"รามิล... คุณมีอะไรจะบอกผมรึเปล่า?" ผมกล่าวออกไปด้วยเสียงเรียบที่ไม่ได้บ่งบอกว่าตัวเองอารมณ์ดีหรอกนะ ถ้าอีกฝ่ายยอมรับสารภาพอะไรสักอย่างมาก่อนก็คงดี
"บ- บอกคุณหรอคะ?... ไม่มีหรอกคะ" รามิลตอบกลับพร้อมทั้งหลบตาผมไป เพราะเธอเป็นคนคุมบังเหียน ผมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าสีหน้าของเธอเป็นแบบไหน จะโกหกหรืออะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็นะ ที่จะรู้ได้ก็มีแค่คือสัญชาตญาณ
"แพททริคคอยสังเกตการณ์เอาไว้ สกิลเล็ทเองก็เตรียมพร้อมไว้ด้วย" ผมกล่าวออกไปด้วยเสียงแผ่ว ก่อนทั้งสองจะพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ
นักล่า สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงสายอาชีพสำหรับเพลเยอร์ แต่สำหรับเอ็นพีซีมันไม่ใช่ พวกเขาคือนักล่าจริงๆ ความสามารถบางอย่างที่ไม่ได้มีบอกไว้เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้เลย
ถ้าดูจากแผนที่ข้างหน้าจะเป็นช่องแคบที่ถูกซุ่มโจมตีได้ง่าย... แถวนี้เป็นมอนสเตอร์เลเวลราวๆสิบสองถึงสิบห้า พวกมันคงไม่ใช่ปัญหาแน่ๆ แต่การถูกลอบติดตามมาแบบนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าคงเป็นศัตรูอย่างไม่ต้องสงสัย... เพลเยอร์หรือชาวคาร์รัสกันละ?
มาแล้ว!
"ศัตรูโจมตี!" สกิลเล็ทร้องเตือน ก่อนเธอจะยิงศรออกจากหน้าไม้พร้อมๆกับแพททริคที่พุ่งตัวออกเข้าปัดการโจมตีของศรที่ตรงเข้ามายังภายในเกวียนอย่างรวดเร็ว
"เปล๊ง! เปล๊ง! เปล๊ง!"
"พวกแกเป็นใคร เผยตัวออกมาซะ!" แพททริคแผดเสียงออกไปด้วยแววตาอันหนักแน่น ก่อนมันจะปรากฏเป็นคนที่ยืนออกมาตลอดแนวผาของช่องแคบ
สิบสามคน... นั่นคือตำแหน่งทั้งหมดที่เผยขึ้นมาบนแผนที่
"ปกติพวกเราก็ไม่ทำแบบนี้หรอกวะ แต่ไอ้นั้นคือนักผจญภัยที่ชื่อว่าชานสินะ... พอดีมันมีค่าหัวอยู่ด้วยน่ะสิ เพราะงั้นอย่ามาโทษพวกข้าก็แล้วกัน!" หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่แยแส ก่อนมันจะสั่งให้คนอื่นๆเตรียมโจมตีระลอกต่อไป
เรื่องความสามารถของศัตรูผมสามารถประเมินได้ว่าคงไม่สูงมาก เพราะไม่งั้นแพททริคและสกิลเล็ทคงป้องกันการโจมตีเหล่านั้นทั้งหมดไม่ได้แน่ ถึงจะมีบางส่วนหลุดรอดมาบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเพราะพวกเขาไม่มีทางโจมตีศรเหล่านั้นได้ทันอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่พวกมันพูดนี่สิ ถ้าผมไม่ลงมาจากเกวียนเพื่อดูหน้าพวกมันชัดๆละก็เสียดายแย่
ค่าหัว... ไม่ใช่กลุ่มเพลเยอร์แน่นอนที่จะตั้งค่าหัวผม เพราะฉะนั้นมันต้องเกิดจากคาร์รัสอย่างแน่นอน แต่ว่าเหตุผลที่ถูกตั้งค่าหัวละ? เพราะผมไปขัดผลประโยชน์งั้นหรอ... ตอนนี้มีแค่ชื่อเดียวที่ผมคิดได้ พ่อค่าซาฮับ
ตอนนั้นริสก็เตือนผมไว้แล้ว แต่เพราะผมไม่ได้มีเวลามาจัดการเขา เพราะงั้นอีกฝ่ายก็เลยใช้เวลาส่วนนี้ลงมือมาก่อน อืม... มันน่าจะเป็นเขานั้นล่ะ
แล้วเรื่องของรามิลละ? มันไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้วที่ผมจะถูกคำนวณถึงขั้นเหตุจูงใจในการเลือกเควส... หรือว่าจริงๆแล้วรามิลจะบริสุทธิ์ใจที่เลือกเส้นทางนี้? ไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอสงบเกินไป ความตื่นตระหนกถือว่าต่ำมากจากท่าทางที่แสดงออกมา
แต่โดนโจมตีขนาดนี้ยังไม่ยอมห่างจากเกวียนอีกแหะ
"พี่ชาย... ที่ว่าฉันถูกตั้งค่าหัวเนี่ยเท่าไรงั้นหรอ?" ผมถามออกไปด้วยท่าทีสบายใจพรางตรวจสอบกลุ่มคนที่ใช้อาวุธระยะไกล การสงสัยกับรามิลจะทำให้ผมเสียเวลากับสถานการณ์ตรงหน้ามากเกินไป ผมไม่ได้มีความสามารถในการหยุดเวลาเพื่อคิดหรอกนะ
"40,000Gน่ะ ภูมิใจกับราคาของตัวเองมั้ยละ!" หนึ่งในนั้นตอบกลับพร้อมทั้งหัวเราะออกมาด้วยเสียงแหบๆ เพราะตอนนี้ค่อนข้างมืด ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือคนไหน ถ้ากำจัดทีเดียวทั้งแทบคงไม่ได้ข้อมูลแน่ๆ แต่ว่านะ... สี่หมื่นเองหรอเฮ้ย! นั่นมันจะไปภูมิใจได้ไงละ!!!
"แพททริค สกิลเล็ท... จับเป็นหัวหน้ามันมา ที่เหลือกำจัดทิ้ง" ผมกล่าวออกไปด้วยเสียงเรียบ อุปกรณ์ที่ได้รับมาจากการต่อสู้กับฝูงไฮยีน่านั้นส่วนมากเป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มค่าสถานะด้านความเร็ว การเคลื่อนไหวของทั้งสองในตอนนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ราวๆ30% ด้วยค่าสถานะระดับนั้น การเคลื่อนไหวของทั้งสองก็สร้างความตื่นตระหนกให้กลุ่มนักล่าค่าหัวได้แล้ว
พวกมันรีบยิงธนูและหน้าไม้เพื่อสกัดทั้งสองคนทันที แต่ว่าก็มีเกินครึ่งที่พลาดไป และจำนวนที่เข้าเป้าก็ถูกป้องกันไว้ได้ ส่วนต่างของดาเมจนั้นก็แค่ราวๆ10%จากทั้งหมดที่โถมมา
โจมตีพลาดขนาดนี้ทั้งๆที่สองคนนี้มีค่า Agi ราวๆหนึ่งร้อย... ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายถือว่าต่ำมาก และอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่แค่เลเวลสิบสองถึงสิบสี่ เพราะแบบนี้จึงจำเป็นต้องจับกลุ่มมายังพื้นที่ของมอนสเตอร์เลเวลสิบห้า?
"ปัก! ปัก! ปัก!" แต่ต่อให้เป็นเลเวลสิบห้าก็สู้กับสองคนนี้ไม่ได้หรอกนะ พวกเขาสู้กับก็อบลินที่เก่งกว่าตัวเองมาตั้งมาก ถึงจะมีพลาดถูกดาเมจ แต่เทคนิคการต่อสู้มันต่างกันเกินไป มอนสเตอร์มีความแข็งแกร่งกว่าผู้คน เพราะฉะนั้นสองคนนี้ถ้าสู้กับคนกันเองย่อมไม่แพ้ง่ายๆ...
อืม... ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะสกิลยั่วยุด้วยละนะ พวกคนรอบๆนี้สามารถสร้างดาเมจได้แค่ครึ่งเดียว ซึ่งดาเมจที่ต่ำขนาดนั้นคงไม่ต้องบอกว่าจะลำบากขนาดไหนถ้าต้องจัดการกับพวกดาเมจล้นเหลืออย่างพวกเขา
"งั้นก็แกเลยแล้วกันไอ้นักเวทย์!"
อืม... มีหนึ่งในนั้นที่พุ่งเข้าหาผมจากด้านหลัง ดูจากอาวุธที่เป็นมีดสั้นแล้ว ระยะเวลามันมากกว่าสองวินาทีกว่าอีกฝ่ายจะเข้าระยะสร้างความเสียหายต่อผมแน่ๆ ซ้ำร้ายเจ้านั้นมันยังร้องเตือนผมก่อนอีกต่างหาก
ผมหมุนตัวหลบและจับไปที่แขนของอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่เหนือยิ่งกว่า แรงเหวี่ยงจากการพุ่งลงจากที่สูงนั้นถือว่าค่อนข้างมาก มันจึงทำให้ผมสามารถส่งแรงสะท้อนกลับไปได้เยอะกว่าปกติ
วงแขนถูกเหวี่ยงให้เปลี่ยนทิศ ก่อนผมจะเตะไปที่เท้าของมันเพื่อทำลายสมดุล และจับไปที่หลังหัวพร้อมๆกับไฟร์บอลที่ระเบิดเผาทำลาย
คริติคอล...
"ยอมแพ้ซะเถอะ ความสามารถมันต่างกันเกินไป ผมคือนักเวทย์ธาตุไฟ การโจมตีของผมมีแต่จะทำให้ฝูงมอนสเตอร์มีมากขึ้น พวกคุณเองก็มีแต่จะตายเปล่า สู้ลงมาคุยกันดีกว่านะ" ผมกล่าวเสนอออกไปด้วยความไม่คาดหวังหรอกนะ ผมแค่ต้องการให้พวกเขาลังเลเพื่อกำจัดนักธนูอีกสองคนด้วยไฟร์บอล
"อ๊าาา!!!"
"แก! แกมันใช้วิธีสกปรก!"
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าใครเป็นหัวหน้ากลุ่มน่ะหรอ? ตำแหน่งและท่าทีของคนใกล้ๆกันไงละ!
ผมพุ่งตัวขึ้นไปยังเนินผาด้วยความเร็วสูงพร้อมๆกับร่ายสกิลระเบิดยะเยือกลงบนตำแหน่งตามแผนที่ ด้วยวิธีนี้ผมจะไม่จำเป็นต้องดูพื้นที่ที่จะวางสกิลลง พวกที่พยายามจะหนีจึงถูกระเบิดยะเยือกทำดาเมจพร้อมๆกับความเร็วที่ลดลงไป
"บ้าเอ้ย!" คนที่ผมหมายตาเอาไว้คำรามออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์จนเห็นได้ชัด ก่อนมันจะกวาดดาบเข้าโจมตีเพื่อสร้างระยะห่างในการหนี
แต่ด้วยความสามารถของข่มขวัญ ค่าความเร็วในส่วนนั้นจึงถูกลดลงและเป็นผมที่เข้าไปซัดที่ใบหน้าของมันด้วยคริติคอลฮิต ก่อนจะหมุนตัวออกด้านข้างเพื่อหลบดาบจ้วงแทงของอีกฝ่ายพร้อมทั้งต่อยปะทะเข้าไปที่หลังมือของอีกฝ่ายเพื่อปลดอาวุธ
"เอาละ เราคงต้องคุยกันหน่อยแล้ว" ผมพูดออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ในขณะที่มืออีกข้างของผมเตรียมพร้อมไว้ด้วยสกิลไฟร์บอล คนเรามักจะกลัวเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านตาของตัวเอง ภาพการตายของคนก่อนหน้าคงตราตรึงไปจนถึงวิญญาณของเขาแล้วละนะ
"อึก... ย- ยอมแล้ว..."
"ใครเป็นคนตั้งค่าหัว?" ผมพูดพร้อมทั้งกระตุ้นเอ็ฟเฟ็คแสดงของแหวนบารันจนอีกฝ่ายได้แต่ตัวสั่นไม่หยุดไปในพริบตา
"ซ- ซาฮับ พ่อค้าซาฮับ! เขาเป็นคนตั้งค่าหัวนายให้กับสมาคม!" เป็นซาฮับอย่างที่คิด... แต่ว่าสมาคมละ?
"สมาคม?"
"ข- ขอละ... อย่าเลย เรื่องนี้ถ้าบอกไปฉันตายแน่"
"รับรองว่าตายแน่ถ้าคุณไม่พูดมันออกมา" ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร ก่อนจะเตรียมซัดเปลวไฟเข้าเผาขาของชายคนนี้ ทว่าก็เป็นสกิลเล็ทที่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"สมาคม... รึว่าจะเป็นสมาคมนักฆ่ากันคะ?" เป็นสกิลเล็ทที่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่แน่ใจ ผมจึงหันมายืนยันกับชายตรงหน้าที่กำลังพยักหน้าระรัว
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็กำจัดเขาทิ้งไปเถอะครับ เขาไม่มีทางรู้ที่ตั้งสมาคมแน่นอน" แพททริคเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ ก่อนจะโยนตัวของนักล่าค่าหัวกระเด็นออกไปข้างๆพร้อมกับใช้ดาบแทงไปที่คอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"ไม่ละ ฉันจะปล่อยเขาไป" ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจพร้อมทั้งพลักให้ชายคนนั้นถอยไป ก่อนจะเดินจากกลับไปหาแพททริคและสกิลเล็ทที่กำลังแสดงความไม่เห็นด้วยจนออกนอกหน้า
โดยไม่ต้องพูดพร่ำอะไรทั้งนั้น ชายคนนั้นรีบวิ่งหนีไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Carrus online : Black sheeP
1...
1...