยความโมโหมาจากป้ายคำสั่งที่เหลือครึ่งเดียว
นักพรตชราเบ้ปาก “คิดจะใช้ลูกไม้หลอกข้ารึ เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ความคิดฉลาดมาก นี่เจ้าเป็นศิษย์น้องรองของข้าหรือไม่ ร่างแยกเจ้าลงมือกับศิษย์ข้า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ศิษย์พี่จะกัดเจ้าเพื่อเป็นการสั่งสอนเจ้าก่อน
อยากได้จิตต้นกำเนิดของเจ้าคืนรึ เตรียมศิลาวิญญาณสิบล้านก่อนให้พร้อม แล้วก็มาหาศิษย์พี่แล้วกัน!”
เอ่ยจบ แสงสว่างสีมรกตในมือนักพรตชราขยับแสงวูบวาบ ก่อนจะคลุมผนึกป้ายคำสั่งเอาไว้ในพริบตา การกระทำของเขามีการควบคุมที่สุดยอดไม่เหมือนใคร ทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนเห็นแล้วยังตาค้าง
ละครใหญ่ ละครใหญ่ประจำปี!
ก่อนอื่นองค์หญิงน้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาแย่งผู้ชายกันถึงอาณาจักรต้าเหยียน ต่อมาก็ปรากฏตัวเจ้ากระบี่สูงสุดแห่งแดนบูรพาในตำนานคนนั้น ก่อนจะทำศึกตัดสินกับผู้อาวุโสบัวมรกตแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตำหนักไร้พรมแดน
ละครทั้งวิเศษและหักมุมตลอด ผู้บำเพ็ญหลายคนฝึกฝนทั้งชีวิตแล้วก็อาจจะไม่ได้เห็น
คุ้มแล้ว การเลี้ยงส่งองค์ชายหกเสิ่นเอ้าครั้งนี้คุ้มค่าการมาอย่างยิ่ง
หือ เดี๋ยวก่อน วันนี้เป็นงานเลี้ยงส่งองค์ชายหกหรือ?
……
ก็ได้!
ตอนนี้เสิ่นเอ้าสิ้นหวังในใจแล้ว ตอนแรกกว่าเขาจะรับผิดเอาไว้ไม่ให้อาจารย์โกรธได้ไม่ใช่ง่ายๆ ตอนนี้เอาล่ะ สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้อาวุโสปรากฏตัว อันดับแรกนางชกอาจารย์ปลิว
จากนั้นก็ปล้นทรัพย์อาจารย์จากหัวจรดเท้า ทั้งจีวรเต๋าและกระบี่วิเศษกระทั่งถุงเท้าจากในแหวนมิติไปหมด ภาพจำไม่เคยลืมเลือนนั้นมากพอจะทำให้อาจารย์อย่าได้หวังก้าวออกมาจากเงามืดอีกหลายเดือน
หากดวงไม่ดี พลังบำเพ็ญอาจจะลดลงเพราะเกิดมารในใจขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และทุกอย่างเป็นเพราะเขามาร่วมงานเลี้ยงส่งของเสิ่นเอ้า
เฮือก นึกถึงตรงนี้ เสิ่นเอ้าอยากจะร้องไห้จริงๆ
จะว่าไปถ้าข้าทุบหม้อขายเหล็กซื้อโอสถลบความจำขั้นสี่ให้อาจารย์สักเม็ดยังทันหรือไม่
รอเดี๋ยว เหตุใดจู่ๆ ข้าถึงคิดจะซื้อโอสถลบความจำให้อาจารย์กัน
แม้จะได้ผลจริงๆ แต่ก็ตอบสนองไวไปกระมัง!
………..
นักพรตชราแทะป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ไปครึ่งก้อนแล้วก็ทำปากแจ๊บๆ เหมือนยังสนุกไม่พอ แต่เหลือครึ่งก้อนจะกินต่อไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นร่างแยกของเจ้าหลี่ชางหลันได้ดับสูญไปแน่
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลี่ชางหลันจะต้องแบกกระบี่หนักทมิฬมาสู้สุดชีวิตกับข้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แน่ และที่สำคัญกว่านั้นคือถึงตอนนั้นก็จะไม่มีวิธีรีดไถศิลาวิญญาณสิบล้านก้อนได้
“เฮ้อ เหตุใดเจ้านี่ไม่หลอมป้ายคำสั่งใหญ่กว่านี้หน่อยนะ”
นักพรตชราเบะปาก ก่อนจะมองในกระถางดอกไม้เหนือหัวหลี่เหลียนเอ๋อร์อีกครั้ง
ใช่ ตอนนี้หลี่เหลียนเอ๋อร์เอากระถางมาวางไว้บนหัวอีกแล้ว เหมือนกลัวเสิ่นเทียนไม่เห็น
ตอนนี้เห็นนักพรตชรามองมา หลี่เหลียนเอ๋อร์พลันวิ่งมาหลบหลังจางอวิ๋นซี “พี่อวิ๋นซี”
จางอวิ๋นซีพูดด้วยความจนปัญญา “อาจารย์ลุงบัวมรกต เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติยอมรับเหลียนเอ๋อร์เป็นนายแล้ว จะเปลี่ยนเจ้าของไม่ได้หรอกนะ”
จางอวิ๋นซีไม่ได้แค่พูดให้ผู้อาวุโสบัวมรกตฟังเท่านั้น แต่ยังพูดให้ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในตำหนักไร้พรมแดนฟังด้วย ถึงอย่างไรเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติที่ยังไม่มีนายกับยอมรับนายแล้วก็มีมูลค่าต่างกันอย่างยิ่ง
หากเป็นอย่างหลังจะไม่มีใครเสี่ยงล่วงเกินหลี่ชางหลันมาแย่งไปแน่
นักพรตชรายิ้มเขินอาย “แค่กๆ เสี่ยวซีเอ๋อร์เจ้ามองว่าอาจารย์ลุงเป็นคนอย่างไรกัน หน่ออ่อนน้ำเต้าในกระถางเพิ่งจะโตมาแค่นี้เอง อาจารย์ลุงจะไปหมายปองมันได้อย่างไร!”
……..
หลังจากเปลี่ยนหัวข้อสนทนาน่าอึดอัดวางตัวไม่ถูกไปแล้ว นักพรตชราก็มองเสิ่นเทียนอีกครั้ง ตอนแรกเขาคิดว่าพอเจอเสิ่นเทียนจะใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งบังคับรับเขาเป็นศิษย์
แต่พอเจอเสิ่นเทียนจริงๆ แล้ว นักพรตชรากลับลังเลเล็กน้อย เพราะเมื่อสัมผัสอย่างละเอียด เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร่วมกันที่ใกล้ชิดกันรางๆ จากตัวเสิ่นเทียน
เมื่อระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความรู้สึกร่วมใกล้ชิดกันนั้นก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่นานเขาก็พบเรื่องน่ากลัวเรื่องหนึ่ง ‘เขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน