ดวงตาของเหลียงจงจ้องมองตรงไปที่เซียวเจิ้นเทียน จิ้งจอกเฒ่ากำลังโกหก แต่เขากลับไม่กล้าเปิดเผยคำโกหกของอีกฝ่าย ที่นี่คือคฤหาสน์ของเซียวเจิ้นเทียน และเมืองจินโจวก็เป็นถิ่นของเขาอีกด้วย ตอนนี้บริษัทของเขากำลังมีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องขอตัวลา”
เซียวเจิ้นเทียนยกมือคำนับและกล่าว “ได้ ถ้าประธานเหลียงคิดเรื่องการร่วมมือเรียบร้อยแล้วก็มาหาฉันได้ตลอดเวลา”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเหลียงจงกำลังเดินจากไป สายตาของเซียวเจิ้นเทียนก็หรี่ลงโดยอัตโนมัติ
เซียวเหอเดินมาถาม “คุณพ่อ ดูไม่เหมือนกับว่าเหลียงจงมาคุยกับเราเรื่องความร่วมมือเลยนะ”
เซียวเจิ้นเทียนพ่นลมหายใจและกล่าวว่า “ยังไม่ชัดอีกหรือไง เขามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องความร่วมมือที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะช่วยเจ้าฟางเหยียนนั่นให้พ้นจากมือฉัน”
“หา!” เซียวเหออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ทำไมเหลียงจงถึงต้องมาช่วยชีวิตฟางเหยียนด้วย เจ้าเด็กนั่นมันใหญ่โตมาจากไหนกัน? เกรงว่าเหลียงจงคนนี้ไม่แม้แต่ตระกูลเซียวของเราก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยมั้ง?”
เซียวเจิ้นเทียนพยักหน้าพร้อมกลับกล่าวว่า “ถ้ามองทั้งหมดจากเขตซีหนาน เขาไม่สนใจพวกเราอย่างแน่นอน แต่มาเยือนถึงเมืองจินโจว เขาไม่กล้าไม่สนใจพวกเราหรอก เมืองจินโจวแห่งนี้เป็นอาณาเขตตระกูลเซียวของพวกเรา”
แม้ว่าตระกูลเซียวจะผ่านการโจมตีมาแล้วหลายครั้ง แต่เซียวเจิ้นเทียนก็ยังกล้าที่จะพูดประโยคนี้ออกมา นี่คือความมั่นใจของครอบครัวที่มีอายุกว่าร้อยปี ถ้าหากแม้แต่ความมั่นใจยังเอาออกมาไม่ได้ เขาจะเป็นนายใหญ่ของตระกูลเซียวได้อย่างไร
“คุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะจัดการกับเจ้าฟางเหยียนอย่างไรดี ตัดขาของมัน แล้วรอให้มันได้ลิ้มรสผลของการกระทำตัวเองเถอะ!” เซียวเหอกล่าว
เซียวเจิ้นเทียนโบกมือและกล่าวว่า “ยังไม่รีบจัดการตอนนี้ พวกเรายังต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน รอคำสั่งจากนายน้อยตระกูลฟาง”
“คุณพ่อ นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวของตระกูลเซียวของพวกเราเลยนะ ท่านก็เพิ่งเห็นใบหน้ายโสโอหังของฟางเหยียนไม่ใช่เหรอ มันทำเหมือนกับว่าเมืองจินโจวทั้งเมืองเป็นของมันอย่างเช่นนั้น แต่มันเป็นของตระกูลเรา! อีกอย่าง ก็ยังไม่รู้ว่านายน้อยตระกูลฟางจะทำยังไงกับมัน ถ้าจัดการมันเพียงเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยไป ที่พวกเราจับมันมาก็ขาดทุนสิ”
เซียวเหอหรี่ตาและกล่าวว่า “ถ้าให้ฉันพูด ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ตัดขาของมันก่อน ทำไปก่อนแล้วค่อยไปบอกทีหลัง พอถึงตอนที่นายน้อยตระกูลฟางรู้ ก็ตำหนิพวกเราไม่ได้แล้ว นายน้อยฟางจะก่อเรื่องไม่พอใจกับพวกเราเพื่อคนที่สมควรจะถูกลงโทษใช่ไหม?”
ที่เซียวเหอพูดก็มีเหตุผล แน่นอนว่าเซียวเจิ้นเทียนต้องการจัดการกับฟางเหยียน ดังนั้นเขาจึงหัวเราะและพยักหน้าพร้อมกับกล่าว “อย่างนั้นฉันจะโทรหาเขาก่อน ให้เกียรติเขาสักหน่อย!”
อันที่จริงเซียวเจิ้นเทียนค่อนข้างกลัวนายน้อยตระกูลฟางไม่น้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ถ้าตัวเองทำให้เขาไม่พอใจ ตระกูลเซียวก็อาจจะถึงจุดจบจริง ๆ ไม่ง่ายที่จะเดินมาจนถึงวันนี้ ได้เห็นแสงสว่างแล้ว ในตอนนี้ไม่สามารถเอาตัวเองกลับไปลงเหวได้อีก!
ดังนั้น เขาจึงโทรหาหวังชิงชิง
หวังชิงชิง กลับจากการรวมตัวของตระกูลฟางมาแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ขาเรียวยาวคู่หนึ่งวางอยู่บนโซฟาอย่างรวดเร็ว จะว่าสวยก็ยิ่งกว่าสวย จะว่าดึงดูดก็ยิ่งกว่าดึงดูด ในตอนนี้เธอไม่ได้แต่งหน้า ดูแล้วสวยกว่าดาราพวกนั้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า ใบความงามของหน้าตา เธอนั้นอยู่สูงสุด ความงามของหน้าตาสูงส่งเช่นนี้ ก็ยังมีเรื่องน่ารำคาญใจ
ภายนอกเธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อกลับถึงบ้านเธอก็คืนสู่สภาพเดิม จิตใจของเธอหดหู่มากในวันนี้ เพราะเธอพบกับภรรยาของนายน้อย เธอโตมาอย่างงดงามและปฏิบัติต่อนายน้อยเป็นอย่างดี
เฮ้อ! ฉันจะไม่มีโอกาสแม้แต่เสี้ยวเดียวจริง ๆ เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ