ตระกูลเซียว
ข่าวแพร่กระจายออกไป มีผลดีไม่เป็นอันตรายต่อตระกูลเซียว เมื่อเห็นผู้คนมากมายมาอวยพร เซียวเจิ้นเที่ยนก็มีความสุขอยู่ในใจ ในที่สุดยังลบล้างภาวะซบเซาของก่อนหน้านี้ ตระกูลเซียวกำลังจะมีชื่อเสียงอยู่ในเขตของภาคซีหนานแล้ว!
เขาเอามือไพล่หลังแล้วเดินรอบๆห้องโถงสองรอบ แล้วจุดธูปไหว้บรรพบุรุษ
แต่ว่าสิ่งที่น่าแปลกคือ สองวันมานี้ ธูปที่จุดก็กลายเป็นสั้นสองยาวหนึ่ง เขาก็ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ว่ากันตามเหตุผล ตอนนี้ตระกูลเซียวถือได้ว่าขึ้นสูงมาหนึ่งระดับแล้ว บรรพบุรุษน่าจะมีความสุข ทำไมจุดธูปยังกลายเป็นสั้นสองยาวหนึ่งได้?
หรือว่าบรรพบุรุษยังมีตรงไหนที่ไม่มีพอใจเหรอ?
เขาก็ยากที่จะเข้าใจ และขี้เกียจจะไปสนใจ คิดในใจว่ารอผ่านวันเกิดของตัวเองแล้ว ค่อยหาเก่าเต๋าผู้มีชื่อเสียงมาดูในบ้านว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้น ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลใหญ่ สำหรับในด้านของการบูชาของศักดิ์สิทธิ์ ยังคงพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เขาเอามือไพล่หลังเดินเล่นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ต้อนรับคนไปสิบกว่าคน คิดในใจว่าน่าจะไม่มีคนมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันหลังเดินเข้าไปในคุกใต้ดินของบ้านตัวเอง
คุกใต้ดินนี้อยู่สวนลานหลังคฤหาสน์ของตระกูลเซียว ซึ่งเป็นห้องใต้ดิน ใช้มาเก็บสะสมของจิปาถะ แต่ว่าเซียวเจิ้นเที่ยนไม่ได้มีของจิปาถะอะไร ก็ทำให้ห้องนี้กลายเป็นคุกใต้ดิน ใช้มาลักพาตัวคนที่เป็นศัตรูกับตัวเอง
เขาเปิดประตูเหล็กที่นำไปสู่ห้องใต้ดิน เดินลงไป ข้างล่างถือได้ว่ามีแสงสว่างมาก แต่ว่าเนื่องจากเป็นห้องใต้ดิน ลงมาก็ได้กลิ่นเหม็นอับ เขามาถึงที่ตรงหน้าคุกใต้ดิน บอดี้การ์ดสองคนทยอยทักทายเขา
ไม่ช้า เขาก็ผ่านประตูเหล็กอีกบานหนึ่ง มาถึงที่ประตูห้องเล็กๆ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสถานที่กักขังผู้คน ห้องเล็กมีเจ็ดถึงแปดตารางเมตร ผนังทั้งสามนั้นทำด้วยเหล็กทั้งหมด และมีเพียงส่วนหน้าเท่านั้นที่ทำด้วยเหล็กเส้น
คนที่โดนคุมขังอยู่ข้างในนั้น แม้จะมีศิลปะการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบ คงจะหลบหนีออกไปจากคุกแห่งนี้ได้ยากมาก
ฟางเหยียนนั่งอยู่บนเสื่อเย็นที่ง่ายๆหยาบๆ นั่งขัดสมาธิ หลับตาลง และมีโซ่เหล็กขนาดใหญ่ล่ามติดกับมือและเท้า
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคน เขาก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดว่า: “มาแล้ว!”
สองคำ พูดได้เหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่ อยู่อย่างสบายอกสบายใจเหมือนรู้ว่าจะมีแขกมา
“ฮ่าๆ!” เซียวเจิ้นเที่ยนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดว่า: “แกกลับผ่อนคลายมากจริงๆ! ฉันยังคิดว่าเมื่อวานไม่ได้กินข้าวทั้งวัน แกคงจะหิวจนตายไปแล้ว”
ฟางเหยียนพูดอย่างระอาว่า: “ไม่ถึงขนาดนั้น แค่หิวเพิ่มไม่กี่วันไม่ใช่เหรอ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยหิวมาก่อน”
เมื่อก่อนตอนที่ทำสงครามอยู่ในสนาม ฟางเหยียนก็เคยมีประสบการณ์ในการไม่ทานอาหารเป็นเวลาห้าวันห้าคืน ตอนนั้นไม่เท่าตอนนี้ ตอนนี้แค่นั่งอยู่ สบายกว่ามาก ตอนนั้นกำลังทำสงคราม ใช้แรงจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ก็ยังต้องฆ่าคน และฆ่าคนด้วยความหิว
เซียวเจิ้นเที่ยนแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “ยังเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจริงๆ แกไม่พูดแบบนั้น ฉันเกือบจะลืมไปว่าแกเป็นทหาร”
ฟางเหยียนไม่รู้ว่าจะพูดตอบรับต่อไปอย่างไร ก็ถามอย่างตรงประเด็นว่า: “ว่ามา มาหาฉันมีเรื่องอะไร? ฉันไม่เชื่อว่าแกแค่มาพูดคุยกับฉัน”
เซียวเจิ้นเที่ยนหัวเราะเสียงดังขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เป็นคนที่กล้ามากพอจะเป็นศัตรูกับตระกูลเซียวของฉันจริงๆ ฉลาด”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำเหล่านี้ เพียงแค่รอคำพูดต่อมาของเซียวเจิ้นเที่ยนอย่างเงียบๆ
เซียวเจิ้นเที่ยนจ้องมองไปที่ฟางเหยียน แล้วถามว่า: “ฉันสงสัยมากว่าฐานะของแกเป็นใครกันแน่? ทำไมแกแม้แต่นายน้อยของตระกูลฟางก็กล้าทำให้ขุ่นเคือง ยิ่งแปลกไปกว่านั้นคือ เหลียงจงมหาเศรษฐีของในเขตภาคซีหนานกับนายน้อยของตระกูลเฉิงก็มาขอความเมตตาให้กับแก”
“หึ!”ฟางเหยียนแสยะยิ้ม เหลียงจงเข้ามาเพราะกิจการของครอบครัวตัวเองอยู่ในสภาพที่ปิดตัวลงไปแล้ว ถึงได้มาขอความเมตตาให้ตัวเอง ส่วนนายน้อยของตระกูลเฉิง เย่ชิงหยู่คงจะโทรหาเขาอย่างแน่นอน
“แกหัวเราะอะไร?” เซียวเจิ้นเที่ยนหรี่ตาแล้วถาม
ฟางเหยียดฉีกปากเผยให้เห็นยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดว่า: “ความจริงทำให้คนขุ่นเคืองก็แบ่งแยกเป็นสถานการณ์ มีสถานการณ์หนึ่งที่ทำให้ขุ่นเคืองตรงๆ เช่นถ้าฉันต่อยตีแก ด่าว่าแก นี่ก็เป็นการทำให้ขุ่นเคืองตรงๆ ยังมีอีกหนึ่งเรียกว่าคุกคามทำให้ขุ่นเคือง เช่นธุรกิจลุงเย่ของฉันเติบโตขึ้น คุกคามถึงตำแหน่งของแก แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองทำให้แกขุ่นเคือง ในความคิดของแก เขาก็คือทำให้แกเคือง นี่ก็เป็นการทำให้ขุ่นเคืองอย่างหนึ่ง ดังนั้นแกรู้สึกว่า เขาก็คือทำให้แกขุ่นเคือง ฉันต่อยตีนายน้อยของตระกูลฟางเหรอ? หรือว่าคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนก็แข็งทื่อทันที เขาหรี่ตาจ้องมองไปที่ฟางเหยียน หมอนี่พูดจาได้อย่างรอบคอบมาก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางลงมือไปต่อยตีนายน้อยของตระกูลฟาง อย่างที่หนึ่งเป็นคนไม่มีความสามารถ อย่างที่สองไม่มีโอกาสนั้น หรือว่าจะเป็นอย่างที่สอง ตำแหน่งของเขาคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลฟางเหรอ? ดังนั้นนายน้อยตระกูลฟางถึงได้จัดการเขาเหรอ?
ตำแหน่งเหรอ? ตำแหน่งของเขาสามารถคุกคามถึงนายน้อยของตระกูลฟาง นี่ต้องเป็นตำแหน่งที่ใหญ่แค่ไหนถึงจะพอ!
หลังจากที่เงียบไปนาน เขาก็หรี่ตาและพูดว่า: “ฉันไม่สนใจหรอกว่าฐานะของแกจะเป็นอะไร ตั้งแต่วินาทีที่แกโดนจับ ชาตินี้ของแกถึงวาระที่จะจบลงแล้ว เด็กเวร จะโทษก็โทษที่แกกวนโมโหฉันเซียวเจิ้นเที่ยน”
“ฮ่าๆ!” ฟางเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ท่านเซียว แกค่อนข้างมั่นใจมากเกินไปแล้ว! แกคิดว่าอย่างแกก็สามารถจับตัวของฉันได้เหรอ? แกพูดมาเองดีกว่าว่า ก่อนหน้านั้นแกเริ่มส่งคนมาแอบลอบสังหารฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ใบหน้าชราของเซียวเจิ้นเที่ยนตกตะลึงอีกครั้ง แต่ว่าเขาส่งเสียงเย็นชา แล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้แกก็โดนฉันจับตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? บอกที่อยู่ของเซียวห้านให้ฉัน บางทีฉันอาจจะขอความเมตตากับคุณชายฟาง ยกโทษให้แกไม่ต้องตาย”
“ยกโทษให้ฉันไม่ต้องตายเหรอ!” ฟางเหยียนพูดหลายคำนี้ซ้ำอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกตลกมาก ลองถามดู โลกใบนี้ มีคนกล้าพูดจาแบบนี้กับเขาเหรอ? เทพแห่งสงครามของประเทศหวา เทพสังหารที่มีชื่อเสียงมากของโลก ฉายาที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน จอมพลโผ้จวิน!
คนแบบนี้ จำเป็นต้องให้คนยกโทษให้ไม่ต้องตายด้วยเหรอ? ตลกสิ้นดี นี่อาจเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในยุคนี้
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า: “ท่านเซียว มีเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียว หรือว่าแกก็ไม่กลัวว่าตระกูลเซียวของพวกแกจะล่มสลายเหรอ? มีการสืบทอดคำพูดคนสมัยโบราณว่า ถ้าหากจุดธูปติดต่อกันสามวันก็เป็นสั้นสองยาวหนึ่ง จะต้องเผชิญกับหายนะของการสูญเสีย!”
เซียวเจิ้นเที่ยนย่อมรู้สืบทอดคำพูดสมัยโบราณนี้เป็นธรรมดา แต่ว่าคำพูดออกมาจากปากของฟางเหยียน ทำให้เขาตกใจจนหน้าเขียว แต่ก็ในทันใดนั้น เขาก็ฟื้นคืนกลับมา ตอนนี้เขาเป็นใหญ่!
เขาส่งเสียเย็นชา และพูดด้วยหน้าบอกบุญไม่รับ: “อย่าพูดจาไร้สาระกับฉันมากนัก บอกฉันมา ที่อยู่ของเซียวห้าน!”
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ต่อจากนั้นพูดว่า: “ท่านเซียว มีคำถามหนึ่งที่ฉันอยากจะถามท่าน”
สีหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนถอดสีเล็กน้อย แล้วตะโกนว่า: “อย่ามาพูดจาไม่ตรงประเด็นกับฉัน บอกที่อยู่ของเซียวห้านให้ฉัน”
เซียวห้านเป็นหลานสาวของตัวเอง ก็เป็นความหวังเดียวของลูกชายตัวเอง แม้ว่าจะเป็นหลานสาว เขาก็ไม่หวังว่าลูกชายของตัวเองจะไม่มีทายาท ลูกชายคนโตก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปคนหนึ่งแล้ว โดนคนฟันขาทั้งสองขาด ลูกคนที่สามจนถึงตอนนี้ไม่มีทายาท ดังนั้นสำหรับเซียวห้านเขาค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เด็กคนนี้จะกลายเป็นความหวังในอนาคตของตระกูล
“ท่านตอบคำถามนี้ของฉันมาก่อน ตอบฉันแล้วบางทีฉันอาจจะบอกที่อยู่ของเซียวห้าน” ฟางเหยียนลุกขึ้นจากบนพื้น จ้องมองเซียวเจิ้นเที่ยนด้วยดวงตาที่บูดบึ้งไม่ยิ้มแย้มแล้วถาม: “บอกฉันมา ใครที่เบื้องหลังบงการให้แกทำลายตระกูลเย่?”
####บทที่ 225 ผู้มีพระคุณ ตอบแทนด้วยชีวิต
เซียวเจิ้นเที่ยนสบตากับฟางเหยียน เมื่อตอนที่ได้ยินคำถามนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาทั้งตัว ใบหน้าชราก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วจนกลายเป็นตัวอักษร“ฉวน”(ฉวนในที่นี้แปลว่าแม่น้ำลักษณะตัวอักษรคล้ายกับการเครียดจนกลายรอยย่นที่อยู่ตรงระหว่างคิ้ว)
สายตาของฟางเหยียนเฉียบคม ก็เหมือนราวกับดาบคมเล่มหนึ่งที่แทงทะลุหัวใจของเซียวเจิ้นเที่ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ