รูม่านตาของฟางเหยียนหดตัว แรงอาฆาตเต็มเปี่ยม ปีศาจฆ่าคน แล้วยังเป็นทหารอีกด้วย!
สิ่งที่ทำให้เขาช็อกที่สุกคือ คนนั้นยังเรียกตัวเองว่าเป็นลูกน้องของจอมพลโผ้จวิน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเพราะฟังคำสั่งของจอมพลโผ้จวิน!
เป็นไปได้ยังไงกัน!
ไม่ว่าจะเป็นพรรคพวกของสำนักเจ็ดพิฆาตหรือพี่น้องของกองทัพที่ออกมา ใครมันจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้? สังหารผู้คน สังหารผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นี่เป็นข้อห้ามของกองทัพ นี่จะถูกส่งไปลานประหาร สุดท้ายก็ถูกตัดหัว!
การสังหารที่บ้าคลั่งแบบนี้ จะเป็นคำสั่งของฟางเหยียนได้อย่างไรกัน!เขารักประชาชนของตนเองจะแย่ แล้วจะปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสังหารคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้อย่างไรกัน?
พูดเป็นเล่นอะไรกัน!
แรงอาฆาตในตาของเขายิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น ไม่ว่าใครให้ทำ ก็เป็นคนทรยศ ปีศาจฆ่าคนที่เป็นทหารนี้ ได้ถูกหมายหัวแล้ว
จักรพรรดิชิงตี้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าฟางเหยียน ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
ใช่ กลัวสุดขีด
ความเหี้ยมโหดของฟางเหยียนเหมือนกับลายน้ำที่กระจายตัวออก อากาศรอบๆตัวจู่ๆก็ลดลงหลายองศา เหมือนกับถูกคนโยนลงไปในรูน้ำแข็ง หมดหนทางและอ่อนแอ จักรพรรดิชิงตี้รับรู้ได้ถึงการข่มขู่ กดจนเธอทรมานมาก
ทันใดนั้น เขาก็นึกออกเรื่องหนึ่ง
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลโจวที่ดินแดนตะวันตก ที่ตระกูลโจวปรากฏคนที่ปลอมตัวเป็นจอมพลโผ้จวินของเขา แต่ถูกเขาสังหารในงานทันที และที่เขาปลอมตัวเป็นฟางเหยียนมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือหวังว่าตระกูลโจวแห่งดินแดนตะวันตกอยู่ในอาณัติของเขา พูดง่ายๆคือ นี่คือเพลิงเสวนจงใจใช้ชื่อของฟางเหยียน ขยายอำนาจของตัวเอง!
หรือ…...เพลิงเสวนได้ใช้วิธีการเดิมอีกแล้ว?
ใส่ร้ายป้ายสี?
นี่เป็นวิธีต่ำช้าไม่ใช่เหรอ?
เพลิงเสวนยังคงไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล!
ไม่สิ!
เพลิงเสวนยังไม่งั่งถึงขั้นใช้ชื่อของจอมพลโผ้จวินมาใส่ร้ายป้ายสีเขา เพราะบทเรียนครั้งที่แล้วทำให้พวกเขาเสียหายใหญ่หลวง อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าเหิมเกริม
ไม่ใช่เพลิงเสวน?
หรือจะเป็นคนของกองทัพจริงๆ?
ช่างเหอะ!
คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว ถึงตอนนั้นให้เทียนหลังสืบเอาก็ได้
ฟางเหยียนเก็บความเหี้ยมโหด มองออกไปยังท้องนานอกหน้าต่าง แล้วเดินออกไป
จักรพรรดิชิงตี้เพิ่งรู้สึกตัว จึงรีบไล่ตามไป “ที่รักคะ สายตาเมื่อกี๊ของคุณทำให้ฉันกลัวมาก ราวกับจะฆ่าคนได้”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบเธอ เดินไปที่สะพานไม้โดยตรง มองลำธารที่ไหลมาช้าๆ ค่อยๆหลับตาลง ฟังอะไรบางอย่าง ไม่นาน เสียงสัตว์ร้องเจื้อยแจ้ว ข้างๆหู สิ่งรอบข้างๆเปลี่ยนไป จากเสียงน้ำไหลดังเข้าไปในโสตประสาท ใบหน้าของฟางเหยียนปรากฏเป็นความปรารถนาอันแรงกล้า
ตอนนี้เขาเหมือนกับผู้เฒ่าที่ตกปลาอย่างไรอย่างนั้น เชยชมความงามของธรรมชาติอย่างสงบ เขาลืมไปแล้ว ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้อยู่กับธรรมชาติ ยังจำที่อาจารย์ของตนพูดไว้ได้ สภาพจิตใจ จิตใจสงบ สิ้นสุดของใจ ตอนนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของสามคำนี้แล้ว จิตใจสงบลง จึงจะไปถึงสภาพจิตใจ เมื่อถึงสภาพจิตใจก็เป็นจุดสิ้นสุดของใจ หัวใจใหญ่ขนาดไหน ความสามารถก็มากขนาดนั้น นี่เป็น‘ใจสามดวง’ที่อาจารย์ของเขาให้เขาไว้ก่อนไป
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้จิตใจของเขาไม่สามารถสงบลงได้ ไม่ได้ถามใจของตัวเองเลยเสียด้วยซ้ำ ว่าจะสำเร็จได้อย่างเร็วมั้ย แต่ฟางเหยียนที่ตอนนี้ปลีกเวลาออกมา จู่ๆก็พบว่าในใจของเขาราวกับหุนหันพลันแล่นขึ้นมา ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะอยู่ในป่าลึก เข้าใกล้ธรรมชาติ บรรเทาในใจที่หุนหันพลันแล่นของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ