อ่านสรุป บทที่ 613 ที่มาของความมั่นใจ จาก จอมนักรบทรงเกียรติยศ โดย โซ่วปี่หนานซาน
บทที่ บทที่ 613 ที่มาของความมั่นใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จอมนักรบทรงเกียรติยศ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ต่งยู่เป็นหญิงสาว แค่มองก็เห็นความอิจฉาภายในดวงตาของผู้หญิง ดูเหมือนผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็รู้จักกับฟางเหยียน แล้วยังถูกฟางเหยียนดึงดูดเข้าแล้วด้วย เมื่อนึกถึงจุดนี้ จู่ๆเธอก็ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันใด
เธออยู่บนหลังของฟางเหยียน เอี้ยวหน้าถาม “พวกคุณรู้จักกัน?”
หญิงสาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปรียบเทียบ ตอนมีแฟนหนุ่มก็เทียบแฟนกัน หลังแต่งงานก็เทียบสามีกัน หลังมีลูกเทียบลูกกัน ไม่ว่าจะอะไร เพียงแค่มีผู้หญิงสองคนตรงข้ามกัน การเปรียบเทียบไม่มีทางหยุดได้!
“เมื่อกี๊คุณพูดอะไรนะ?” ฟางเหยียนถามเสียงเบา
หญิงสาวกล่าว “สามคนนั้นที่คุณผิดใจด้วยที่บนรถ พวกมันกำลังรอคุณอยู่ที่ตีนเขา!”
“ผิดใจ!” ฟางเหยียนพูดสองคำนี้ซ้ำอีกครั้ง จากนั้นกล่าวว่า “ขอบคุณครับ!”
พูดจบ เขาเดินหน้าต่อไป!
ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการกลับไปหาสิ่งล้ำค่าของอีกสี่สำนัก
หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นก็ได้สติกลับมา ดูเหมือน เขาไม่ฟังคำพูดของเธอเลย โดยเฉพาะตอนที่เห็นเขาเดินไปด้านหน้าแล้ว เธอที่ร้อนรนอยู่ไม่ถูกยื่นแขนทั้งสองข้างไปขวางฟางเหยียนทั้งสองคนไว้ กล่าวอย่างร้อนใจว่า “พวกมันรอคุณมาสี่วันแล้ว คุณลงไปก็จะถูกพวกมันล้างแค้น พวกมัน พวกมัน…...”
“ไม่เป็นไรครับ!” ฟางเหยียนพูดออกมาสามคำอย่างเย็นชา แล้วเดินต่อไป!
แล้วสองคนหายไปจากตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวโมโหจนกระทืบเท้าทันที!
แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีคุณธรรมขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงได้วิ่งตามไปอีก
ที่แท้เดินทางลัดไปได้ไม่นาน ฟางเหยียนได้เห็น‘คนที่คุ้นเคย’ คือ‘เซียนกระโดด’สามคนบนรถบัส! สามคนกำลังหมอบเป็นแถวบนพื้น ดูท่าทางเหมือนกำลังถ่ายหนักอยู่
ฟางเหยียนเห็นพวกเขา พวกเขาก็เห็นฟางเหยียนเช่นกัน
“เชี่ย!”
จู่ๆเสียงตะโกนด่าทำให้ทั้งสองตื่นตกใจ หนึ่งในชายฉกรรจ์ตะคอกว่า “มึงแม่งไม่มีอะไรจะส่งเสียงทำไมวะ”
“ลูก ลูกพี่ เจ้า เจ้านั่น!”
ชายฉกรรจ์หันไปอย่างเร็ว พูดโดยไม่รู้ตัวออกมาว่า “เชี่ย!”
เมื่อหญิงสาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็แสยะยิ้มออกมา โผล่ฟันที่ถูกควันบุหรี่เคลือบจนเหลืองออกมา
ทั้งสามตื่นเต้นจนไม่มีอะไรเทียบได้ พระเจ้าช่วยให้ประสบความสำเร็จนะเนี่ย รอมาสี่วันและแล้วเวลาที่รอก็มาถึง!
เพราะเซอร์ไพรส์บรรยากาศจึงได้อึดอัดเคร่งเครียด ราวกับเวลาได้หยุดลง แต่เสียงที่ตามมา ทำลายความเงียบสงัดลง
“นี่! บอกแล้วไงว่ามีคนรอคุณอยู่ ทำไมคุณไม่ฟังเนี่ย! ฉัน…...” เสียงถึงนี้ก็หยุดลง เพราะหญิงสาวได้เห็นสามคนที่เฝ้าอยู่ที่ปากทางแล้ว ตกใจจนปิดปากขึ้นมาทันที
“นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้ารายงานพวกมัน ถ้าไม่ขายแกก็ทำผิดต่อความสามารถขนาดนี้ของแกแล้วล่ะ!” เมื่อเสียงของชายฉกรรจ์สิ้นสุดลง ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังฟางเหยียนตกใจจนหน้าซีด ตัวสั่น
ต่งยู่พยายามดิ้นลงมาจากหลังของฟางเหยียน เดินไปที่ข้างๆของหญิงสาวแล้วลากมา
เดิมทียังค่อนข้างริษยาต่งยู่อยู่บ้าง หลังจากที่ต่งยู่ได้แสดงการกระทำนี้ออกมา หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นขึ้น
“ไม่ต้องกลัวนะ! พี่ชายคนนี้เก่งกาจมาก” ต่งยู่ปลอบใจ จากนั้นแววตาที่เชื่อมั่นมองไปยังฟางเหยียน
“ไม่!” ตุ่งยู่รีบกล่าว “คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน พวกมันเป็นพวกสวะนะ”
“มึงสิแม่งเป็นสวะ!” ชายฉกรรจ์นั่นทิ้งก้นบุหรี่ในมือลงกับพี่อย่างแรง โมโหจนหน้าเขียว
เขาจ้องต่งยู่ สายตาเปลี่ยนไป แล้วกล่าว “ฉันไม่รังเกียจที่จะให้แกมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไปก่อนนะ!”
“แกอยากตาย?” ฟางเหยียนไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไร เดินไปข้างหน้าทันที ขวางหน้าของต่งยู่ไว้ ด้วยสายตาเย็นชา
“ทำไม? ยังคิดจะต่อสู้?” เมื่อผู้หญิงเห็นท่าทีฟางเหยียนจะต่อสู้ ก็อดที่จะดูแคลนออกมาไม่ได้ “เด็กน้อย แกทำให้พวกเราขายหน้าไปทั่วเมือง ถ้าตอนนี้แกคุกเข่าขอโทษฉัน ฉันพิจารณาปล่อยแกไปได้นะ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องบอกลูกพี่หวาง แกไสหัวไปแต่โดยดีก็จบ”
นิสัยของมนุษย์ เปลี่ยนยากเสียยิ่งกว่าอะไร สำหรับนักเลงที่ไม่จำไว้เป็นบทเรียน ทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งการกระทำและการพูดเป็นไปไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่จะทำได้คือต่อยหนึ่งยก ถ้าไม่ยกไม่ได้ ก็ต่อยจนเขาเปลี่ยนแปลงค่อยสิ้นสุด
หญิงสาวส่งเสียงอยู่ทางนั้น แต่ชายฉกรรจ์กลับไม่ลงมือ การเหยียดหยามเมื่อสี่สี่วันก่อนยังคงอยู่ในจิตใจ หันหน้าไปมองเสี่ยวโก่วแล้วกล่าว “ยังรออะไรอีก รีบโทรหาพี่หวางสิ ให้เขารับมา มีของใหม่!”
เสี่ยวโก่วเข้าใจโดยเร็ว โทรออกอย่างทันใด
ชายฉกรรจ์ภายนอกสงบ แต่ในใจกลับผวาเหมือนหมาแก่ แต่ยังไงตนก็คือลูกพี่ของพวกเขา จะเสียหน้าไม่ได้ ทำได้เพียงตะคอกใส่ฟางเหยียนว่า “เด็กน้อย ได้ยินคำพูดที่เธอพูดแล้วยัง?เพียงแค่แกตกลง พวกเราก็ปล่อยแกไป!”
หลังจากพูดจบ ตอนที่มองต่งยู่ แววตาอดที่จะโลภและเกิดกิเลสขึ้นไม่ได้
ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูท่าทางแล้ว การสั่งสอนในวันนั้นยังไม่พอ!”
“สั่งสอน?มึงแม่งทำลายเกียรติกูไปหมดแล้ว วันนี้กูไม่ฆ่ามึงอย่าเรียกกูว่าเสี่ยวโก่ว!ลูกพี่ ลงมือเถอะ” พูดพลาง คนที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวโก่วหยิบปืนขึ้นมาโดยตรง จ่อไปที่ฟางเหยียน
ฟางเหยียนยังคงนิ่งสงบ ใบหน้านิ่งเหมือนน้ำ มิน่าล่ะที่สองสามคนนี้โอหังขนาดนี้ วันนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ที่แท้ในมือก็มีปืนนี่เอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ