โจวซานอึ้งไป จะต่อสู้? พวกเขาไม่ได้จริงๆ หากจะบอกว่าเป็นพวกขี้เมาหยำเปก็ไม่เกินไป คนเหล่านี้เป็นคุณชายลูกเศรษฐีมีหน้าตาในสังคมทั้งนั้น เคยลงมือต่อสู้จริงๆ เมื่อไร? พวกเขาแค่ขยับปากเท่านั้น ไม่เคยขยับมือ ต่อให้จะมีร่างกายใหญ่โตกำยำ แต่ก็เป็นเพียงภายนอกที่ใช้การไม่ได้เท่านั้น
เพียงแต่โจวซานไม่เข้าใจเล็กน้อย แม้แต่คุณชายลูกเศรษฐีสามคนที่เหลือก็เป็นไปด้วย นอกจากซูฉางคาย หลัวเจี๋ยและหลินเซียวได้ล้วงโทรศัพท์ออกมา เตรียมที่จะเรียกพวกพ้อง เจิ้งชงเตะเขาทันที จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด “แกจะบ้าหรือไง กะอีแค่คนไร้น้ำยาคนหนึ่ง จำเป็นต้องโทรเรียกพวกมาด้วยเหรอ? ในหัวของแกมีแต่ขี้หรือไง? ฮะ!”
คำพูดสุดท้าย เจิ้งชงตะคอกราวกับใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ น้ำลายกระเด็นโดนใบหน้าของหลัวเจี๋ยและหลินเซียวทั้งหมด
ทั้งสองคนสบตากัน สองคนมองหน้ากันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
โจวซานสูดหายใจเข้าลึก เริ่มเอ่ยปลุกใจคน “พี่ๆ ตอนนี้เป็นเวลาพิสูจน์เราแล้วพอดี เราจะทำให้คุณชายเจิ้งต้องถูกรังแกไม่ได้ พวกพี่ว่าถูกต้องไหม พวกเราทั้งสี่คนจะสู้คนคนไร้น้ำยาอย่างเจ้าฟางเหยียนคนเดียวไม่ได้เลยหรือไง? จัดการก็สิ้นเรื่อง ถูกไหมพวกๆ ?”
คำตอบแผ่วเบา ราวกับไม่ได้ทานข้าวอย่างไรอย่างนั้น ทว่าจากนั้นเจิ้งชงก็กวาดสายตามองทุกคนด้วยความดุดัน เสียงอันดังก็ปกคลุมทั่วทั้งห้องวีไอพี เสียงแหลมและเสียดหู เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็ผุดรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมา
เขาเจ้าเล่ห์และฉลาดมาก แน่นอนว่าเขาต้องทราบ ว่าตอนนี้เป็นเวลาประจบเจิ้งชงที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็มีสองด้านเสมอ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ขอเพียงทำตามจุดประสงค์ของเจิ้งชง พวกเขามีแต่จะได้รับผลประโยชน์ ทว่าหากปลีกตัวหลีกหนีไปยามนี้ เจิ้งชงมีวิธีเดียวที่จะทำให้ทั้งสี่คนไม่แผ่นหนีไปฟรีๆ
อีกทั้ง!
นี่คือการค้าขายที่มีแต่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แถมยังลงทุนน้อยอีกด้วย นี่เป็นโอกาสที่หามาได้ยากมากจริงๆ โจวซานไม่อยากให้โอกาสต้องหลุดลอยไปดื้อๆ เขาจึงได้รวบรวมผู้คนมาจัดการกับฟางเหยียน และถือว่าทำเพื่อให้ตัวเองกล้าขึ้นมาด้วย
เจิ้งชงราวกับมองเห็นฉากที่ฟางเหยียนถูกอัดล้มลงแล้วร้องขอชีวิตแล้ว เขากำลังคิดปัญหาหนึ่งอยู่ การที่ฟางเหยียนร้องขอชีวิตแล้วเขาจะใจอ่อนปล่อยเขาไปหรือไม่นะ? จะทำหรือไม่? คำตอบคือแน่นอน แน่นอนว่าไม่มีทาง ไม่เพียงแต่จะไม่มีทางปล่อยไป แถมยังจะฆ่าฟางเหยียนทิ้งทันที ทำให้เขาได้รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะยั่วยุได้ทุกคน มีบางคนเขาก็ไม่สามารถที่จะดูถูกดูแคลนและครอบครองได้!
รู้สึกสะใจอย่างยิ่ง!
ทว่า!
อยู่ๆ เขาก็นึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ รอยยิ้มบนใบหน้าจึงแข็งทื่อทันที หากฟางฟังร้องขอชีวิตให้ฟางเหยียน ตนจะใจอ่อนปล่อยเขาไปหรือไม่?
ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากัน!
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเฝ้ารอเห็น ใบหน้าอันออดอ้อนที่ฟางฟังร้องขอให้ไว้ชีวิตแล้วสิ!
โจวซานและทั้งสี่คน ยกหมัดกำไว้ ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ จากนั้นก็เข้าล้อมฟางเหยียนและอีกสองคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทว่าไม่มีผู้ใดลงมือเลย
เมื่อเห็นภาพนี้ ฟางฟังจึงยิ้มขมขื่นส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “เจิ้งชง นายจะต้องนึกเสียใจในสิ่งที่นายทำในวันนี้ทั้งหมด!”
“นึกเสียใจ? ฉันเจิ้งชงทำอะไรเคยนึกเสียใจตอนไหน? แต่เป็นเธอนั่นแหละ...” เจิ้งชงยิ้มแฉ่ง เผยให้เห็นฝันสีดำที่ถูกควันรม เขายิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นมา เอ่ยว่า “อีกสักครู่ เธออย่าเพิ่งรีบร้อนร้องขอชีวิตล่ะ ฉันจะต้องทรมานไอ้เจ้าหนูนี่ให้ดีๆ เสียหน่อย จะต้องให้มันได้รู้ ว่าอะไรเรียกว่าเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่!”
ฟางฟังได้ยินดังนั้นก็ขำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากจะไปสนใจเจ้าคนปัญญาอ่อนนี่ ไม่อย่างนั้นสติปัญญาของตนเองคงจะต้องลดลงตามด้วยเป็นแน่
“พี่เหยียน ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่ต้องปกป้องฉัน หรือแคร์ความรู้สึกฉันหรอก สำหรับคนที่ปัญญาอ่อนไม่มีศีลธรรมเหล่านี้ ฉันสีซอให้ควายฟังจริงๆ เลย เชิญพี่ตามสบายเลย ฉันทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ”
“มดแดงคิดเขย่าต้นไม้ใหญ่ รนหาเรื่องเอง!” ฟางเหยียนทิ้งประโยคนี้ไว้ จากนั้นก็กลับหลังหันเปิดประตูใหญ่ห้องวีไอพีอย่างสบายๆ หลังจากที่เขาออกไปจากห้องวีไอพี ทั้งห้องวีไอพีก็มีเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นมา
“อ๊าก...”
ทุกคนเพิ่งจะมองเห็นชัดเจนว่า ข้อมือของทั้งห้าคนมีตะเกียบเสียบอยู่!
เพียงพริบตาเดียว เลือดพุ่งกระฉูด
ความกลัว กระส่ายกระสับเข้าปกคลุมเจิ้งชงและคนอื่นๆ ทันที ทุกคนล้วนไม่ได้มองตะเกียบอย่างชัดเจน ว่ามันเข้ามาปักอยู่บนมือของพวกเขาได้อย่างไร ทว่าพวกเขากลับทราบว่า นี่จะต้องเป็นฝีมือของเจ้าคนไร้น้ำยานั่นแน่นอน
“คุณชายเจิ้ง ผมจะตายแล้วใช่ไหม!” หลินเซียวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ