ถึงอย่างไรการรับศิษย์ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก การรับศิษย์ที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงยิ่งไม่ใช่เรื่องเล็กไปอีก
ในประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนของการบำเพ็ญเซียนที่แสนลำบากระหกระเหินของนักพรตชรา การมีปากกินข้าวเพิ่มมาหนึ่งปากจะเท่ากับมีแรงกดดันเพิ่มมาเท่านั้น!
อืม ดูไปสักพักก่อนดีกว่า ดูว่าเจ้าหนูนี่มีดวงชะตาน่าตกใจจริงๆ หรือไม่
ถ้าจริง ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ ช่วยเขาทำลายวิชาแล้วฝึกฝนใหม่
หากไม่จริง ข้าจะให้ศิษย์น้องรองรับเป็นศิษย์ไป
ช่วงนี้คัมภีร์เสริมวิถีฟ้าของศิษย์น้องรอง ยิ่งฝึกยิ่งชั่วร้ายอยู่พอดี
ข้าคิดว่าข้าหาทุกวิถีทางแล้วก็เหมือนจะทำให้ศิษย์น้องรองเกิดคลื่นอารมณ์ไม่ได้อีกแล้ว ถ้ารับศิษย์อับโชคที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงไป จะต้องสร้างปัญหาให้ศิษย์น้องทุกวันแน่
ดูท่าจากนี้ไปชีวิตศิษย์น้องคงไม่เรียบง่าย แถมยังจืดชืดไร้ชีวิตชีวาแล้วกระมัง!
พอคิดได้ดังนั้น นักพรตชราก็ยิ้ม “ท่านนี้คงจะเป็นสหายน้อยเสิ่นเทียนล่ะสิ!”
…..
เมื่อโดนนักพรตชราจ้อง เสิ่นเทียนก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
ความจริงแล้วเขากลัวตาแก่นี่กินตัวเองเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อครู่ตอนนักพรตชรากลายเป็นเปลวเพลิงสีมรกต เขายังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของคัมภีร์คบเพลิงในกาย
ความรู้สึกกระหายนั้นเหมือนกับตอนที่เสิ่นเทียนพบน้ำมวลหนักปฐมกาลทุกประการ
เสิ่นเทียนไม่รู้ว่านักพรตชรานี่รู้สึกแบบนี้หรือไม่ ถึงอย่างไรตอนที่นักพรตชราลงมือก็เคยตะโกนเสียงดังว่า ‘พลังวิเศษคบเพลิง’
ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย เสิ่นเทียนคิดว่าเจ้านี่อาจจะฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงเหมือนกัน
พอเห็นนักพรตชราทำเรื่อง ‘หน้าไม่อาย’ อย่างผู้ใหญ่รังแกเด็กได้ด้วยความภาคภูมิแล้ว เสิ่นเทียนคิดได้ดังนั้นก็ขยับไปข้างๆ จางอวิ๋นซีแบบเงียบๆ ปลอดภัยกว่า
“ขอรับ ผู้เยาว์คือเสิ่นเทียน ไม่ทราบว่าท่านเทพเซียนมีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ”
เขาใช้คำหวานพูดประจบ
เมื่อได้ยินเสิ่นเทียนเรียกตนว่าท่านเทพเซียน นักพรตชราที่ไม่มีสมองบางคนยิ้มแล้ว
“ฮ่าๆ สหายน้อยเสิ่นเทียนพูดเก่งจริงๆ ข้าก็เคยได้ยินเสี่ยวซีเอ๋อร์เล่าเรื่องของเจ้ากับนางมาแล้ว เจ้าหาบทต้องห้ามสูงสุดของจักรพรรดิเทพสวรรค์กลับมาคืน ตามบัญญัติของฝ่ายข้าแล้วควรจะแต่งตั้งเจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ส่วนเรื่องการเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนบางพวกไม่พอใจ สหายน้อยเสิ่นเทียนไม่ต้องกังวลเลย แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าไม่เหมือนกับแดนเทวาดาวประกายพรึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนบ้าทุบตีลูกเขยแบบนั้น
ฝ่ายเราพี่รักน้อง น้องเคารพพี่ เป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แค่เจ้าเข้ามาจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน!”
……….
เมื่อเห็นนักพรตชราที่ก่อนหน้านี้ยังไล่ล่าปล้นทรัพย์ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้โฆษณาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างสนิทสนมแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกว่าพึ่งพาไม่ค่อยได้ มีความรู้สึกเหมือนเจอพวกขายตรงกำลังขายของอยู่
เขากลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพเซียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าผู้เยาว์เป็นศิษย์ท่านรึ”
นักพรตชราฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “แค่กๆ อันนี้ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง บอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ข้า แบบนี้จะได้ออกหน้าแทนเจ้าขู่รีดไถ…แค่กๆ อย่าได้ใส่ใจเลย
ถ้าสหายน้อยยินดีเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ รับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็เลือกผู้อาวุโสในฝ่ายข้าเป็นอาจารย์ได้เลย ต่อให้เจ้าอยากจะคารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นอาจารย์ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”
เลือกอาจารย์ได้ตามใจชอบ มีสวัสดิการดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ
เสิ่นเทียนมองนักพรตชราด้วยความสงสัย กลอุบายหลอกลวงมากมายเมื่อภพก่อนบอกตัวเองว่าไม่มีแป้งหมี่ตกลงมาจากบนฟ้าหรอก
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นครอบครัวใหญ่ที่พี่รักน้องน้องเคารพพี่ รักใคร่กลมเกลียวกันหรือ
เหอะๆ เมื่อภพก่อนในสังคมตลกใหญ่ๆ บางแห่งก็มีโฆษณาเช่นนี้เหมือนกัน ปรากฏว่าแย่งพรรคแย่งพวกกัน ทะเลาะกันบนเวทีได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน