จากที่เทียนขุยไล่ฆ่าไปทั่ว ทุกคนที่เดิมทีคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ ต่างก็แตกกระจาย หลบหนีกันอย่างน่าอนาถ!
ฟางเหยียนไม่สู้กลับ ไม่ต่อต้าน ไม่ได้หมายความว่าเทียนกางจะทำตามกฎนี้ ความโมโหที่อดกลั้นไว้ เขาทนไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว!
เป็นนินจาระดับต้าชี่เหมือนกัน แต่ความแตกต่างจะมากเกินไปแล้ว! ความน่ากลัวที่เทียนกางปล่อยออกมา ทำเอาสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว ในใจกระสับกระส่าย ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ด้วย คิดเพียงแค่ว่าไม่อยากโดนทำร้ายไปด้วย หนีได้ไกลมากเท่าไหร่ก็หนีไปมากเท่านั้น!
เทียนกางถีบคนตรงหน้าออก แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่ใหญ่ครับ ความดูถูกเหยียดหยามที่คุณได้รับ เทียนกางคนนี้จะต้องนำกลับมาให้คุณ คุณอย่าได้โทษเทียนฝู่ ผมหนีออกมาเองครับ ผมทนเห็นพี่ใหญ่ถูกเหยียดหยามไม่ได้ อีกอย่าง พี่ใหญ่ครับ ผมคิดว่าคุณนายน่าจะไม่ไหวแล้ว เทียนซิงและเทียนฝู่พูดว่าคุณนายไม่ขยับแล้ว รู้สึกว่ามีจุดไหนแปลกๆครับ”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เทียนฝู่เรียกได้ว่ามีตัวตนเป็นที่ปรึกษาทางการทหารของสำนักเจ็ดพิฆาต แม้แต่เขายังสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ดูแล้วน่าจะมีปัญหาจริงๆ แต่ปัญหามันคือจุดไหนกันละ?
เทียนฝู่ดูอะไรก็แม่นมาเสมอ ดังนั้นจึงได้จัดส่งเขาไปอยู่ที่เมืองหลวงเพื่อรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเมืองหลวง ดำรงตำแหน่งมานานขนาดนี้ ไม่เคยมีข้อผิดพลาดเกินขึ้นเลย เขาสุขุมรอบคอบ ระมัดระวังและละเอียดมาเสมอ เป็นทหารที่ทุ่มเทมาก นอกจากทุ่มเทแล้ว การวางแผนของเขาก็อยู่ในระดับสูงสูดของสำนักเจ็ดพิฆาต รองจากฟางเหยียนเพียงเท่านั้น
เย่ชิงหยู่ก็ยังเป็นเย่ชิงหยู่คนนั้น การที่ไม่ขยับอาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยล้า ไม่มีแรงแล้ว จากความหมายในคำพูดของหลัวเทียนเยว่แล้ว เย่ชิงหยู่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ทรมานมาทั้งคืน แม้จะเป็นผู้ชายก็คงไม่ไหว แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งละ?
จากนั้น ฟางเหยียนก็มองไปที่เย่ชิงหยู่อีกครั้ง ที่ไหนผิดปกติกันแน่นะ?
คำพูดประโยคนั้นของเทียนกางที่ว่าไม่ขยับแล้ว เป็นเหมือนกับแมวน้อย ที่ข่วนใจของฟางเหยียนอยู่ตลอดเวลา
เวลาเพียงไม่นาน เดิมทีสถานการณ์ที่ได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียว ถูกเทียนกางเพียงคนเดียวพลิกสถานการณ์!
พวกเขาต่างก็รีบหนี ไม่กล้าต่อสู้ด้วย!
สีหน้าของจางไห่เฟิงไม่พอใจอย่างที่สุด ตัวเองกลับมาอย่างราชา เปลี่ยนตัวเองอย่างสง่า แต่ก็ยังสู้ลูกน้องของฟางเหยียนไม่ได้ ความรู้สึกแตกต่างผุดขึ้นมา “ฟางเหยียน นายอยากจะให้เย่ชิงหยู่ตายเร็วหน่อยใช่มั้ย”
พูดไปแล้วก็ไม่ได้สนใจว่าฟางเหยียนจะได้ยินมั้ย แล้วก็ยิงไปที่แขนของเย่ชิงหยู่หนึ่งนัด!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น ทั้งโรงพยาบาลร้างต่างก็เงียบสงบลง เหมือนกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลง!
เทียนกางหยุดต่อสู้ ก้มหัวไว้เหมือนกับเด็กที่ทำเรื่องผิดมา
ฟางเหยียนใจกระตุก ร่างกายสั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ โมโหอย่างมาก “จางไห่เฟิง!”
“นายโทษอะไรฉันได้? จะโทษก็โทษตัวนายเองเถอะ เหมือนว่าฉันจะบอกกับนายแล้วว่า นายมาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วตอนนี้ละ? ฆ่าคนของฉันมากมายขนาดนี้ หรือฉันไม่ควรจะโมโหสักหน่อย? เหมือนฉันจะเคยบอกกับนายแล้ว มือของฉันมันสั่นง่าย นี่ก็….ฮ่าๆๆ….”
และกระสุนนัดนี้เอง ที่ทำลายความอดทนสุดท้ายของฟางเหยียนจนหมดสิ้น!
และก็กระสุนนัดนี้เอง ได้ทำลายความไร้สติในใจของฟางเหยียน!
“ฆ่า!”
เสียงคำรามคำหนึ่งดังออกมาจากปากเขา เทียนกางคิดว่าตัวเองฟังผิดไป แต่เมื่อมองดูร่างกายของฟางเหยียนที่ขยับเคลื่อนไหวอย่างกับวิญญาณแล้ว เขาก็รีบเข้าร่วมการเข่นฆ่านี้ด้วย เขาอยากจะถามมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนี้ สามารถลงมือได้ก็อย่าได้ถามมากเลย!
ฟางเหยียนเห็นใครก็ฆ่าอย่างกับเป็นบ้าไปแล้ว กำลังอันทรงพลังได้ทำให้ทุกคนหวาดกลัว แม้แต่ใจของจางไห่เฟิงเองก็สะดุ้ง สมองก็ยิ่งอื้ออึงไปหมด!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
หรือว่าเรื่องที่สลับตัวจะถูกจับได้แล้ว?
เป็นไปไม่ได้!
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักที!
ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะยิงทำไมกัน!
ยิงออกไปแล้วไม่มีแม้แต่เลือด นี่มันเป็นการแฉตัวเองชัดๆไม่ใช่รึไง?
จางไห่เฟิงเรียกได้ว่าทดสอบอย่างบ้าคลั่งในจุดที่หาเรื่องตาย
เหตุผลที่ฟางเหยียนลุกขึ้นมาต่อสู้ก็เพราะว่า เขาเองก็สังเกตเห็นแล้วว่า ‘เย่ชิงหยู่’ ตายไปแล้ว! นี่ก็เป็นชนวนที่ทำให้ฟางเหยียนลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างสุดกำลัง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ