เห้ออีกางจ้องฟางเหยียนอย่างโกรธแค้น แววตาคู่นั้นดูๆแล้วได้กลับไปเป็นแววตาเย่อหยิ่งเมื่อกี๊อีกครั้ง เพื่อความอยู่รอดเขายอมกล้ำกลืนอดทนต่อการด่าทอได้ เขาสามารถก้มหัวเป็นลูกน้อยของคนอื่นได้
แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกันแล้ว เขาไม่ก้มหัวเป็นลูกน้องให้คนอื่นอีกแล้ว กลับกัน เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ในจุดได้เปรียบแล้ว เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ เจอคนของ“ทีม”ตัวเอง เขาก็ต้องมีความกล้ากลับมาอยู่แล้ว
“อ๋อ?” อู๋หมิงมองไปยังคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง กู่เฟิงเป็นนินจาระดับสูง ไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา กู่เฟิงไม่มีโอกาสที่จะได้ต่อกรใดๆ คนที่อยู่ด้านหน้าตรงนี้จะต้องฆ่ากู่เฟิงแล้ว จึงได้มีความกล้าขึ้นมาที่นี่ได้
หรือเขาคิดว่าการที่ฆ่ากู่เฟิงได้ แล้วจะทำอะไรที่สำนักไร้หน้าก็ได้งั้นเหรอ? เขาเป็นใคร ช่างยโสโอหังจริงๆ
“ภารกิจล้มเหลวแล้วเหรอ?” อู๋หมิงถามอย่างเลือดเย็น ค่อยๆขยับตัวช้าๆ พิงไปที่เก้าอี้
เห้ออีกางก้มหน้า หลังจากที่เงียบไปสักพักจึงได้กล่าวว่า “เดิมที เดิมทีผมจะทำสำเร็จแล้ว อีกนิดก็จะซื้อตงข่ายกรุ๊ปได้แล้ว แต่จู่ๆก็เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น หลังจากที่มันมาแล้ว แผนการของเราก็ล่ม”
อู๋หมิงพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “โอเค ฉันรู้แล้ว”
เสียงของเขาต่ำมาก เหมือนกับจงใจกดมันไว้
ฟางเหยียนมองผู้ชายที่ผมยาว ใส่รองเท้าบู๊ทผ้า สวมชุดฮั่นฝูที่อยู่ตรงหน้า เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างๆยังมีสาวสวยที่งามร่ำลือไปทั้งเมืองสี่คนยืนอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเขาต้องเป็นราชาของที่นี่แน่นอน และก็คืออู๋หมิงที่เห้ออีกางกล่าวถึง
สมแล้วที่เป็นหมารับใช้ผู้รับผิดชอบเขตซีหนาน ดูท่าทางของเขา เขายกตัวเองเป็นราขาแล้วจริงๆ! แต่แบบนี้ก็ดีนะ ให้แกได้โอหังต่ออีกสักพัก นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่แกจะได้โอหังแล้วล่ะ ผ่านจากวันนี้ไป แกก็จะไม่มีโอกาสได้โอหังแล้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาเก็บแรงอาฆาตของในร่างกายไป แล้วถาม “แกคืออู๋หมิง?”
อู๋หมิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ร่างกายยืดตรงขึ้นมา มือทั้งสองข้างวางไว้บนหน้าขา มองขายที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง ในสายตาของอู๋หมิงนี่เป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะถามชื่อต่อหน้าตน
“ฮ่าๆๆ!” อู๋หมิงหัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงทุ้ม จากนั้นก็หน้าบึ้งตึง แล้วกล่าว “ใช่ ฉันก็คืออู๋หมิง!”
“แกส่งมันไปซื้อกิจการตงข่ายกรุ๊ปบริษัทเมียของฉันใช่มั้ย?” ฟางเหยียนเดินมาเข้าใน ก้าวย่างอย่างมีพลัง และทุกๆย่างก้าวล้วนมีกลิ่นอายแรงอาฆาตที่รุนแรง
อู๋หมิงยังคงไม่กระปรี้กระเปร่าอยู่เช่นเคย แล้วนั่งพิงเก้าอี้อีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างไม่หวาดหวั่นว่า “ฉันส่งมันไปซื้อกิจการเองแหละ ทำไมเหรอ? มีปัญหาอะไรมั้ย?”
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าว “ได้! งั้น แกตายได้แล้วล่ะ สำนักไร้หน้าของแกก็ถูกทำลายได้แล้ว”
เมื่อฟางเหยียนพูดจบ รอบๆมีเสียงฝีเท้าที่ดังวุ่นวาย
แว็บเดียวก็มีคนปกปิดใบหน้าจำนวนไม่น้อยเข้าล้อมไว้ คนปกปิดใบหน้าพวกนี้ไม่ให้ใครเห็นหน้า เหมือนทำสิ่งไม่ดีไว้ เพียงแค่ในระยะไม่กี่นาที ทางเดินของชั้นสอง ห้องโถงของชั้นหนึ่งล้วนเต็มไปด้วยผู้คน
คนที่อยู่ในห้องโถงขั้นสองล้วนถือปืนทั้งหมด แต่ล่ะคนพร้อมจะจู่โจม และคนที่อยู่ชั้นหนึ่งล้วนถืออาวุธแหลมคม จำนวนผู้คน น้อยหน่อยก็หลายพันคน ชั้นบนชั้นล่างรวมกัน ประมาณเป็นหมื่นได้! ฟางเหยียนไม่ได้เห็นฉากแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนอยู่ในสนามรบฆ่าศัตรู ฉากแบบนี้แทบจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ครั้งที่แล้วตอนอยู่เมืองจินโจวเจอกับสามคุณชายจินโจว พวกเขาก็จัดฉากแบบนี้เช่นกัน เหมือนกับครั้งที่แล้วมาก
แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้เมื่อเทียบกับคนพวกนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถมากกว่าสิบเท่า พวกคนที่สามคุณชายจินโจวพามานั้นอยู่ในระดับทั่วไปสุดๆ แต่พวกคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เคยบำเพ็ญตนมาก่อน ดูออกว่าคนของสำนักไร้หน้าก็ไม่ธรรมดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ