บนเรือเหาะ แววตาพวกเถ้าแก่ซ่งเต็มไปด้วยความแปลกใจและตื่นเต้น ไม่อาจบดบังได้
รู้กันดีว่าต่อให้อยู่โลกบำเพ็ญเซียน เรือเหาะก็เป็นทรัพยากรที่มีกลยุทธ์สูง มูลค่าเท่าเมือง
ในสำนักแดนผาสุกอันดับท้ายๆ ยังเอาเรือเหาะธรรมดาออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ จะออกจากสำนักต้องขี่กระบี่เหาะเหิน
แม้จะอยู่ในสำนักเซียนสุดยอดอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็มีแค่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับเก้าผู้อาวุโสใหญ่ระดับหลอมรวมเทพเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ใช้
อ้อ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่เก้าผู้อาวุโสใหญ่ แต่เป็นแปดผู้อาวุโสใหญ่
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หลงเหอเป็นผู้อาวุโสเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่มีสิทธิ์ยืมเรือเหาะเทพสวรรค์ เพราะเจ้านี่ขับเรือเหาะเทพสวรรค์ออกไปหลายครั้ง ไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องแบกกลับมาแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เจ้านี่ยังมีหน้ามาโทษศิษย์ที่เฝ้าเรือเหาะเทพสวรรค์ว่าเหตุใดทุกครั้งถึงไม่จำว่าต้องเติมพลังงานศิลาวิญญาณเรือเหาะให้เต็ม
ต่อมาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จางหลงหยวนสังเกตเห็นเลยตั้งใจวางอุบายแอบดู ในที่สุดก็ได้พบต้นตอของปัญหา เจ้านี่เอาศิลาวิญญาณในเรือเหาะออกมาทีละก้อนก่อนจะเอามากินเองหมด
นับจากนั้นมา นักพรตชราก็กลายเป็นคนที่ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องระวังป้องกัน แค่ของมีค่าเล็กน้อยยังไม่กล้าเอาเข้าใกล้เขา
ครั้งนี้ต้องมารับบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน ต้องให้มีระดับจะให้น้อยหน้าไม่ได้จริงๆ ขณะเดียวกันยังมีจางอวิ๋นซีจับตามองอยู่ จางหลงหยวนถึงให้เรือเหาะเทพสวรรค์ออกมาอย่างไม่ค่อยวางใจนัก
เขากลัวว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาไม่ได้ของตนจะพลิกมือเอาเรือเหาะเทพสวรรค์ไปขาย แล้วกุเรื่องเจอผู้แข็งแกร่งระดับฝ่าด่านเคราะห์ระหว่างทาง เรือเหาะเลยถูกทำลายไป
ถึงตอนนั้น จางหลงหยวนต้องโมโหจนกลับมามีความรู้สึกอีกครั้งแน่
……
เรือเหาะทะลวงผ่านชั้นเมฆ แผ่นดินใหญ่อยู่ใต้เท้า
เสียงพูดคุยเฮฮาลากผ่านฟ้าเป็นเพลงกลอนยาว ต้องเติบโตเงียบๆ อย่าเด่น
นี่คือความรู้สึกที่เสิ่นเทียนยืนอยู่บนเรือเหาะ รับสายลมโชย
ต้องบอกว่ามิน่าล่ะในภาพยนตร์ถึงชอบยืนรับลมตรงหัวเรือ เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมจริงๆ
น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือข้างหลังไม่มีใครประคอง มักจะรู้สึกโยกเยกทรงตัวไม่อยู่
ถึงอย่างไรเรือเหาะนี่ก็เร็วมากจริงๆ แม้จะวางวงแหวนเวทต้านลม ก็ยังทำให้ร่างมนุษย์อดโคลงเคลงมิได้
เถ้าแก่ซ่งเดินมาหน้าเสิ่นเทียนเนิบๆ “ท่านเซียน ไม่ทราบว่าองค์ชายหกเสิ่นเอ้ากลับถึงวังปลอดภัยหรือไม่”
ความจริงตั้งแต่ปล่อยเสิ่นเอ้าครั้งที่สอง เถ้าแก่ซ่งมักจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เจ้าเด็กเสิ่นเอ้านี่ซวยมากจริงๆ ทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ เถ้าแก่ซ่งเองก็ปวดใจ
พอได้ฟังคำพูดของเถ้าแก่ซ่ง เสิ่นเทียนอดมุมปากกระตุกมิได้
พี่หกโดนอาจารย์ตัวเองพาไป ก็น่าจะ…น่าจะไม่เป็นไรกระมัง!
พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนสวดภาวนาให้พี่หกพี่น้องแท้ๆ เงียบๆ ในใจ ขอให้เขาปลอดภัย
ทางด้านหลิวไท่อี่ พอเห็นเสิ่นเทียนก็ไม่พูดไม่จาร้องไห้ออกมาเลย หยดน้ำตาในดวงตาลอยขึ้น “ท่านเซียน ในที่สุดก็ได้พบท่านแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายวันมานี้ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงท่านขนาดไหน”
เจินจื้อเจี่ยเอ่ยเช่นกัน “ใช่ ข้ากับสหายอี่พลิกทั่วทั้งสวนหมื่นวิญญาณเพื่อตามหาท่าน”
สยงเหมิ่งข้างๆ พยักหน้า “ข้าด้วย ข้าก็หาด้วยเหมือนกัน!”
……….
ซี้ด!
พอเห็นเจ้าสามคนข้างๆ ไม่ทักทายก็เริ่มประจบก้นท่านเซียนแล้ว เถ้าแก่ซ่งหน้าดำมืด ตอนนี้ลัทธิปรมาจารย์เซียนไม่มีกฎเลยสักนิดจริงๆ
การประจบท่านเซียนเรื่องสำคัญเช่นนี้ แม้แต่การเข้าแถวยังไม่รู้จัก ใครเป็นผู้อาวุโสใหญ่ในลัทธิกันแน่ไม่นับหรือ
พอคิดได้ดังนั้น เถ้าแก่ซ่งก็คุกเข่าลงดังตึง น้ำตาลากเป็นเส้นขวาง “ท่านเซียน ท่านเป็นคนมอบโชคลิขิตให้ข้าแท้ๆ ในใจข้ารู้ดี ด้วยคุณสมบัติตื้นเขินยิ่งของข้า ชีวิตนี้คงยากจะทะลวงระดับแก่นพลังทองอยู่แล้ว
แต่ท่านเซียนลดตัวลงมาสงสารข้า มอบโชคลิขิตระดับคัมภีร์อี้จิงชะล้างกระดูกให้ข้าได้สร้างคุณสมบัติขึ้นมาใหม่ ตอนนี้แม้ข้าจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว แต่ก็ขอติดตามท่านเซียนตลอดไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน