คนที่พูดคือจูเก่ออิ่นหลิง
เดิมทีเขาไม่รู้ว่าหลังจากเย่อู๋เทียนออกจากอาคารชุนชิว แล้วจะมาที่ตระกูลฉาว
แต่อิ่นโม่โฉวซึ่งเป็นศิษย์น้องของเขา สองสามปีมานี้เธอติดต่อกับพวกตระกูลพ่อค้าที่ “ล่างภูเขา” มาโดยตลอด
จึงเดาว่าเย่อู๋เทียนมีโอกาสปรากฏตัวที่ตระกูลฉาว พร้อมกับหยางเฟยเอ๋อร์ ลูกสาวของฉาวซิง
จูเก่ออิ่นหลิงจึงฟังคำแนะนำของอิ่นโม่โฉว รีบมาที่ตระกูลฉาว
คิดไม่ถึงว่า หน้าคฤหาสน์ตระกูลฉาว......
จะเจอเย่อู๋เทียนจริงๆ
ตอนนี้จูเก่ออิ่นหลิงตึงเครียดถึงขีดสุด
เขารู้ว่าภูมิหลังและพละกำลังของตัวเอง คงไม่มีคุณสมบัติเป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียน
แต่......
เขาก็ยังอยากถามด้วยตัวเองสักครั้ง......
เย่อู๋เทียนหันมามองจูเก่ออิ่นหลิง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงโยนยาชำระล้างให้อีกฝ่ายหนึ่งเม็ด
จูเก่ออิ่นหลิงรีบรับไว้
ขณะเดียวกัน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่คิดไม่ฝันเลย เย่อู๋เทียนจะเอาของล้ำค่าอย่างยาชำระล้างให้เขาง่ายๆ แบบนี้
บริจาคทานเหรอ
จูเก่ออิ่นหลิงกำลังจะถามความสงสัยในใจออกมา เย่อู๋เทียนพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า “รักษาอาการบาดเจ็บของนายให้หายดีก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียนหันหลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉาว
จูเก่ออิ่นหลิงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
“นี่กำลังปฏิเสธทางอ้อม หรือ......ฉันมีโอกาสเป็นศิษย์ของเขาจริงๆ กันแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูเก่ออิ่นหลิง อิ่นโม่โฉวที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแหย
“ศิษย์พี่ ตำรายาบางส่วนที่เป็นความลับของสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่ของเรา ล้วนมาจากคุณเย่ ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้ คุณเย่ก็มีลำดับอาวุโสเท่ากับพวกเหล่าจู่เขาเซวียนอู่ของเรา”
จูเก่ออิ่นหลิงมีสีหน้าตกใจ
“ที่แท้มีเรื่องแบบนี้ด้วย ทำไมฉันไม่รู้เลย!”
อิ่นโม่โฉวถอนหายใจเบาๆ
“เมื่อก่อนพี่เอาแต่เก็บตัวอยู่หลังภูเขา มีเรื่องที่ไม่รู้อีกเยอะ”
จูเก่ออิ่นหลิงมองเย่อู๋เทียนที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอย แววตาค่อยๆ แน่วแน่ขึ้นมา
ผ่านไปนาน จูเก่ออิ่นหลิงพูดออกมาช้าๆ
“ถึงฉันเป็นนายน้อยของเขาเซวียนอู่ แต่วิทยายุทธทั้งตัวฉัน ท้ายที่สุดก็มาจากเชื้อสายสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่ ตอนนี้แม้แต่ถังจิ่วเชียนคนข้างกายถังเลี่ยน ฉันก็ยังสู้ไม่ได้ ในอนาคตจะพูดถึงเรื่องสืบทอดรากฐานพันปีของเขาเซวียนอู่ได้ยังไง”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ชีวิตนี้ฉันต้องเป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียนให้ได้!”
“หนึ่งวันเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องหนึ่งวัน หนึ่งปีเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องหนึ่งปี สิบปีเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องสิบปี จนกว่าเขาจะตอบตกลง!”
เมื่ออิ่นโม่โฉวได้ยิน ก็รู้สึกประทับใจอยู่บ้าง
ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน สนิทกันเหมือนพี่น้อง
จูเก่ออิ่นหลิงนิสัยเป็นยังไง เธอเข้าใจดีเป็นที่สุด
ถ้าจูเก่ออิ่นหลิงตัดสินใจไปแล้ว เขาต้องทำออกมาได้แน่นอน
ส่วนนี้สามารถดูออกจากอีกเรื่องหนึ่ง
ตอนจูเก่ออิ่นหลิงอายุ 18 ปี ได้ลงเขามาท่องเที่ยว ชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่เจียงหนาน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หน้าตาสวยมากนัก แต่จูเก่ออิ่นหลิงก็ชอบพอดี
ปัจจุบันจูเก่ออิ่นหลิง ใกล้เป็นผู้ชายวัย 30 มีความคิดและพึ่งพาตนเองได้
แต่ก็ยังอยู่ตัวคนเดียว
สาเหตุแท้จริง ก็เพราะนิสัยดื้อรั้นของเขานั่นแหละ
ทั้งโง่ทั้งดื้อรั้น
ที่น่าขำคือ จนถึงตอนนี้จูเก่ออิ่นหลิงก็ยังไม่กล้าสารภาพรักกับผู้หญิงคนนั้น
เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นอาของศิษย์น้องเขา
เพราะลำดับอาวุโส จึงทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้!
เมื่อคิดเช่นนี้ อิ่นโม่โฉวถามว่า “งั้นต่อไปพี่จะทำยังไง รอโง่ๆ อยู่ที่นี่เหรอ”
จูเก่ออิ่นหลิงชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไปตระกูลหลิงก่อน รักษาอาการบาดเจ็บให้หายแล้วค่อยว่ากัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...