เมื่อเพื่อนร่วมชั้นของโจวเสี่ยวได้ยินเช่นนี้จึงถามว่า “ท่านพูดอะไร?ท่านเสิ่น!”
เสิ่นจื่อเจ๋ยส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำพร้อมกับพูดว่า “ไม่ ไม่มีอะไร!”
เขาไม่ได้พบฟางเหยียนมาพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่งานเต้นรำของเซียวเจิ้นเที่ยน ผู้ชายคนนี้สามารถพูดคุยกับลู่หงปอได้ยังไงกัน แถมอยู่ด้านหน้าอีก แล้วดูสภาพของลู่หงปอสิ ดูเหมือนไม่กล้าหาเรื่องเขางั้นแหละ?
เขามีอะไรดี?ทำไมถึงได้มีความสามารถขนาดนี้?
เสิ่นจื่อเจ๋ยเห็น โจวเสี่ยวเองก็เห็นเช่นกัน ไม่ผิดแน่ๆ นั่นคือฟางเหยียน!ท่านชายของตระกูลฟาง
โจวเสี่ยวเหลือบมองเสิ่นจื่อเจ๋ย พร้อมกับขมวดคิ้ว เสิ่นจื่อเจ๋ยนี่คุยโวโอ้อวดเก่งจริงๆ ไหนจะเจ้าพ่อเมืองอีก สิ่งนี้ไม่ได้ถูกท่านชายของตระกูลฟางทำแล้วหรือไง ในทางกลับกัน เสิ่นจื่อเจ๋ยกลับมองภาพด้านล่างด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่โจวเสี่ยวค่อนข้างมั่นใจ เสิ่นจื่อเจ๋ยเป็นคนขี้โม้โอ้อวดที่เก่งกาจจริงๆ!
ในสายตาของคนอื่นๆ ฟางเหยียนเดินข้ามสะพานออกมาที่ประตูเหล็กด้านหน้าวิลล่า ด้านนอกของประตูเหล็ก ในสายตาของทุกคนก็ปรากฏเห็นรถหงฉี
เพื่อนร่วมชั้นของโจวเสี่ยวปิดปากและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านเสิ่น นี่คือรถหงฉีใช่ไหม?”
เสิ่นจื่อเจ๋ยเองก็มึนงงมากเช่นเดียวกัน เขาพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ รถหงฉี!”
“นั่นไม่ควรจะเป็นรถหงฉีนะ?” รูม่านตาของหญิงสาวขยายใหญ่ขึ้นด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเธอแสดงออกมาได้อย่างเกินจริง
เสิ่นจื่อเจ๋ยสำลักและพูดว่า “น่าจะใช่นะ!”
“ฉันได้ยินมาว่ารถหงฉีแค่มีเงินก็ซื้อไม่ได้นะ มันเป็นสัญลักษณ์ทางตัวตน คนที่จะเป็นเจ้าของรถคันนั้นได้ จะต้องเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมหาศาลเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนตัว แต่เป็นรถที่ทางรัฐจัดสรรมาให้”
เสิ่นจื่อเจ๋ยพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ มีคำพูดแบบนี้จริง แต่การที่ลู่หงปอมีรถหงฉี มันก็ดูไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่”
ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามที่ว่าทำไมฟางเหยียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จะมีกะจิตกะใจไปฟังคนอื่นพูดได้ยังไงกัน
แต่สิ่งที่ทำให้คนสองสามคนตรงนั้นตกใจอีกครั้งเลยก็คือ ดูเหมือนว่าชายร่างกำยำคนนั้นได้เปิดประตูรถและกำลังจะเชิญฟางเหยียนให้ขึ้นไป ส่วนลู่หงปอผู้สวมแจ็กเกตสีเหลืองก็ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับโซฟาบนหัว
“พี่ใหญ่ ฉันเอาวางลงได้หรือยัง?” ลู่หงปอถามอย่างหมดลม เขามีเหงื่อออกมาก เท้าของเขาถลอก มีเลือดไหลออกมา
ฟางเหยียนหันหลับไปมองและพูดว่า “วางลงได้ แล้วก็ไปเอารถของนายขับมาซะ!”
“ใช่ใช่ใช่!” ลู่หงปอวางโซฟาลงอย่างโล่งอก เขาไม่กล้าที่จะวางมันแรง ได้แต่ค่อยๆวางลงพื้นอย่างเบาที่สุด ตอนนี้โซฟาตัวนี้นั้นมีราคามากกว่าชีวิตของเขาเสียอีก ถ้าทำมันพังไปแม้แต่นิดเดียว ก็ไม่มีอะไรสามารถประกันชีวิตของเขาได้
เขารู้สึกหดหู่เหลือเกิน ทำไมเขาจะต้องหาเรื่องมาทำให้ตัวเองเดือดร้อนขนาดนี้ด้วย!
จากนั้นไม่นาน รถกระบะคันใหญ่ ฟอร์ด เรนเจอร์ก็ได้ขับมา ลู่หงปอนำโซฟาไปวางไว้บนรถ
จากนั้นจึงเดินมาที่ด้านหน้าของฟางเหยียน พร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพว่า “พี่ใหญ่ เชิญขึ้นรถได้!”
ฟางเหยียนมองไปที่ลู่หงปอ ชายคนนี้นั้นเป็นคนที่รู้ทันเหตุการณ์จริงๆ เขาหัวเราะออกมา จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนรถหงฉี
เทียนขุยทำหน้าที่ขับรถอยู่ด้านหน้า ลู่หงปอขึ้นรถอย่างเกรงกลัว
ขณะที่กำลังขึ้นรถ คนที่มาเปิดประตูรถให้ลู่หงปอก็คือทหารในอนาคต เขาถามอย่างงุนงงว่า “นายท่าน ทำไมท่านถึงกลัวคนแบบนี้กันล่ะ?เขาเก่งกาจงั้นเหรอ?”
ลู่หงปอกอดเท้าของเขา และดุอย่างโกรธเคือง “แกจะไปรู้อะไร?หุบปากไปเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ